ล่าสุด ตม.สนามบิน ได้ขึ้นป้าย “No Tips” ทั้งภาษาไทยและภาษาจีน ตามนโยบาย ผบช.สตม.คนใหม่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ประกาศจะดำเนินคดีกับนายหน้าที่มีพฤติกรรมในการเรียกเก็บเงินค่าส่วนต่างกับกลุ่มทัวร์ต่างๆ นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมผ่านแดน หรือวีซ่า

“จากนี้จะมีการกวดขันจับกุมอย่างจริงจัง เพราะถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ พร้อมทั้งเตรียมนำป้าย No Tips ไปติดตั้งตามจุดต่างๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวรับทราบ ว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่มีการเรียกเก็บเงินส่วนต่างเกินจาก
ค่าธรรมเนียม ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะเริ่มระดมกวาดล้างอย่างเด็ดขาด และนำกฎหมายตามพ.ร.บ.ฟอกเงินมายึดทรัพย์ด้วย”

1. ที่ผ่านมา การเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวจีนในการขอ Visa on Arrival โดยอ้างว่าเป็นค่าวีซ่าด่วนพิเศษ หรือ Fast track เพิ่มอีก 300 บาท จากปกติ 2,000 บาท จริงใช่หรือไม่?

300 บาทต่อหัวนั้น ไม่ได้เข้าแผ่นดิน

เป็นค่าบริการเถื่อน

ไม่มีการออกใบเสร็จแก่ให้นักท่องเที่ยว

ปัจจุบันมี 20 ประเทศ ที่รัฐบาลไทยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทยสามารถมาขอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ได้เลยทันทีที่เดินทางมาถึง หรือ Visa on Arrival

น่าสงสัยว่า นอกจากนักท่องเที่ยวจีนแล้ว นักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ โดนแบบนี้ด้วยหรือไม่?

ยอดเงินส่วนนี้แต่ละวันเท่าไหร่? เดือนละเท่าไหร่? ปีละเท่าไหร่? ทำแบบนี้กันมานานแค่ไหนแล้ว?

ปี’60 มีนักท่องเที่ยวของ Visa on Arrival จำนวน 4.9 ล้านคน

ปี’61 จนถึงเดือน ส.ค. นักท่องเที่ยวของ Visa on Arrival จำนวน 3.8 ล้านคน

คิดง่ายๆ ถ้ามีนักท่องเที่ยวแค่ 3 ล้านคน ยอมจ่ายแบบนี้ ก็จะเป็นเงินค่าน้ำร้อนน้ำชาจำนวนมากถึง 900 ล้านบาท

2. ผลประโยชน์ก้อนนี้ ถูกจัดสรรปันส่วนไปที่ไหน? อย่างไร?

มีเฉพาะ “นายหน้า” ที่เข้ามาแอบอ้างหาผลประโยชน์ จริงหรือ?

ใครเชื่อบ้าง?

มีตำรวจ มีเจ้าหน้าที่ ทอท. หรือมีมาเฟียเข้ามาเอี่ยวด้วย หรือไม่?

บิ๊กโจ๊กประกาศ “ระดมกวาดล้างอย่างเด็ดขาด และนำกฎหมายตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินมายึดทรัพย์ด้วย”

ถ้าทำแบบกุดๆ ตัดตอน ระวังจะเสียชื่อเสียงที่พยายามสร้างสมมา

3. เงินจำพวกนี้ พยายามจะฟอก โดยอ้างว่าเป็นทิป

ฟังไม่ขึ้น

เพราะทิป คือ ค่าน้ำใจ ผู้ให้ให้ด้วยความเต็มใจ

ถ้าไม่ให้ ก็จะไม่ถูกตบหน้าแบบในคลิป

จริงๆ มันก็คือค่าน้ำร้อนน้ำชา – ส่วย –เงินสินบาทสินบน

4. เคยมีงานวิจัย เกี่ยวกับการเรียกสินบนในบ้านเรา ตั้งแต่ช่วงปี 2542 และ 2557 มีคำถามสำคัญว่า เมื่อไปติดต่อหน่วยราชการ ถูกเรียกสินบนเงินพิเศษหรือไม่ และเป็นเงินเท่าไหร่?

ผลการสำรวจพบว่า มีประชากรที่ถูกเรียกสินบนในบ้านเรา พบว่ามีสัดส่วนลดลงมาก

วงเงินที่ถูกเรียกก็ลดลงมากถึง 90%

แต่ในงานวิจัยระบุว่า หน่วยงานที่ไปติดต่อแล้วถูกเรียกสินบนเป็นมูลค่าสูงสุดทั้งสองปีนั้น คือ กรมที่ดิน

รองลงมา คือ ตำรวจ

มากรณีนี้ กลายพันธุ์มาเป็น สินบนข้ามชาติฉบับมินิ

5. นึกถึงกรณีสินบนข้ามชาติ ในลักษณะค่าเบิกทางทำนองนี้ แต่เป็นกรณีมหึมา มีอีกไหม?

นึกถึงคดีสินบนเหมืองทองคำ เรื่องอยู่ในชั้น ป.ป.ช.

ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียกรับทรัพย์สินเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบริษัทเอกชนข้ามชาติ ได้ประโยชน์ในการสำรวจและทำเหมืองแร่

รับเรื่องมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 ระบุข้อกล่าวหาว่า จากข้อมูลและหลักฐานที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ส่งมา ซึ่งเป็นข้อมูลและหลักฐานที่ได้รับจาก Australian Securities and Investment Commission (ASIC) กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด หรือให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อให้กลุ่มบริษัทเอกชนข้ามชาติ ได้ประโยชน์ในการสำรวจและทำเหมืองแร่ในพื้นที่ จ.สระบุรี จ.เพชรบูรณ์ จ.พิจิตร และ จ.พิษณุโลก โดยมิชอบ

ก่อนหน้านี้ อาจารย์วิชา มหาคุณ อดีต ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลียพบว่า มีบริษัทที่จดทะเบียนในออสเตรเลียน่าจะมีการโอนเงินเข้ามาที่บริษัทลูกที่อยู่ในเมืองไทย มีการก่อตั้งบริษัทที่เมืองไทยเพื่อทำเหมืองแร่ และมีการโอนเงินจำนวนหนึ่งที่เห็นว่าผิดปกติเข้ามา อาจเกี่ยวข้องกับการขออนุญาตขุดเหมืองแร่ทองคำโดยกระบวนการที่ไม่ชอบ และอาจมีการให้สินบน ทางออสเตรเลียจึงขอให้ ก.ล.ต.ไทยช่วยตรวจสอบ จากนั้น ก.ล.ต.ของไทยได้ส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.

อ.วิชา เล่าด้วยว่า เอกสารที่ได้มาเป็นภาษาอังกฤษ มีการแปลเป็นภาษาไทยแล้วเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. โดยเงินที่ตรวจสอบ
พบนั้น เป็นเงินสกุลของออสเตรเลียจำนวนที่สูง ซึ่งการจะให้เงินสินบนระหว่างประเทศ การโอนเงินให้แบบผิดปกติคงจะไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เพราะไม่เช่นนั้นทางการออสเตรเลียคงไม่เห็นความผิดปกติ ซึ่งเป็นการโอนเข้ามาเป็นเวลาต่อเนื่อง ไม่ใช่แบบการให้ก้อนเดียวแล้วจบไป

ขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนไต่สวน ยังไม่มีการชี้มูลความผิดเสียที

6. ไม่ว่าจะสินบน หรือค่าน้ำร้อนน้ำชา ไม่ว่าจะมาจากชาติไหน ล้วนผิดกฎหมายไทยทั้งสิ้น

อย่าปล่อยผ่านไป ล้างบางเสียที

สารส้ม