อย่าไปทุ่มเทอารมณ์ให้มากกับการเมืองไทย หาหลักอะไรสักอย่างให้แก่ตัวเอง แล้วเชื่อมั่นกับมันเป็นพอ
ที่พูดอย่างนี้ เพราะการเมืองไทยและการเมืองทั่วไปในโลกนี้มองภาพฉาบผิวเหมือนต่างยึดมั่น “อุดมการณ์” แต่เอาเข้าจริง “อารมณ์” ล้วนๆ ครับ คนมีอุมการณ์ต้องมี “หลักการ” เชื่อมั่น ศรัทธา และซื่อตรงต่อหลักการนั้นไม่แกว่งไกว แม้ว่าหลักการจะพาไปสู่ความพ่ายแพ้ในวันนี้
การเมืองไทยก่อนเลือกตั้ง ความรู้สึกของคนไทยต่อการเลือกตั้ง เป็นอย่างไร ลองหยิบยกเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ขึ้นมาดูกัน
1) เวลานี้ ในโลกออนไลน์ พวกหนึ่งกำลังเล่นงาน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ด้วยภาพและคลิปที่เขาเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. เสื้อแดง คนจำนวนหนึ่งที่เฮละโลกันไปแสดงความคิดเห็นหรือแชร์เรื่องนี้มาไว้ที่หน้าเพจของตน เป็นคนที่ไปชุมนุมเหมือนกัน แต่กับกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มพันธมิตร กลุ่มเสื้อหลากสี หรือกลุ่ม กปปส. ก็ถ้าคิดว่า ธนาธรเข้าร่วมชุมนุมกับใครเป็นเรื่องไม่ดี ไม่ชื่นชม แล้วได้หันกลับมามองตัวเองบ้างไหม นี่คือตัวอย่างของ “อารมณ์” ล้วนๆ การชุมนุมทางการเมือง เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ การเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงของธนาธร ก็ย่อมเป็นสิทธิ แต่เขาจะถูกหรือผิด อยู่ที่เขาไปทำอะไรในนั้น เช่น ถ้าเขาไปร่วมเผา เขาก็ผิด ถ้าเขายุยงให้ไปฆ่าใคร เขาก็ผิด ถ้าเขาร่วมรุมทุบตีรถของนายอภิสิทธิ์ที่มหาดไทย เขาก็ผิด เป็นต้น แต่ถ้าเขาแค่ไปร่วมชุมนุม ก็ควรจะเว้นที่ว่างเอาไว้ ให้เป็นสิทธิ เป็นจุดยืนหรือแนวร่วมทางการเมืองของเขา ผมเองไม่มีอารมณ์ใดๆ กับเรื่องนี้เลย และค่อนข้างแปลกใจ ว่าทำไมหลายคนเอารูปที่เขาร่วมชุมนุมมาตำหนิ ด่าทอ ต่างๆ นานา
แต่ผมมีคำถามกับธนาธรไหม มีครับ เช่น ผมแปลกใจว่า การถอนตัวไม่ร่วมเล่นกีฬากับกลุ่มนิวเด็ม ของพรรคประชาธิปัตย์ ในแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ พูดถึงการสังหารประชาชน
ผู้มาชุมนุม ซึ่งแน่นอน ความหมายต้องโยนไปที่พรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว เพราะขณะนั้นเป็นรัฐบาล และแน่นอน คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธนาธรเกลียดทหาร เกลียดรัฐประหาร
แต่ธนาธรไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ความระยำตำบอนของการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้ประชาชน ทหาร สื่อมวลชน ตลอดจนคนเสื้อแดงที่ถูกสังหาร ซึ่งต้องตายฟรี ไม่มีการดำเนินคดีกับใครทั้งสิ้น ล้มล้างกระบวนการยุติธรรม ปล่อยให้ความตายเหล่านั้นไร้ค่า เหมือนแมวเหมือนหมาจรจัดตาย ธนาธรจึงไม่ได้มีหลักการหรืออุดมการณ์อะไรที่แท้จริงต่อการเสียชีวิตของคนเหล่านั้นหรอก มันแค่ “อารมณ์” ที่เลือกมอง เลือกรู้สึก เท่านั้นเอง
ในขณะที่ธนาธรเกลียดการรัฐประหาร แต่กลับปฏิเสธความจริงที่ว่า ขนาดเกิดจลาจลกลางเมือง มีกองกำลังติดอาวุธสงครามปะปนกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ธนาธรก็ไปร่วมด้วย ห้างถูกเผา เปลวเพลิงระอุกลางใจเมืองกรุงเทพฯ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ใช้ขั้นตอนของกฎหมาย ขั้นตอนของสภา ดำเนินการทุกอย่างโดยไม่ไปถึงการรัฐประหารได้ ทำไมไม่ชื่นชม?
เช่นเดียวกับคนทั่วไปที่ก็ตำหนิภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ ว่าหน่อมแน้ม ดีแต่พูด ใจจริงของคุณต้องการอะไร เอากองกำลังลุยเข้าไป ยิงต่อสู้กันให้เละเทะ ตายเป็นตาย อย่างนั้นหรือครับ?นี่เขาเลือกถามศาลก่อน ว่าการชุมนุมนั้น เป็นการชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญไหม ศาลตอบว่า ไม่ใช่แล้ว เพราะมีอาวุธและความรุนแรง เขาถามศาลอีกว่า รัฐบาลสลายการชุมนุมได้ไหม ศาลบอกว่า อันนั้นเป็นอำนาจของคุณ ไม่ใช่อำนาจของศาล เขาก็ประชุม ศอฉ. ซึ่งนายทหารใน ศอฉ. ตอนนั้น ก็คือ คสช. ตอนนี้แหละ ที่สุดท้ายก็เลือกดำเนินการตามขั้นตอนที่สากลเขาปฏิบัติ คือ ประกาศขอคืนพื้นที่ จริงๆ ก็คือจะสลายการชุมนุมนั่นแหละ ป่าวประกาศให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมรู้ ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปโปรยใบปลิว เฮลิคอปเตอร์ยังถูกยิงสวนหรือใช้เลเซอร์ส่องย้อนขึ้นไปด้วยซ้ำ ประกาศทางวิทยุ โทรทัศน์ ขอความร่วมมือเอกชน ให้ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือ ว่าวันนั้นเวลานี้ รัฐบาลโดย ศอฉ. จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าขอคืนพื้นที่แล้วนะ ใครไม่ประสงค์จะอยู่ร่วมในการชุมนุมที่ไม่สงบและมีอาวุธ ให้ออกมา รัฐบาลมีรถรับส่งถึงบ้าน ไม่ดำเนินคดีใดๆ เพราะเคารพว่า เป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตย
จากนั้น ถึงเวลาก็ค่อยๆ กระชับวงล้อมเข้าไป มีการยิงตอบโต้มาในบางจุด มีตำรวจเข้าไปช่วยแกนนำในบางจุด เรื่องพวกนี้มีปรากฏในการค้นหาความจริงของกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และกรรมการชุด ดร.คณิต ณ นคร ซึ่งตั้งขึ้นในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดแล้ว สังคมไทยก็ยังนั่งด่าทอ ตำหนิกันอยู่นั่นแหละว่า หน่อมแน้ม ไม่ได้เรื่อง เฮ้ย!! นั่นมันชีวิตคนนะโว้ย ด่าทอลามเลยถึงคนไปร่วมชุมนุม เหมือนที่คนบางกลุ่มก็เรียกผู้ชุมนุม กปปส. ว่าไอ้สลิ่ม ไอ้นกหวีด แทนที่จะให้เหตุผลหรือหาเหตุผลว่า เขาไปชุมนุมกันทำไม การชุมนุมอยู่ในขอบเขตการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็พอแล้ว
เราคงไม่อาจเห็นด้วยหรือเห็นตรงกันไปหมด แต่เรา “เห็น” บน “ความมีเหตุมีผล” ได้นะครับ
เพราะฉะนั้น เราไม่ควรไปด่าทอเพียงแค่มีภาพ มีคลิปว่า ธนาธรไปชุมนุมกับ นปช. ให้มันเป็นจุดยืนหรือรสนิยมทางการเมืองส่วนตัวของเขาไปเถอะครับ มันเป็นสิทธิเสรีภาพและมุมมองทางการเมืองของเขา แต่เราถามได้ ว่าคุณคิดยังไงกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ปล่อยให้ผู้ถูกสังหารตายเปล่า วิธีที่สภา ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ใช้ในการออก พ.ร.บ.ฉบับนี้ คุณว่าเป็นประชาธิปไตยไหม น่ารังเกียจไหม เป็นไปเพื่อความถูกต้องและประโยชน์ของประชาชนไหม คุณคิดอย่างไรกับแกนนำที่ยุยงปลุกปั่นให้เผา ให้ใช้ความรุนแรง คุณคิดอย่างไรกับมวลชนเสื้อแดง ที่มีการสั่งการจากเวทีใหญ่ ให้ไปล้อมกระทรวงมหาดไทย และกรูกันเข้าไปกลุ้มรุมเหมือนจะฆ่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง และได้เป็นนายกฯ เพราะการโหวตเลือกของสภาผู้แทนราษฎร ถามและตอบในสิ่งเหล่านี้กันดีกว่า
2) อีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่ผมสะเทือนใจมาก คือ แกนนำปราศรัยของ กปปส. ที่เวลานั้นตำหนินักการเมืองเลวๆ นักการเมืองขี้ข้า นักการเมืองขายตัว นักการเมืองที่รับใช้ระบอบทักษิณ มาวันนี้ นักการเมืองพวกนั้นจำนวนมาก แห่มาซบพรรคพลังประชารัฐ กี่มือของคนพวกนี้ ที่ยกสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่คุณออกไปต่อต้าน และเรียกร้องการปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง วันนี้แกนนำปราศรัยหลายคน เชียร์พรรคพลังประชาชนเหยงๆ ตกลงอะไรคืออุดมการณ์ อะไรคือหลักการ อะไรคือจุดยืนของคุณ?
อะไรทำให้นักการเมืองขั้วทักษิณ ย้ายมาอยู่พลังประชารัฐ
ก) กลับตัวกลับใจ เห็นดอกบัวเป็นดอกบัวแล้ว ไม่ใช่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ข) สมประโยชน์กัน แลกด้วยคดีติดตัว?
ค) เงินขวัญถุง? ง) โอกาสชนะการเลือกตั้ง มีตำแหน่ง มีงานทำ? จ) ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน?
แกนนำรัฐบาลปัจจุบันและ คสช. แรกเข้าควบคุมอำนาจก็ก่นด่านักการเมืองเสียไม่มีดี ส่งสัญญาณให้ประชาชนเกลียดนักการเมืองเวลานั้นคนก็แห่ตาม นักการเมืองพูดอะไร ด่ากลับหมด เวลานี้ ไม่เป็นไรหรอก แมวสีอะไรก็ช่าง ขอให้มันจับหนูได้ อ้าวเฮ้ย! แล้วจุดยืน หลักการ อุดมการณ์ คืออะไรล่ะ ก็เพราะประชาชนเป็นแบบนี้ใช่ไหม นัการเมืองแบบนี้จึงไม่เคยตกงานหรือตายไปจากโอกาสทางการเมือง เหมือนดาวซ่อง ที่ย้ายไปอยู่ซ่องไหน ก็มีผู้ใช้บริการไม่ขาดสาย?
เคยคิดไหมว่า อะไรจะเป็นหลักประกันว่า วันข้างหน้ามันจะไม่ทรยศ ในเมื่อมันยังทรยศทักษิณได้ หรือจริงๆ ไม่ใช่การทรยศ แค่เปลี่ยนสถานที่ทำงาน ที่ไหนดูแลดี ก็ทำให้ที่นั่น?
เคยคิดไหมว่า ทรัพยากรที่ใช้ดึงคนเหล่านี้ และเลี้ยงคนเหล่านี้เพื่อให้ภักดีต่อไป ไม่ทรยศกลางคันมาจากไหน เป็นของใคร
การเอาคนเหล่านี้มาชุบเลี้ยง เป็นฐานสู่ชัยชนะ ได้เป็นรัฐบาล แล้วค่อยประกบด้วย สว. ที่ คสช. ขอเลือกหลังเห็นหน้า สส. แล้ว คือความมั่นคงของรัฐสภา คือความก้าวหน้าของประชาธิปไตย คือความน่าไว้ใจ คือยุทธศาสตร์ชาติ และคือการปฏิรูป?
3) คุณชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือกรุณามาแลกเปลี่ยนความเห็นกับผมด้วยความเมตตาว่า “...เมื่อไม่มีทางเลือกอย่างอื่น การทำให้ทักษิณไม่มีโอกาสกลับมามีอำนาจอีก ก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้ทักษิณกลับมามีอำนาจ แล้วคิดไม่ซื่อต่อสถาบันที่คนไทยเคารพบูชา และทุจริตคอร์รัปชั่น โกงกิน จนประเทศได้รับความเสียหายมากมายมหาศาลดังที่เป็นมาแล้วไม่ใช่หรือ...”
ผมแลกเปลี่ยนกับท่านว่า “...พักทักษิณไว้ แล้วสร้างกระบวนการที่จะควบคุมสมดุลแห่งอำนาจ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือที่มั่นคงกันดีกว่า เหมือนระบบศาล ที่มันเสถียรไงครับ นำพาประชาชนไปสู่จุดนั้นและสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาทดแทน การเอาฮีโร่คนหนึ่ง กับคนฝูงหนึ่ง ไปฆ่าโจรคนหนึ่งดีกว่า จะได้มีประชาธิปไตยที่มีหลักฐานมั่นคงกันสักที ไม่งั้นยกพวกตีกันอยู่อย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น ทักษิณไม่ใช่คนเลวคนเดียวในประเทศไทยครับ เราจึงต้องออกแบบระบบให้ควบคุมคนเลวทุกคนในสภา ไม่ว่ามันชื่ออะไร...”
บังเอิญผมไม่กลัว “ผีทักษิณ” เพราะผมหวังระบบที่สร้างการดุลและคานที่ดี ที่ไม่ว่าปีศาจตัวไหนจะหลุดเข้าไปมีอำนาจ มันก็ต้องอยู่ใต้ระบบที่ดีนั้น ทำไมเราไม่ช่วยกันออกแบบระบบเพื่อส่งเสริมคนดี และจัดการกับคนเลวได้ โดยไม่ต้องเลือกว่า มันชื่ออะไร พอเรากลัวผีทักษิณ มันก็ออกมาเละเทะกันอย่างนี้ไงครับ เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นยันต์กันผี เสนอให้ลุงตู่อยู่ต่อ เพื่อเป็นไม้กันหมา ไปโกยคนของทักษิณมา เพื่อชนะ ประชาธิปไตยบ้านเราจึงเป็นอย่างนี้ ไม่เคยก้าวหน้า พวกมากลากไป เจอคนชั่วก็ชั่ว เจอคนดีก็ดี ดีแต่ทำอะไรไม่ทันใจก็เกลียดมัน “ประชาธิปไตยเชิงอารมณ์” เปลี่ยนแปลงได้ตาม “บริบท” คนพวกนี้ถ้าอยู่กับทักษิณ พวกมันเลว พอย้ายข้าง พวกมันดี (555 งงนะนี่)
4) แน่นอน สิ่งที่ผมฝันมันไม่ตรงกับสถานการณ์ของบ้านเมืองหรอก แต่ผมกล้าฝันเพราะรู้ว่า ยังไงเสีย “ลุงตู่” กับ “มือที่มองไม่เห็น” อีกหลายมือข้างหลังลุงตู่ ไม่ยอมให้ระบอบทักษิณกลับมาครองอำนาจได้หรอก เราจึงเห็น สว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน มาเจ้ากี้เจ้าการว่าคนที่ประชาชนเลือกมา คนไหนควรเป็นนายกฯ คนไหนไม่ควรเป็นได้ยังไงล่ะ เราจึงเห็นอะไรที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในยุคที่เราเรียกร้อง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” อย่างมากมาย สุดท้ายไม่ได้มีการปฏิรูปอะไรหรอก
เรายังกลัวผีทักษิณกัน เพราะเราไม่รู้ว่าระบบมันดีแล้วหรือยัง หรืออีกด้าน เราเห็นแล้วว่า ระบบมันยังเพี้ยนอยู่ ใครมีอำนาจ คนนั้นเขียนกฎหมาย ใครกุมอำนาจรัฐ คนนั้นเอาเปรียบได้ ผีตนนี้ชื่ออะไรไม่รู้นะ แต่พฤติกรรมไม่ต่างจากทักษิณเลย เหลืออย่างเดียว ยังไม่ได้กอบโกยคดโกงเท่า หรือเพราะเรายังไม่รู้ ยังจับไม่ได้ ยังไม่มีฝ่ายตรวจสอบที่เข้าถึงความจริง ก็ไม่ทราบ หรืออาจเกิดจากการที่เราเชื่อว่า “ลุงตู่” เป็นคนดี เราจึงไม่กลัวลุงตุ่ ลุงตู่ทำอะไรก็ได้ ใช้งานใครก็ได้ ออกกำหมายอะไรก็ได้ เพราะเราเชื่อว่า คนดีจะไม่ทำร้ายเรา ไม่ทำร้ายบ้านเมือง เรายืนอยู่บนวิธีคิดแบบนี้กันใช่ไหมครับ คือจาก“ความเชื่อต่อตัวบุคคล” ซึ่งมันไม่ต่างจากประชาชนที่เขาก็เชื่อใน “ทักษิณ”
บ้านเมืองจึงยังอยู่ในวังวนของการ “ชักคะเย่อ” อยู่ฝ่ายทักษิณ ไปยืนข้างโน้น จับเชือกแน่นๆ นะ ยืนฝ่ายไม่เอาทักษิณ ไปอีกข้าง จับเชือกไว้ ฟังสัญญาณ เป่านกหวีดปุ๊บ กระชากกันเลยนะ
5) ในวงสนทนาของเฟซบุ๊ค ของอาจารย์จากนิด้าท่านหนึ่ง จึงครึกครื้นมาก โดยท่านเปิดประเด็นว่า “ถึงตอนนี้ชัดเจนแล้ว ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะแบ่งเป็นสองขั้ว พรรคที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือประชาธิปัตย์ เพราะแทงกั๊ก ไม่เอาอะไรซักอย่าง ประชาชนก็ไม่อยากจะเลือก กลัวเสียของ อย่าว่าแต่เสียงข้างมากเลย เผลอๆจะได้ไม่ถึง 30-40 เสียง และคงโทษใครไม่ได้
จะได้พิสูจน์ว่า ที่ผ่านมาคนเลือกพรรคคุณเพราะเขาอยากเลือกคุณจริงๆ หรือเพราะเขาแค่ไม่อยากได้พรรคอื่น” จากนั้นก็มีอาจารย์ท่านอื่น จาก ม.อื่น และคนอื่นๆ มาสมทบความเห็นมากมาย
อะไรทำให้คนระดับหัวกะทิของประเทศอย่างคนในวงสนทนานี้ “ตีนตัน” ได้ขนาดนี้ ประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ พูดชัดเจนว่า จะไม่เล่นในเกม 2 ขั้ว เพราะมันเท่ากับไปบังคับประชาชนให้คิดในมุมแคบว่าพวกเขาไม่มีทางเลือก จะเอาทักษิณ หรือเอาทหาร เลือกมา
การคิดแบบ 2 ขั้ว นำไปสู่การบิดเบือนหัวใจของการเลือกตั้ง ที่มีขึ้นในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนมี “ตัวแทน” ไป “แก้ปัญหา” ของเขา นอกจากปัญหาเรื่อง “ทักษิณ” แล้ว ประชาธิปัตย์ที่ยังเลือกอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้า เขามองข้ามทักษิณไปสู่ประเด็นว่า 10 ปีที่รบกับทักษิณ ประเทศชาติได้ทอดทิ้งประชาชนที่เขาไม่ได้รบด้วย ไม่ได้มาเป็นคู่ขัดแย้งด้วยให้จมอยู่กับปัญหาที่ไม่มีคนแก้ รวมไปถึง 5 ปี ของรัฐบาล คสช. ก็ไม่ได้แก้ บวกรวมกับปัญหา “ยุคใหม่” ไม่ว่าจะเป็นสังคมสูงวัยที่กำลังมาถึง ปัญหาปัญญาประดิษฐ์แย่งงานมนุษย์ ปัญหาความหลากหลายทางเพศที่ต้องการการยอมรับในฐานะมนุษย์เหมือนกัน ฯลฯ คือความท้าทายของประชาธิปัตย์ คือความห่วงใย และคือเวลาที่พวกเขาคิดว่า พักรบกับตัวบุคคล มารบกับปัญหาของประชาชนดีกว่า เขาจึงเสนอตัวว่า เขาจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ไม่ได้มีแค่ “ทหาร” ที่จะจัดการกับทักษิณ หรือ “ทักษิณ” และบริษัทลูก ที่จะจัดการกับ “เผด็จการทหาร” ที่คิดสืบทอดอำนาจและปล้นประชาธิปไตยไปจากเรา ซึ่งเป็น “อารมณ์ทางการเมือง” ของคน “มีกิน-พึ่งตัวเองได้” หรือไม่มีกินหรอก แต่พึ่งทักษิณได้ หรือพึ่งประชานิยมของรัฐบาลได้
อ่านให้ออกเถอะว่า ประชาชนที่ถูกหลงลืมและทอดทิ้ง เพราะบ้านเมืองมัวแต่ทำสงครามทางการเมืองนั้นมีมากเหลือเกิน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมา พร้อมๆ กับนั่งดูความขัดแย้งที่พวกเขาไม่เข้าใจและเหนื่อยหน่าย ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในโลกพัฒนาไป แก้ปัญหาไป สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ไป แต่ประเทศไทยของเขา “ขอรบกันให้จบก่อน”
คำว่า “ทักษิณ” จริงๆ ก็คือ “เผด็จการรัฐสภา” ที่นำมาสู่การคดโกง เพราะสมดุลแห่งอำนาจมันเสีย ก็แก้เรื่องสมดุลอำนาจ ปเดทางตรวจสอบที่เข้มข้น ลงโทษที่ฉับไว ก็ช่วยกำจัดและป้องกันทั้งทักษิณและมารอื่นใดก็ตามที่จะทำเช่นนั้นอีก
จากนั้น มาสร้างทัศนคติต่อประชาธิปไตยที่ถูกต้องให้ประชาชน แล้วพาประชาชนไปเลือก “ตัวแทน” ที่รู้สึกร่วมในปัญหาของเขา มีปัญญาที่จะแก้ปัญหาของเขา มีหมู่คณะที่จะทำให้สำเร็จลุล่วง โดยไม่แบ่งแยกว่าประชาขนเหล่านั้นสีอะไร อยู่ภูมิภาคไหน จังหวัดใด ภายใต้ดุลอำนาจและกลไกที่จะไม่เปิดโอกาสให้โกงและชั่ว--ไม่ดีกว่าหรือ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี