วันนี้ต้องว่ากันเกี่ยวกับเรื่องของเสือสักหน่อยหนึ่ง เพราะยิ่งการเมืองเข้มขึ้นมากขึ้นเท่าใด น่าสมเพชเวทนามากขึ้นเท่าใดก็ทำให้เรื่องของเสือ ซึ่งในที่นี้หมายถึงวลีที่เกี่ยวกับเสือ ยิ่งน่าคิดพิจารณามากขึ้นเท่านั้น
ความจริงเสือนั้น จะว่าเป็นสัตว์ร้ายก็ได้ จะว่าเป็นสัตว์ดุก็ได้ แต่ก็ปรากฏว่าคนเราได้เอาเสือมาเลี้ยงจนทำให้เสือหมดสภาพความเป็นเสือไปเลยก็มี
เช่น เอาลูกเสือไปให้หมูหรือหมาเลี้ยง ตั้งแต่ตัวยังเล็กๆ ในที่สุดเมื่อลูกเสือโตขึ้นก็หมดสัญชาตญาณความเป็นเสือ คำรามก็ไม่ได้ ตะปบก็ไม่เป็น และกินอาหารก็กลายเป็นกินแบบหมู หรือ
กินแบบหมา หนักๆ เข้าพฤติกรรมก็เหมือนหมูเหมือนหมาตามที่ถูกเลี้ยงมาและสังคมอยู่ด้วยกัน
คนเราเอาลูกเสือมาให้แม่หมู หรือแม่หมาเลี้ยงแล้วก็ยังไม่สาแก่ใจ บางทีก็เอาลูกหมู หรือลูกหมาไปให้แม่เสือเลี้ยง แม่เสือก็หลงผิดคิดว่าลูกหมูหรือลูกหมาเป็นลูกเสือ ก็สอนให้คำรามบ้าง ให้ตะปบบ้าง
แต่ในที่สุดลูกหมู หรือลูกหมานั้นไม่ว่าจะเรียนคำราม หรือเรียนตะปบจากแม่เสือ ก็กลายเป็นเสียงร้องของหมูหรือหมาอยู่นั้นเอง ท่วงท่าตะปบ ก็ไม่เหมือนเสือ เพราะอย่างไรก็เป็นท่าตะปบแบบหมูและแบบหมาอยู่นั้นเอง
แม่เสือเลี้ยงลูกหมูและลูกหมาหลายตัว พฤติกรรมทั้งการคำรามและการตะปบของลูกหมูและหมาหลายๆ ตัวนั้น ก็เป็นแบบหมูและแบบหมา หนักเข้าแม่เสือรวมทั้งพ่อเสือก็หลงผิดคิดว่าตัวเองแก่แล้วเสียงคำรามหรือท่าตะปบแบบเสือคงเป็นเสียงและท่วงท่าแบบเสือแก่
และในที่สุดก็ยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเสียงคำรามและท่าตะปบของลูกหมูและลูกหมานั้น เป็นเสียงของเสือ และท่วงท่าของเสือ และเป็นเสือหนุ่มสาวเสียด้วย ก็พยายามทำแบบหนุ่มสาว ซึ่งก็เหมือนกับ
คนเราที่อยากเป็นหนุ่มเป็นสาว จึงมีพฤติกรรมบ้าๆ บอๆ ไปให้เห็นกันเป็นอันมาก
ในที่สุดพ่อเสือและแม่เสือที่เป็นเสือแท้ๆ ก็คำรามและมีท่วงท่าตะปบแบบหมูและแบบหมา มิหนำซ้ำพฤติกรรมการกินก็ค่อยๆ ผิดเพี้ยน มากินอาหารหมูและอาหารหมา ซึ่งถ้าหากให้กินขี้ก็คงจะกินแบบหมูและแบบหมาไปด้วย พฤติกรรมที่เสือกลายเป็นหมูและกลายเป็นหมา จึงมีให้เห็นเกลื่อนกลาดไปในยุคนี้
ในส่วนวลีที่เกี่ยวกับเสือนั้น มีอยู่เป็นจำนวนมากตามประสาไทยๆ ของเรา เพราะน้ำใจแท้ก็คงเห็นความองอาจสง่างามและความฮึกเหิมลำพองของเสือ โดยเฉพาะความน่ากลัวของเสือ จึงนำเสือมาเปรียบเทียบในเรื่องราวต่างๆ เป็นอันมาก
ดังเช่น เปรียบเทียบการเลี้ยงดูผู้คนว่าคนบางคนต้องเลี้ยงให้อิ่มแบบเลี้ยงเสือ และบางคนก็ต้องเลี้ยงอย่าให้อิ่มแบบเลี้ยงนกอินทรี เพราะถ้าเลี้ยงเสือให้หิวเสือก็จะทำลายคนเลี้ยง หรือถ้าเลี้ยง
นกอินทรีให้อิ่ม นกอินทรีก็จะไม่ล่าเหยื่อให้
บางก็เปรียบเทียบความเป็นชายชาตรี ที่ต้องยึดถือศักดิ์ศรีดุจดังเสือ ซึ่งดูท่าไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดนัก เพราะเสือนั้นไม่รู้จักศักดิ์ศรีแต่คนไปหลงว่ามีศักดิ์ศรีเสียเอง เสือส่วนใหญ่มีพฤติกรรมยิ่งกว่าหมาหมู่ และตะกละตะกลามยิ่งกว่าหมา
ในทางการเมืองก็เคยมีการเอาเสือมาเปรียบเทียบ และเป็นเรื่องฮือฮาอยู่พักใหญ่ นั้นคือเรื่องราวที่นายเสนาะ เทียนทอง ประธานพรรคไทยรักไทย เคยตั้งคำถามกับคุณทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับนโยบายประชานิยมที่นำผลประโยชน์ไปมอบให้แก่คนยากคนจน ว่าไม่เกรงว่าประชาชนจะคิดว่าไม่จริงใจหรอกหรือ
ในครั้งนั้นคุณทักษิณ ตอบว่าคนตาบอดไม่กลัวเสือ จึงเป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันสนุกสนาน และกลายเป็นวลีทางการเมืองขึ้นอีกความหมายหนึ่ง คือ แท้จริงแล้วคนตาบอดก็กลัวเสือ แต่ที่เกิดความไม่กลัวขึ้นมา ก็เพราะตาบอดแล้วมองไม่เห็นเสือ
หลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มผู้โด่งดังอีกคนหนึ่ง ซึ่งแม้ไม่ใช่นักการเมืองโดยตรง แต่เป็นลูกหลานนักการเมืองดัง ก็ดังไปด้วยหนุ่มน้อยผู้นี้วันดีคืนดี ก็เขียนโพสต์ในโซเซียลมีเดีย ติเตียน ถากถางคณะรัฐประหารบางคณะ จึงมีคนเปรียบเทียบเป็นวลีว่า เด็กทารกไม่กลัวเสือ
วลีนี้ถูกต้อง เพราะเด็กทารกนั้นไม่รู้จักเสือ ไม่รู้จักความร้ายกาจของเสือว่าสามารถทำร้ายหรือกัดคนได้ จึงไม่กลัวเสือ
ต่อมาเมื่อคณะรัฐประหารได้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว พรรคไทยรักไทยก็ประสบปัญหาทางการเมือง เพราะถูกคดียุบพรรค คนบางพวกจึงเชื่อว่าพรรคไทยรักไทยคงจะสิ้นสลายไปแน่แท้ ประกอบทั้งคณะรัฐประหารได้ทำการตรวจสอบการทุจริต และมีการดำเนินการในหลายเรื่อง จึงมีคนเชื่อว่าพรรคไทยรักไทยคงยากที่จะคืนชีพ มิหนำซ้ำเชลียร์โพลล์หลายสำนักออกผลโพลล์กี่ครั้งกี่หน อำนาจเก่าของพรรคไทยรักไทยก็ไม่ได้รับความนิยม แล้วที่จะลอกคราบเป็นพรรคใหม่ก็ยังเป็นวุ้นอยู่
ผู้มีอำนาจในยุคนั้น จะเพราะเหตุหลงเชื่อนักกฎหมายบางกลุ่ม หรือหลงเชื่อเชลียร์โพลล์ หรือทั้งสองอย่างก็เป็นไปได้ จึงเข้าใจผิดคิดว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว พรรคไทยรักไทยคงจะล้มหายสาบสูญไปและในที่สุดเมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชนที่ลอกคราบมาจากพรรคไทยรักไทยก็ชนะท่วมท้น
ในครั้งนั้นจึงมีวลีทางการเมืองเกิดขึ้นอีกวลีหนึ่ง คือ เห็นเสือนอนอย่าคิดว่าเสือตาย เพราะแท้ที่จริงที่เห็นว่าเป็นเสือนอนตายอยู่นั้น กลับกลายเป็นเสือหลับ หรือเสือแกล้งหลับจึงถูกเสืองับไปกินอย่างน่าเวทนา
ต่อมาการเมืองก็พลิกผัน พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคพลังประชาชน หลังจากบริหารมา 3-4 ปี โดยมีจมื่นสุเทพแล้วท่านขุนเนวิน เป็นแม่ทัพใหญ่ทางการเมือง ก็เชื่อว่าพรรคไทยรักไทยที่ลอกคราบมาเป็นพรรคพลังประชาชนแล้วถูกยุบพรรคไปแล้ว คงจะล้มหายตายจากไปนิรันดร และม็อบเสื้อแดงก็ถูกปราบจนอ่อนแรงไปหมดแล้ว ทั้งเชลียร์โพลล์กี่ครั้งกี่หนก็ออกผลอย่างเดียวกันว่า ถ้ายุบสภารัฐบาลจะชนะเลือกตั้ง
จึงมีการยุบสภาและเลือกตั้งกันใหม่ ก็กลับกลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทยชนะท่วมท้นอีก นั้นก็เป็นเพราะไม่เชื่อวลี ที่ว่าเห็นเสือนอนอย่าคิดว่าเสือหลับ จนประชาชนกว่า 10 ล้านคน ต้องออกมาขับไล่และล้มหายตายจากเป็นจำนวนมาก
แล้วมาถึงวันนี้ ก็เห็นเสือนอนอีกแล้ว จะคิดว่าเสือหลับหรือเสือตายก็ไตร่ตรองกันให้จงดี เพราะคนที่ไปด้อมๆ มองๆ เสืออยู่นั้น ล้วนแต่เป็นคนจำพวกกลัวเสือจนขี้หดตดหายทั้งสิ้น!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี