พอพูดถึงการศึกษาเพื่อต้านคอร์รัปชันสำหรับเยาวชนไทย ท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินชื่อหลักสูตรและกิจกรรมเหล่านี้บ้าง เช่น โตไปไม่โกง โรงเรียนคุณธรรม โรงเรียนสุจริต หรือ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาของ ป.ป.ช. ในความเป็นจริงไม่ได้มีเพียงแค่นี้ หลักสูตรที่มีเนื้อหาสอนให้เยาวชนเป็นคนดี และกิจกรรมปลูกฝังไม่ให้เด็กคดโกงนั้นมีมากกว่าที่ผมกล่าวมามาก โดยกระทรวงศึกษาได้รวบรวมไว้ทั้งหมดถึง 15หลักสูตรและกิจกรรมด้วยกัน ซึ่งแต่ละหลักสูตรก็มีคำสั่งมาจากกระทรวงต่างๆ หรือเป็นมติคณะรัฐมนตรีให้ทุกโรงเรียนต้องนำไปใช้อบรมนักเรียน
เห็นแบบนี้แล้วผู้อ่านอาจจะเกิดความคิดแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ก็รู้สึกดีใจว่ามีหลักสูตรมากมายให้เด็กไทยได้รับการอบรมให้เป็นคนดี จะได้เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่โกงในอนาคต แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นห่วงครูในโรงเรียนที่นอกจากจะต้องสอนวิชาบังคับต่างๆ ตามระเบียบกระทรวงศึกษาฯแล้ว ยังจะต้องหาเวลามาสอนหลักสูตรต่างๆ เหล่านี้ให้ครบอีก เลยไม่ค่อยแปลกใจเมื่อได้ยินว่านักเรียนไทยสมัยนี้ต้องมีเรียนคาบ 0 คือก่อนเคารพธงชาติ จนถึงคาบ 8 คาบ 9 จนมืดค่ำ แถมครูยังต้องไปอบรมหลักสูตรต่างๆ จนแทบจะไม่มีเวลาสอนหนังสือ
นับเป็นโชคดีของครูและนักเรียนไทยที่นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯผู้ซึ่งเพิ่งได้รับการเชิดชูจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ไปในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 กันยายน ออกมาประกาศว่าต่อไปนี้ครูทั่วประเทศไม่ต้องไปอบรมนอกโรงเรียนเยอะแยะ ให้เอาเวลามาดูแลสั่งสอนนักเรียนดีกว่า นั่นหมายความว่าการนำหลักสูตรและกิจกรรมต้านโกงบางหลักสูตรอาจได้รับผลกระทบ เพราะเมื่อครูไม่ได้ไปอบรม ก็ไม่สามารถนำมาสอนนักเรียนได้
ผลกระทบต่อการขยายขนาดโครงการการศึกษาและหลักสูตรต้านโกงนี้ ผนวกกับข้อจำกัดเดิม เช่น การเข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายหรือโรงเรียน ไม่มีการวัดและประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรม ความไม่ต่อเนื่องของโครงการ โรงเรียนไม่สามารถบูรณาการเข้าไปใช้ในการเรียนการสอน จึงนำมาสู่การพัฒนาโครงการบูรณาการการศึกษาต้านโกงทั้งของภาคประชาสังคมและภาครัฐ
เริ่มที่ภาคประชาสังคม องค์กรผู้นำการต่อต้านการโกงอย่างองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้นำเสนอโครงการ “เยาวชนไทย ตื่นรู้สู้โกง” หรือ Active Youth โดยมีเป้าหมายในเสริมสร้างศักยภาพหลักสูตร โครงการ และเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกฝังคุณธรมจริยธรรมและการต่อต้านคอร์รัปชัน ด้วยการสร้างความร่วมมือกันระหว่างโครงการที่จะสนับสนุนกันได้ เช่น นำผู้พัฒนาเกมต้านโกงมาร่วมมือกับกลุ่มอาสาสมัครที่จัดกิจกรรมในโรงเรียนชนบท เพื่อให้ครูยอมรับการนำเกมไปให้นักเรียนเล่นแทนการทำกิจกรรมที่น่าเบื่อ และนำเสนอแนวทางการวัดผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงหลักสูตรต้านโกงต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วย
ในด้านภาครัฐ นพ.ธีระเกียรติ ได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยแต่งตั้งให้คุณประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เป็นประธานคณะกรรมการ ทำให้เกิดความสอดคล้องกันระหว่างโครงการเยาวชนไทยตื่นรู้สู้โกง กับ แนวทางของคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งคือการสนับสนุนให้โรงเรียนสามารถบูรณาการหลักสูตร โครงการ เครื่องมือต่างๆ เข้าสู่โรงเรียนตามบริบทและความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน รวมไปถึงการสนับสนุนและส่งเสริมหลักสูตร โครงการ และเครื่องมือต่างๆ ในการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนความยั่งยืน และสามารถขยายผลเพื่อให้ครอบคลุม
นั่นหมายความว่าต่อไปโรงเรียนก็จะมีสิทธิเลือกหลักสูตร กิจกรรม โครงการ และเครื่องมือต้านโกงต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับนักเรียนและสภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องสอนทุกหลักสูตรซึ่งอาจมีเนื้อหาซ้ำซ้อนกันโดยมีเครื่องมือวัดผลอย่างเป็นรูปธรรมมาช่วยโรงเรียนในการเลือกด้วย
ดังนั้นเพื่อสนับสนุนการทำงานของทั้งภาคประชาสังคมและภาครัฐ ภาควิชาการอย่างคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่มีศูนย์ SIAM-lab เพื่อศึกษาวิจัยการต่อต้านคอร์รัปชัน ด้วยทุนสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จึงได้จัดงานสัมมนาวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การศึกษาเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน: จากบทเรียนสู่การปฏิบัติ” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่ายระหว่างผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงาน เพื่อการขับเคลื่อนการศึกษาเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมีประสิทธิภาพ
งานสัมมนาดังกล่าวมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องการศึกษาเพื่อต่อต้านคอร์รัปชันมานำเสนอบทเรียน ผลการวิจัย และข้อเสนอถึง 2 คน ได้แก่ ศาสตราจารย์แอเรียน ลอมเบิร์ต-โมกิลเลียนสกี ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การคอร์รัปชัน จากParis School of Economics และ ผศ.ดร.กุลลินี มุทธากลิน อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และนักวิจัย SIAM-lab ซึ่งทำวิจัยเรื่องสื่อกับการปลูกฝังความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันในเด็ก : กรณีศึกษาไทย หลังจากนั้นเปิดให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาทั้งหมด 65 คน ที่ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ผู้ออกแบบและพัฒนาหลักสูตรและเครื่องมือต้านคอร์รัปชัน และนักวิจัยในพื้นที่ต่างๆ ได้ร่วมกันหาแนวทางการสร้างความร่วมมือและบูรณาการหลักสูตร โครงการ เครื่องมือต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน ทั้งนี้รายละเอียดและผลลัพธ์จากการสัมมนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว ทีมวิจัยจะได้สรุปมานำเสนอในบทความตอนต่อไปนะครับ
การปลูกฝังให้คนไทยเป็นคนดี ซื่อสัตย์ และไม่คดโกง เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน และต้องทำตั้งแต่ยังเด็ก การที่มีการพัฒนาหลักสูตร กิจกรรม โครงการ และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการปลูกฝังคุณธรมจริยธรรมและการต่อต้านคอร์รัปชันที่หลากหลายและมีจำนวนมากเช่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว ในขั้นต่อไปเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีการบูรณาการอย่างเป็นระบบเพื่อเสริมสร้างศักยภาพโครงการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้วยการผลักดันทั้งจากภาคประชาสังคม ภาครัฐ และภาควิชาการอย่างจริงจังเช่นนี้ คงอีกไม่นานนักที่เราจะเห็นประเทศไทยพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนจากความใสสะอาดของสังคมครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี