การที่รัฐบาลใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อสร้างความเจริญเติบโตให้ประเทศชาติอย่างยั่งยืน และสร้างความกินดีอยู่ดีอย่างแท้จริงให้ประชาชน เป็นสิ่งที่จำเป็นและควรแก่การสรรเสริญ แต่ถ้าหากรัฐบาลใดโปรยหว่านเงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองให้ตัวเอง และเพื่อหวังให้ตนเองได้ยึดครองอำนาจรัฐไว้ต่อไป นับได้ว่าเป็นพฤติกรรมไร้ยางอายทางการเมือง
มีคำถามว่า การที่รัฐบาลคสช. มีมติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อนุมัติการใช้จ่ายเงินงบประมาณก้อนใหญ่จำนวน 8.69 หมื่นล้านบาท โดยให้เหตุผลสนับสนุนการใช้งบฯ ว่าเพื่อช่วยเหลือคนยากคนจน ผู้มีรายได้น้อย คนชรา ชาวไร่ ชาวนา และข้าราชการเกษียณอายุ เป็นการอนุมัติที่มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ แล้วการอนุมัติดังกล่าวนี้ มีนัยแอบแฝงทางการเมืองหรือไม่
แน่นอนว่ารัฐบาลจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือดูแลประชาชนผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาสให้สามารถลืมตาอ้างปากและมีความเป็นอยู่ที่เป็นปกติได้ แต่ถึงกระนั้น รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลก็ต้องไม่ฉวยโอกาสใช้เงินของแผ่นดินเพื่อหาคะแนนนิยมให้ตัวเอง
ข้ออ้างเรื่องความจำเป็นในการช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยาก กับการใช้เงินของแผ่นดินในนโยบายประชานิยมเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้รัฐบาลที่ใช้นโยบายประชานิยมจะพยายามอ้างว่า ถึงอย่างไรเสียผลสุดท้ายก็ตกเป็นผลดีต่อประชาชนไม่แตกต่างกัน
แต่ผู้ที่รู้ทันเป้าประสงค์ทางการเมืองของรัฐบาลที่เน้นการใช้นโยบายประชานิยมเพื่อมอมเมาประชาชน ต่างยืนยันตรงกันว่านโยบายประชานิยมไม่ใช่การสังคมสงเคราะห์ เพราะนโยบายประชานิยมคือการจงใจใช้เงินของแผ่นดินเพื่อซื้อคะแนนนิยมทางการเมืองโดยผู้ใช้งบฯ ต้องการแค่เพียงได้คงอยู่ในอำนาจรัฐต่อไป โดยไม่ได้ตั้งใจสร้างสรรค์ความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนให้สาธารณชนดังนั้นผู้ที่อาศัยนโยบายประชานิยมเป็นเครื่องมือในการก้าวขึ้นไปมีอำนาจรัฐ จึงเป็นได้แค่เพียงนักฉวยโอกาสทางการเมือง มิใช่รัฐบุรุษผู้มีคุณูปการต่อประเทศชาติ
แน่นอนว่า นโยบายประชานิยมต้องเป็นที่ชื่นชอบและพออกพอใจของกลุ่มคนที่ชอบของฟรี เหตุที่คนกลุ่มดังกล่าวเชื่อว่าตนได้รับของฟรี ก็เพราะคนพรรค์อย่างว่านั้นไม่เคยพยายามเข้าใจข้อเท็จจริง และไม่เคยรับรู้ความจริงว่าในโลกนี้ไม่มีของฟรี ของทุกอย่างมีราคา ของทุกอย่างมีต้นทุน และต้นทุนก็มาจากสังคม ดังนั้นคนผู้ตะกละตะกลามเหล่านั้นจึงไม่นำพาว่าเงินที่นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจรัฐนำมาหว่านในรูปแบบประชานิยมก็คือการผลาญเงินของแผ่นดิน คนสิ้นคิดเหล่านี้คิดแค่เพียงว่า ขอให้กูได้เงินเท่านั้น ส่วนได้เงินแล้วสังคมจะเกิดปัญหาใดๆ ตามมา กูไม่สนใจ
หากผู้รับเงินจะฉุกคิดสักนิดว่า เหตุใดอยู่ดีๆ นักการเมืองและรัฐบาลจึงนำเงินก้อนโตของแผ่นดินออกมาหว่าน ออกมาแจก แล้วต้องคิดต่อไปว่า เงินที่นำมาแจกนั้นมาจากไหน ผู้มีความคิดคงไม่เชื่อว่ารัฐบาลเสกเงินได้เอง และต้องคิดได้ด้วยว่า เมื่อรัฐบาลแจกเงินแล้ว เขาหวังจะได้สิ่งใดตอบแทน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่มีสติปัญญาต้องรู้ด้วยว่า เงินที่พวกตนได้รับนั้นมันคือเงินภาษีอากรของแผ่นดิน และเงินภาษีอากรก็คือเงินที่มาจากประชาชน ดังนั้นคำถามสุดท้ายคือ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือกับการช่วยกันผลาญเงินภาษีอากรของพี่น้องประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี