ผมทราบว่าประเทศไทยมีคนจนมากถึงแม้จะน้อยลงจากเดิม แต่ไม่ทราบว่าจนแค่ไหน รู้ว่าคนรวยก็รวยจัง และรวยยิ่งๆ ขึ้นไป ส่วนคนจนก็จนลง และช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยยิ่งห่างกันทุกๆ ปี
ผมจึงเปิด Chat GPT หาข้อมูลซึ่งมีดังนี้
ตามสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า “สภาพัฒน์” (สศช.) ในปี พ.ศ.2566 มีคนจนประมาณ 4.4 ล้านคน หรือ 6.3% ของประชากร โดยใช้เส้นความยากจน (poverty line) เฉลี่ยที่ 2,803 บาท/เดือน (แต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน)
แล้วคนรวยละมีเท่าไหร่ในประเทศ
คนที่อยู่ในกลุ่ม 10% สูงสุดของรายได้มีประมาณ 6-7 ล้านคน โดยเฉลี่ยมีรายได้มากกว่า 40,000-50,000 บาท/เดือน ขึ้นไป
และจากรายงานของ Credit Suisse 2023 1% แรกของคนไทยมีทรัพย์สินมากกว่า 60% ของทรัพย์สินทั้งประเทศ และมีเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35 ล้านบาท) มากกว่า 100,000 คน
ผมมีความเห็นว่า เส้นความยากจนที่ 2,803 บาท/เดือนนั้นต่ำมาก ใครมีรายได้ 2,803 บาท/เดือน แทบจะไม่มีทางที่จะอยู่ได้ เพราะมีเพียงไม่ถึง 100 บาทที่จะใช้ต่อวัน ค่าเดินทางของหลายๆ คนใน กทม.ก็หมดแล้ว ถ้าได้เพียง 2,803 บาทต่อเดือนต้องอยู่ในชนบท ไม่ต้องไปไหนมาไหน ตื่นขึ้นมาก็ไปทำไร่ ทำนา เก็บผัก ตกปลากิน ฉะนั้นในความเห็นของผมยังมีคนจนอีกมาก มากกว่า 4.4 ล้านคนอย่างแน่นอน รัฐบาลอาจจะใช้ตัวเลขใหม่ที่จะเหมาะสมกับความเป็นจริง (ถึงแม้ตัวเลขนี้อาจจะมาจากสหประชาชาติก็ตาม) ถึงแม้จะทำให้ปริมาณคนจนมีมากขึ้นอีกมาก ซึ่งอาจจะไม่ดีต่อภาพพจน์ของประเทศ แต่เป็นการเตือนรัฐบาลว่ายังมีคนจนอีกมาก รัฐบาลยังมีงานต้องทำมากกว่าเดิมอีกมาก
ส่วนคน 6-7 ล้านคน ที่มีรายได้ประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อเดือน ในความเป็นจริงแล้วผมว่าเงินเดือนแค่นี้ ปัจจุบันนี้ ไม่น่าที่จะเรียกว่ารวย ถ้าประหยัด มีบ้านของตนเอง อาจจะถือได้ว่าพอมีพอกิน มีเงินออม ลงทุน มีเงินพอสำหรับการศึกษาลูกหลาน แต่ถ้ายังไม่มีบ้าน จะต้องเก็บอีกนานกว่าจะซื้อบ้านได้ หรือไม่ก็ผ่อนเป็นเวลาหลายสิบปี เพราะสมัยนี้บ้านมีราคาแพงมาก ถ้าเป็นเช่นนี้ปริมาณ “คนรวย” จะน้อยกว่า 6-7 ล้านคน และคนจนมากกว่า 4.4 ล้านคนอย่างแน่นอน
คนไทยใน 1% สูงสุดครอบครองทรัพย์สิน 56% ของทั้งหมด มีจำนวน 1% ของประชากรผู้ใหญ่ ที่มีทรัพย์สินประมาณคนละ 29 ล้านบาท Top 1% ในไทยกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 5 แสนคน หรือ 1% ของผู้ใหญ่ในไทย ผู้ที่จะอยู่ในกลุ่ม 1% สูงสุดของผู้มีรายได้จะต้องมีรายได้ขั้นต่ำที่ประมาณ 250,000-380,000 บาท/เดือน หรือ 3-4.6 ล้านบาทต่อปี กลุ่ม top 1% นี้มีสัดส่วนรายได้ราว 11.7% ของรายได้รวมประเทศ จากรายงานของ Credit Suisse Global Wealth Databook 2021-2022 พบว่า Top 1% ถือครองทรัพย์สินรวมประมาณ 56% ของความมั่งคั่งทั้งหมดในประเทศ และค่าเฉลี่ยทรัพย์สินสุทธิต่อคนอยู่ที่ประมาณ 33 ล้านบาทต่อคน โดย Top 1% ถือ 76% ของทรัพย์สินทั้งหมด Top 0.1% ถือครอง 40-47% ของสินทรัพย์ทั้งหมดของประเทศไทย
สรุป
1) Top 0.1% 50,000 คน จะมีรายได้รวม 40-47% ของสินทรัพย์ทั่วประเทศ
2) Top 1% 5 แสนคน จะมีรายได้รวม 20-21% ของประเทศ 56% ของความมั่งคั่ง
3) Top 10% จะมีรายได้รวม 48.8% ของประเทศและ (2021) 72.2% ของสินทรัพย์
สรุปคนไม่กี่หมื่น (50,000) เป็นมหาเศรษฐี (top 0.1%) แต่ถือทรัพย์สินเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ (40-47%) ความเหลื่อมล้ำไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง และอยู่ในกลุ่มที่มีความเหลื่อมล้ำสูงเมื่อเทียบระดับรายได้ประชากร
โดยรวมแล้ว ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความไม่เท่าเทียมทางความมั่งคั่งสูงสุดในโลก และสูงกว่าหลายประเทศที่ได้รับการพิจารณาว่ามีเศรษฐีมากกว่า เช่น สหรัฐ หรือ ญี่ปุ่น เช่น ในสหรัฐ Top 1% ครอง 30-35% ของสินทรัพย์ทั้งหมด Top 10% ถือสูงถึง 70% และ 50% ต่ำสุดมีเพียง 2-3% เท่านั้น
แล้วเราจะลดปริมาณคนจนและลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนได้อย่างไร?
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี