“จั่วหัว” ไว้แบบนี้ก็คงไม่ต้องบอกว่า “ใคร” เป็น “ใคร” เชื่อว่าฝ่ายข่าวกรองและฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลได้รับทราบแหล่งข่าววงในทั้งกองบัญชาการตำรวจสันติบาล, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สภาความมั่นคงแห่งชาติ, สำนักข่าวกรองแห่งชาติ รวมไปถึงกรมข่าว 3 เหล่าทัพ ได้เกาะติดสถานการณ์ด้วยความไม่ประมาทหลายเดือนแล้วซึ่งเป็น “เป้าหมาย” ของคนในแดนไกลแดนใกล้เมืองไทยที่เขาต้องการ “โค่นล้ม” รัฐบาลคสช.

เพื่อนำเอานายใหญ่เดินทางกลับไทยแบบเท่ๆแถมมีรัฐบาลมหาอำนาจฝ่ายขวาตกขอบเตรียมประกาศรับรองสถานะรัฐบาลใหม่ โดยอ้างคำว่า “ประชาธิปไตย” บังหน้าแถมมีสาวกวัดใหญ่กลางกทม.และวัดพระธรรมกาย ที่อำเภอคลองหลวงปทุมธานี พร้อมขับเคลื่อนกำลังพลนับแสนนับล้านออกมาไล่ทหารออกไปจากการเป็นรัฐบาลด้วยละท่าน

เรื่องนี้ “ทีมข่าวการเมือง” ได้รับฟังมาจากกลุ่มคนฝ่ายสนับสนุนของ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาหลายคนมีหลายๆ วิธีการว่าอย่าประมาทเชียวนะเพราะ“เงินทุน” ไม่ต้องห่วงพวกเขามีเงินมหาศาลนับแสนล้านบาท มีกระสุนไม่มีคำว่าอั้นมหาเศรษฐีหลายๆตระกูลพร้อมควักออกมาให้เป็นเงินทุนล้มรัฐบาลก็กปปส.ที่ผ่านมาในปี 2556 – 2557 ทำได้พวกเราทำไม่ได้ให้มันรู้ไปซี่

ประการสำคัญคือใช้ศาสนาชูประเด็นสไตล์คล้ายๆอะยาโตเลาะห์ โคไมนี่ ล้มรัฐบาลพระเจ้าชาห์ปาเลวี่แห่งอิหร่านเมื่อ 40 กว่าปีก่อนโน้นเลยมาแบบเดียวกันซึ่งการชูประเด็นว่า “บิ๊กตู่” ล้มพุทธศาสนานั้น ได้กระทำในไลน์กลุ่มคนหลายรูปแบบพวกนี้มีทั้งข้าราชการทหารตำรวจสายเสื้อแดงผสมกับสาวกธรรมกายและพระสงฆ์ ระดับแกนนำที่แค้นฝังหุ่นเนื่องจากรัฐบาลใช้กำลังตำรวจไล่จับพระขี้โกงเงินทอนวัดนั่นแหละ

อย่าลืมนะว่า “สำนักพระธรรมกาย” มีวัดสำนักสงฆ์และวัดไทยในประเทศต่างประเทศอยู่ในเครือเป็นร้อยๆ แห่งแม้ว่าเจ้าสำนักถูกคณะกรรมการมหาเถรสมาคมปลดจากตำแหน่งและถอดจากสมณศักดิ์หนีคดีหายไปต่างประเทศแล้วก็ตามแต่เจ้ากูผู้นั้นมีศิษยานุศิษย์อีกนับแสนๆ คนที่หลงงมงายกลายเป็นทาสรับใช้พร้อมออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองทันทีที่มีการปลุกระดมมา

แถมมีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่มีการอภิปรายเรื่องพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับใหม่ซึ่งมีการประชุมประชาพิจารณ์ทุกๆครั้งผ่านมา 4 ครั้ง ใน 2 เดือนมานี้กลุ่มต้านรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ต้องการต้านการปฏิรูปสงฆ์พบว่ามีหมดทั้งธรรมกาย นปช.เสื้อแดงพรรคเพื่อไทยมีทีมทนายความสายทักษิณมาร่วมเพียบเลยละท่าน

ครั้งแรกทำในสถานที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วิทยาเขตท่าพระจันทร์ ในวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีนักวิชาการ ร่วมให้ความเห็นค้านพ.ร.บ.ใหม่ ได้แก่ นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย ผู้ทรงคุณวุฒิเชี่ยวชาญด้านกิจการพระพุทธศาสนา, ดร.ประมวล พิมพ์เสน, หม่อมหลวงกานตพงศ์ วรวุฒิ, ดร.บรรจบ บรรณรุจิ, ดร.โฆสิต สุวินิจจิต, ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์, นายสมบัติ บุญงามอนงค์ สื่อสาย นสปช., นายกรณ์ มีดี, ดร.ณพลเดช มณีลังกา, นายวิชัย ธรรมเจริญ, นพ.บัญชา พงษ์พานิช, นายพิศิษฐ์ คล้ายสอนเจริญ, น.อ.คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์, นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย

ครั้งที่ 2 ในวันที่ 22 กรกฎาคม ใช้สถานที่เดิมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ มีทั้งพระและฆราวาสร่วมอภิปรายได้แก่ อาจารย์ดร.ปริญญาโณภิกขุ มหาเถร, นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล, นางสาวเบญจรัตน์ มีเทียน, นายวรกร พงศ์ธนากุล, อาจารสัมปันโน พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตธัมโม, พระอาจารย์สิทธิศักดิ์ สิรินันโท, นายอัยย์ เพชรทอง ฯลฯ

ครั้งที่ 3 ในวันที่ 4 สิงหาคม ที่ห้องประชุมของโรงแรมรอแยลรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง ใกล้สนามหลวง มีนายมานิต จิตต์จันทร์ กลับฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย, นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล, นางสาวเบญจรัตน์ มีเทียน, นายวรกร พงศ์ธนากุล, นายวันชัย บุนนาค, นายกรณ์ มีดี, พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตธมโม, นายวุฒิสาร พนารี ฯลฯ

ครั้งที่ 4 เป็นงานร่วมเสวนา แนวทางการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมที่ห้องประชุม อาคารอาจ อาสภมหาเถระ วัดพระธาตุพระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 16 สิงหาคม 2561 เวลา 13.00 น. โดยสมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ มีการสรุปมาทุกๆ ครั้ง ว่าวงเสวนาไม่เห็นด้วยกับมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับใหม่ โดยมองว่าอาจขัดกับมาตรา 5 และมาตรา 7 ในพระราชบัญญัติเดิม

การเคลื่อนไหวปลุกระดมนั้นได้ทำกันเป็นระบบมานานเป็นเดือนๆแล้วหมดฤดูฝนในเดือนตุลาคม 2561 นี้เราอาจจะได้เห็นม็อบต่อต้านรัฐบาล คสช.ครั้งใหญ่ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายข่าวกรองทุกๆคนตั้งแต่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ทราบมาเลาๆแล้ว

ดังนั้นผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานต่างๆ คือพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทสราวุฒิ การพานิช ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, พลเอกวัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และผู้รับผิดชอบงานข่าวกรองทั้ง 3 เหล่าทัพ บก เรือ อากาศ คงพร้อมรับสถานการณ์แล้ว!

ทีมข่าวการเมือง