“การพูดง่ายกว่าการกระทำ” คำพูดนี้ใช้ได้กับคนที่ชอบพูดชอบพล่าม แต่ไม่ชอบลงมือกระทำอย่างจริงๆ จังๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบกระทำในสิ่งที่ดีงาม ถูกต้อง และเหมาะสม
หากจะพูดถึงประเด็นการรัฐประหารครั้งล่าสุดของประเทศไทย ที่กำลังจะวนเวียนมาครบ 4 ปีเต็มในวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ก็มีการตั้งประเด็นกันในสังคมว่า รัฐประหารครั้งนี้เสียของหรือได้ของกันแน่
คำตอบในเรื่องนี้ก็อยู่ที่ว่าใครตอบ แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้ถามด้วย หากคนถามกับคนตอบเป็นพวกที่นิยมและสนับสนุนกลุ่มผู้ทำรัฐประหาร ก็คงจะต้องตอบว่าไม่เสียของ และได้ผลประโยชน์อย่างงดงาม แต่ถ้าหากคนถามกับคนตอบเป็นคนที่ไม่ปลื้ม ไม่ชื่นชมผู้ทำรัฐประหาร ก็จะต้องได้คำตอบว่าเสียของ และเสียโอกาสของประเทศอย่างสาหัสสากรรจ์
หัวหน้าคสช. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในที่ประชุมคสช. เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2557 ในขณะที่ประยุทธ์ยังไม่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า รัฐประหารครั้งนี้จะไม่เสียของเหมือนรัฐประหารครั้งก่อน และตนเองก็ไม่เคยหลงใหลได้ปลื้มกับอำนาจที่ยึดมาได้แต่อย่างใด พร้อมกับบอกว่าอีกสามเดือนจากนี้ไป ประเทศไทยจะมีรัฐบาลชุดใหม่ที่จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปสู่ความสงบเรียบร้อย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายกรัฐมนตรี บอกกับสื่อมวลชนหลังถูกบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย วิจารณ์ว่ารัฐบาลคสช. ไม่สามารถปฏิรูปประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยนายกรัฐมนตรีบอกว่า หลายคนอาจไม่เข้าใจว่ารัฐบาลได้ทำการปฏิรูปประเทศไปแล้วหรือยัง แต่ในความจริงรัฐบาลได้ลงมือปฏิรูปไปแล้วหลายด้าน เช่นแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ และบอกว่ารัฐบาลคสช.ได้ทำงานไปมากมายหลายเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนๆ ไม่ได้แก้ไขปัญหาของประเทศ เช่น เรื่องรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่
เมื่อสาธารณชนบางกลุ่มได้ยินนายกรัฐมนตรีตอบคำถามเรื่องการปฏิรูปประเทศ โดยการยกเอาเรื่องรถไฟฟ้า และรถไฟรางคู่มาตอบ ก็ทำให้สาธารณชนบางกลุ่มถึงกับส่ายหัว แล้วบอกว่านายกรัฐมนตรีตอบไม่ตรงคำถาม เพราะการปฏิรูปประเทศที่ประชาชนบางกลุ่มต้องการนั้น มิน่าจะหมายความถึงการแก้ปัญหาเรื่องรถไฟฟ้า และรถไฟรางคู่ แต่หมายถึงความต้องการให้แก้ไข และขจัดปัญหาต่างๆ นานาที่หมัก หมก ซุกซ่อนอยู่ในระบบราชการไทย ระบบกองทัพไทย และระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของไทยให้หมดสิ้นไป
แน่นอนว่า สาธารณชนที่หมดหวังกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นรัฐบาลที่เต็มไปด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวง ต่างต้องการจะเห็นรัฐบาลคสช. ซึ่งมาจากการรัฐประหารเข้ามาแก้ไขความเน่าเฟะของระบบราชการไทย และระบบสังคมไทย แต่ก็ดูเสมือนว่าความคาดหวังของสาธารณชนในประเด็นดังกล่าวนั้นค่อนข้างจะไกลจากความเป็นจริงเสียเหลือเกิน เพราะผู้คาดหวังเช่นนั้นคงจะลืมไปว่าอันที่จริงแล้วคสช.ก็มาจากกองทัพ และกองทัพก็คือส่วนหนึ่งของระบบราชการไทย ดังนั้นการที่จะหวังให้คสช. เข้ามาปฏิรูประบบการเมืองไทย และระบบราชการไทย จึงเป็นเรื่องที่ดูจะผิดฝาผิดตัวตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
เพราะฉะนั้น คำถามว่ารัฐประหารครั้งล่าสุดนี้เสียของหรือได้ของ จึงเป็นคำถามที่ยากจะหาคำตอบ เพราะถ้าหากคนตอบเป็นคนที่ยึดกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมือ เขาก็คงต้องตอบว่า ไม่เสียของ แต่หากคนตอบเป็นคนที่ไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือ เขาก็คงจะต้องตอบว่าเสียของ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะมุมมองของคนมีอำนาจรัฐกับคนไม่มีอำนาจรัฐไม่เคยตรงกันเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี