“โลกอยู่ยากขึ้นทุกวัน” ได้กลายเป็นประโยคที่ “เม้าท์กัน” อย่างมันปากไม่ใช่เฉพาะในหมู่คนไทยเท่านั้น แต่คนทุกภาษาชาติของโลกใบนี้ต่างก็ได้ “บ่น” ประโยคนี้กันอย่างสุดฮิต

เหตุที่ใครต่อใครต่าง “ปล่อย” ประโยคนี้ออกจากปากกันอย่างกระหน่ำ เพราะรอบกายของโฮโมซาเปี้ยนทุกคน มีแต่อันตรายเกิดขึ้นอย่างยั้วเยี้ย

อันตรายดังกล่าว ไม่เพียงแต่ “มาจากธรรมชาติ” ที่เพิ่มความงี่เง่าและดุดันขึ้นเป็นลำดับ

ที่เห็นชัดๆ เริ่มตั้งแต่ “ฝุ่นจิ๋วมหาภัยอันตรายจากฝุ่นพิษ” ที่ทำหน้าที่เป็น “มัจจุราชผ่อนส่ง” ที่ยากจะมีใครหนีพ้นไปจนถึง “ธรรมชาติจัดหนัก จัดเต็ม” ด้วยการทำลายล้างระดับมหึมา เช่น ภูเขาไฟระเบิดอย่างคลั่งบ้า แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง พายุระดับ 5 ที่ทำลายล้างไม่ปรานีใคร ไฟป่า น้ำท่วมฉับพลัน แล้งดุดัน และรวมถึงสารพัดโรคร้ายที่แตกสายพันธุ์อย่างมากมายจนยาตามไม่ทัน

ส่วนที่เป็น “ภัยมาจากมนุษย์” นั้น นับวันมีแต่โหดสุดมัน เข่นฆ่ากันง่ายๆ อย่างเถื่อนดุและหลอกลวงกันด้วยเล่ห์กลใหม่ๆ อย่างสลับซับซ้อน กลายเป็นทุกคนต่างสวมวิญญาณ “เอาแต่ได้” ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองอยู่รอดและทำลายล้างผู้อื่น

“ยกตัวอย่างจิ๊บๆ” ของ “สองมหาภัย” ก็ทำให้ประจักษ์แจ้งได้แล้วว่า “โลกนี้อยู่ยากจริงๆ”

แม้โลกวันนี้ จะไม่ค่อยปรากฏ “สงครามไล่ล่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยกกำลังรุกรานชาติอื่น” ถี่บ่อยเหมือนอดีต แต่ภัยจากการ “ก่ออาชญากรรมและก่อการร้าย” กลับระบาดอย่างกว้างไกลยิ่งกว่าเชื้อโรค

แถมยังเกิดสงครามแนวใหม่ ได้แก่ “สงครามการค้าและภัยเศรษฐกิจ” ที่กระทบถึงมนุษย์ทุกคนทุกเพศวัย และ “ทำลายล้าง ความเป็นคนอย่างมีศักดิ์ศรีอย่างซึมลึก” จนทำให้ “ความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้” ต่างวิ่งพล่านอยู่ในสายเลือด

การเอาตัวรอดของโฮโมซาเปี้ยนทั้งหลายทุกชาติพันธุ์ในทุกรูปแบบ ไปไกลถึงขั้น “ไม่เกรงใจใคร ไม่กลัวทำผิดกฎหมายและไม่มีศีลธรรมใดๆ ตกค้างอยู่ในสมอง” ทุกคนเริ่มประจักษ์ความจริง “ไม่ใจร้าย ชีวิตอยู่ไม่ได้” และ “โลกนี้ไว้วางใจใครไม่ได้”

นักวิทยาศาสตร์ต่างระบุว่า โลกอยู่มา 3,600 ล้านปีแล้ว อีกแค่ 2,000 ล้านปี “ดวงอาทิตย์จะดับ” และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสุริยะจักรวาลจะสิ้นสูญ

มีผู้คนจำนวนมากต่างออกมาระบุว่า “โฮโมซาเปี้ยน”จะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ก่อน 2,000 ล้านปีแน่นอน ไม่จำเป็นต้องรอดวงอาทิตย์ดับ เพราะ “ชีวิตอยู่ยาก” จนรอดถึงวันนั้นไม่ได้

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม