สัปดาห์ที่ผ่านมามี 3 ข่าวฮือฮา ที่ทำให้เห็นว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ย่างเข้าปีที่ 5 ทั้งยุทธวิธีและเวลาสามารถสลายขุมกำลังธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติ อาฆาตสถาบันลงได้หลายกลุ่มหลายฝ่ายเป็นนัยที่น่าพอใจ แต่ที่ คสช. ยังไม่สามารถสลายและเป็นหอกข้างแคร่ต่อไป คือข้าราชการชั่ว สื่อรับใช้ และมะเขือเทศส่วนใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงกับถามว่า “ระเบียบปฏิบัติสื่อมวลชนปี 2558 ทำไมออกมาเผยแพร่ตอนนี้” ถ้าอยากได้คำตอบจริงๆ บอกให้ก็ได้ว่ามือมะเขือเทศใน สตช. จงใจสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อให้สื่อและสังคมด่านายกฯ มะเขือเทศมันย่ามใจเพราะมีนายใหญ่คอยถือหาง
จุดเสื่อม คสช. คือ ปล่อยให้ตำรวจชั่วรับใช้ทุนสามานย์ปล้นชาติ โจรปล้นแผ่นดิน ตำรวจระดับผู้กำกับพาจำเลยหนีก่อนหน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองตัดสินคดี ศาลฯตัดสินจำคุกอดีตนายกฯ 5 ปี นักโทษหนีไปต่างประเทศตำรวจระดับผู้กำกับ ละทิ้งหน้าที่ไปรับใช้นักโทษหนีคดีหลายครั้งหลายครา รัฐบาลที่มีมาตรา 44 อยู่ในมือนั่งดูตำรวจชั่วตาพริบๆ ได้แต่ตั้งกรรมการสอบสวนซื้อเวลา และระหว่างที่รัฐบาลเงื้อง่าราคาแพง ระเบียบอัปยศกำกับสื่อก็โผล่ออกมาให้ชาวบ้านด่ารัฐบาลกันทั่วเมือง ยังมีเรื่องราวร้อยแปดพันเก้า ที่ตำรวจไทยรับใช้ทุนสามานย์ปล้นชาติทรราชปล้นแผ่นดิน ทำลายชื่อเสียงหยามหน้ารัฐบาลที่อยู่ตรงข้ามกับทุนสามานย์ฯ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลทหารหรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้าลุงตู่ยังไม่เข้าใจแนะนำให้ปรึกษากับอดีตนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้รู้ว่าเขาเจออะไรมาบ้าง
นายอภิสิทธิ์ นักการเมืองยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย ผู้ใส่ใจพิธีในการทูต แสดงความสงสัยว่าหนังสือที่กระทรวงการต่างประเทศไทยส่งไปให้สหราชอาณาจักร ให้ส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมารับโทษในประเทศไทย ตกไปอยู่ในมือสื่อมวลชนได้อย่างไร พิธีในการทูตทั่วไป หนังสือราชการที่เป็นการภายในจะไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทำไมหนังสือขอตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไปอยู่ในมือสำนักข่าวบีบีซีไทยได้ ถ้าให้เดาเราก็ทำนายว่าหนังสือฉบับนี้หลุดออกมาจากเครือข่ายสัมภเวสีหนีคุก วิเคราะห์จากรายงานที่สำนักอิศราเปิดเผยว่านางศศิน มองวัวแซงค์ ภรรยานายวิกรม คุ้มภัยโรจน์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในยุคนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2546 ถึง 2549 ภรรยาอดีตทูตเป็นหุ้นส่วนในบริษัทต่างๆ ที่นายทักษิณจัดตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษ
อดีตทูตที่กลายเป็นหุ้นส่วนกับนักโทษหนีคุก ย่อมมีเส้นสายอยู่ในสถานทูต เมื่อมีหนังสือสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นส่วนเป็นไปได้หรือไม่?ว่าคนของอดีตทูตเผลอทำให้หนังสือฉบับนั้นหลุดมาถึงมือสำนักข่าวบีบีซีไทย ทำไมต้องเป็นบีบีซีไทย ย้อนกลับไปดูบทความบีบีซีไทยเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2559 บทความบีบีซีไทยวันนั้นย่ำยีหัวใจคนไทยทำลายสถาบันอย่างไม่อาจให้อภัยได้ หลังจากเผยแพร่บทความชิ้นนั้น บรรณาธิการบีบีซีไทยหนีไปอยู่อังกฤษไม่เคยกลับมา บก. บีบีซีไทย ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสัมภเวสีหนีคุก ตั้งแต่ยังทำงานอยู่กับสื่อต่างประเทศ เขาเป็นสื่อไทยสองสามคนที่มีฮอตไลน์สายตรงกับสัมภเวสี เป็นไปได้ไหมว่าบีบีซีไทยคือสื่อรับใช้สัมภเวสีหนีคุก? บีบีซีไทยคือกระบอกเสียงสัมภเวสีหนีคุก เพราะว่าข่าวทุกชิ้นเกี่ยวกับสัมภเวสี เริ่มต้นที่บีบีซีไทยก่อนถูกนำมาขยายความบนสื่อในเครือข่าย
ในกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันทีที่บีบีซีไทยปล่อยข่าวนี้ออกมา บรรดาผู้เกี่ยวข้องต่างหวั่นไหว รองนายกฯวิษณุ เครืองาม ออกมาชี้แจงว่า “ทางการอังกฤษ requested ให้สถานเอกอัครราชทูตไทยในลอนดอน ทำหนังสือขอตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์..” ทำไมนายวิษณุ ซึ่งกำกับดูแลกฎหมายรัฐบาลบอกว่าอังกฤษขอให้เราทำหนังสือฯ แทนที่จะชี้แจงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยจริงจังในการดำเนินการให้ได้ตัวคนหนีคุกมารับโทษ หรือนายวิษณุ กลัวนายทักษิณโกรธถ้าพูดว่ารัฐบาลไทยเป็นผู้ริเริ่มขอตัวนักโทษ แต่ถ้าอังกฤษเป็นฝ่ายขอให้สถานทูตทำหนังสือขอตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์จริง แสดงว่าอังกฤษเอือมระอากับพฤติกรรมลั่นล้าท้าทายของฝ่ายนักโทษหนีคุกเต็มที แต่จะให้เขาไล่ออกจากประเทศเองเขาทำไม่ได้ เพราะสัมภเวสีหนีคุกสองตน อาจเดินทางเข้าอังกฤษในฐานะพลเมืองมอนเตเนโกร นิการากัว หรือกัมพูชา ตอนเข้าเป็นคนสัญชาติอื่นจะไล่ออกในสัญชาติไทยเขาทำไม่ได้ ทางการอังกฤษจึงยืมมือสถานทูตไทยไล่แทน
เห็นไหมทันทีที่หนังสือขอตัวถูกเปิดเผยออกมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หอบผ้าเผ่นไปซุกชายคาพี่ชายในเมืองดูไบ นายทักษิณ ชินวัตร ก็หลอกตัวเองว่าไม่สะทกสะท้านหวั่นไหวยัง lead life as normal แถมสมุนบริวารในไทยโพนทะนาว่าไม่นานไม่ช้าเจ้านายจะเหาะมาฮ่องกง จีนสิงคโปร์แล้วค่อยโผล่อเมริกา แต่ไม่กล้ามาประเทศไทย เพราะไปไหนๆก็ได้ไม่ใช่ฐานะคนไทยแต่เป็นสัมภเวสีเร่ร่อนไปในฐานะมอนเตเนโกร นิการากัวหรือไม่ก็กัมพูชา
การแสดงว่าไม่สะทกสะท้านท้าทาย ได้รับการขยายความจากสื่อในประเทศไทย แต่ที่น่าอิดหนาระอาใจ ที่สื่อกระแสหลักสำนักใหญ่ๆ ในเครือข่ายทุนสามานย์ปล้นชาติบังอาจซ้ำเติมทับถมประเทศตัวเอง ในกรณีสื่อรับจ้างในจาการ์ตาเขียนบทความด่าประเทศไทย เช้าวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา นักเล่าข่าววิทยุ อสมท นำบทความหนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์ ที่เขียนบทความคัดค้านไม่ให้นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานอาเซียนในปีหน้า มาขยายความครึกโครม
บทความในจาการ์ตา โพสต์ ที่เขียนโดย Konelius Purba เมื่อวันที่ 31 พ.ค.โปรยหัวว่า Don’t let Thai junta chief chair ASEAN next year เชื่อว่าบทความชิ้นที่เขียนโดยมือปืนรับจ้าง ถ้าให้วิเคราะห์ขอทำนายว่าคนที่สั่งให้สมุนบริวารถล่มการประชุมอาเซียนซัมมิตปี 2552 จ้างให้สื่อทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยที่จะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 โดยรัฐบาลอินโดนีเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แต่น่าอิดหนาระอาใจที่นักเล่าข่าว อสมท หยิบข่าวนี้มาขยายความซ้ำเติมประเทศไทยไม่มีชิ้นดี
นักเล่าข่าวที่เป็นเอ็นจีโอ ย่ำยีซ้ำเติมประเทศไทยว่าไม่สมควรเป็นประธานอาเซียน และยกย่องนายคอร์นีเลียส ปูร์บา ราวกับว่าเขาพูดแทนประเทศอินโดนีเซีย เท่านั้นไม่พอนักเล่าข่าวยังพล่ามว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศร่วมก่อตั้งที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย โดยที่ไม่สำเหนียกว่าตอนที่ลงนามปฏิญญากรุงเทพฯ เพื่อก่อตั้งสมาคมอาเซียน อินโดนีเซียกับประเทศไทย มีรัฐบาลประชาธิปไตยสมบูรณ์หรือไม่ ถ้ายังไม่เข้าใจบอกให้เอาบุญว่า
ปฏิญญากรุงเทพฯวันที่ 8 ส.ค. 2510 ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสมาชิกก่อตั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ อาดัม มาลิก แห่งอินโดนีเซีย, นาร์ซิโซ รามอส แห่งฟิลิปปินส์, อับดุล ราซัค แห่งมาเลเซีย, เอส. ราชารัตนัม แห่งสิงคโปร์ และถนัด คอมันตร์ แห่งไทย ซึ่งเวลานั้นนายซูฮาโต เป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ตั้งแต่มี.ค. 2510 ถึง พ.ค. 2541 ส่วนประเทศไทยจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี อาเซียนกำเนิดจากรัฐบาลประชาธิปไตยเลือกตั้งหรือไม่ลองคิดดู
ประเทศไทยได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม G77 ที่มีสมาชิกถึง 134 ประเทศ สำหรับวาระปี 2558 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นการแสดงความพร้อมและบทบาทนำของไทยในการสานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา นับประสาอะไรกับการเป็นประธานอาเซียนปีหน้า จึงน่าละอายที่สื่อชังชาติทั้งหลาย ซ้ำเติมประเทศไทยขยายความจาการ์ตาโพสต์
ตลอดเวลาสี่ปีย่างเข้าปีที่ห้าด้วยยุทธวิธีและกาลเวลา คสช. สามารถสลายขุมกำลังทุนสามานย์ปล้นชาติ ในฝ่ายมารศาสนา ในกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ในฝ่ายมวลชน และในส่วนพรรคการเมืองได้ระดับหนึ่งอย่างน่าพอใจ แต่ในส่วนที่เป็นหอกข้างแคร่ยังแก้ไม่ได้คือสื่อมวลชนรับใช้ ข้าราชการชั่ว และตำรวจมะเขือเทศซึ่งเป็นส่วนใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อยังแก้สองส่วนนี้ไม่ได้แสดงว่ายังไม่ก้าวข้ามทุนสามานย์ จึงต้องปล่อยให้มันข้ามหัวรัฐบาลและชาวบ้านต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี