ไม่ต้องกลับไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” กันหรอก
มันจะเสียวเกินไป
เอาแค่ข้อมูลข้อเท็จจริงที่พรรคการเมืองบางพรรค บางกลุ่ม ใช้วิธีปราศรัยกึ่งปลุกระดมกันอยู่ในวันนี้ เอาเข้าจริง กำลังจะพาประเทศชาติเดินไปทางไหน?
เดินไปสู่อนาคตที่ดี? หรือเดินกลับไปสู่ความขัดแย้ง ทำประเทศชาติติดหล่มเดิมๆ แล้วซ่อนเร้นความพยายามจะลบล้างคดีทุจริตของนักการเมืองโกงกันอีกรอบ?
แม้แต่พรรคการเมืองที่อ้างว่าคนรุ่นใหม่ พรรคการเมืองใหม่ อย่างพรรค “อนาคตใหม่” เองก็ตาม
1. ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2562 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊คเล่าถึงการลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร บางตอนว่า
“...ผมกล่าวว่าคนอีสานถูกทำให้เชื่อว่าเป็นคนตลก เป็นแรงงาน ไม่มีความรู้ แต่แท้จริงแล้วคนอีสาน คือ “ดินแดนกำแพงเหล็ก” เป็นดินแดนแห่งนักประชาธิปไตย นักต่อสู้ความอยุติธรรมขจัดความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้ รัฐจากส่วนกลางจับมือกับสื่อมวลชนบางกลุ่มผลิตสื่อเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้คนอีสานเป็นคนตลก ไม่มีความรู้ นั่นก็เพราะพวกเขากลัวความเป็นนักสู้ นักประชาธิปไตยแห่งแดนอีสาน พรรคอนาคตใหม่ยืนยันจะเข้ารัฐสภา เพื่อทวงคืนอำนาจให้กับคนอีสาน ผ่านมิติใหม่ของการกระจายอำนาจ ด้วยนโยบายยุติระบบราชการรวมศูนย์ “ทวงคืนอำนาจกลับไปให้ประชาชนในท้องถิ่น” อีกครั้ง...”
นี่คือการหาเสียงตามแบบที่พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่ควรจะต้องนำเสนอนโยบายสร้างสรรค์ หรือการปราศรัยเพียงเพื่อปลุกระดม ตอกลิ่มความรู้สึกคับแค้นในจิตใจประชาชน?
พูดกันตามจริง ที่ผ่านมา ทุกยุคทุกสมัย ภูมิภาคที่มีจำนวน สส.มากที่สุด ก็คือภาคอีสาน
คนอีสานที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในวงการเอกชน วงการราชการ มีมากมาย
ไม่ใช่แค่ตัวตลก
ที่อ้างว่า คนอีสานถูกทำให้เชื่อว่า “เป็นคนตลก เป็นแรงงาน ไม่มีความรู้” ขอถามนายปิยบุตร นักเรียนนอก ผู้ที่เคยประกาศว่า “ถ้ามีลูก ไม่อยากให้ลูกอยู่เมืองไทย” นายปิยบุตรกำลังเอาความคิดส่วนลึกจากไหนมาตอกลิ่มใส่ความรู้สึกของพี่น้องคนอีสาน ทั้งๆ ที่ สังคมส่วนใหญ่ไม่ได้คิดแบบนั้น
แล้วพูดอย่างกับว่ารัฐบาลปัจจุบันทอดทิ้ง ไม่กระจายงบไปให้พี่น้องชาวอีสาน
รัฐบาล คสช.นี่แหละ ที่กำลังสร้างมอเตอร์เวย์ไปโคราช ปากประตูอีสาน (ใกล้เสร็จแล้ว)
ยุคนี้แหละที่กำลังสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเส้นแรกของประเทศไทย ไปโคราช และจะไปหนองคายต่อ
ไม่นับรถไฟทางคู่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ โครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวในอีสานอีกมากมาย
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ขั้วตรงข้ามกับเพื่อไทย แม้ได้ สส.ในอีสานน้อย แต่สมัยเขาเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ทอดทิ้งคนอีสานเลย ต่างกับในบางยุคที่ทอดทิ้งภาคใต้ ไม่สร้างศูนย์ประชุม ไม่ซ่อมถนนในทางภาคใต้ เพราะไม่ยอมเลือกพรรคตัวเอง
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นนักกฎหมายในกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เสนอให้เลิกมาตรา 112, เรียกร้องให้พระมหากษัตริย์ยุติการแสดงพระราชดำรัสต่อประชาชน เป็นต้น
เมื่อครั้งงานฉลองแต่งงานของนายปิยบุตร มีนักการเมืองพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ไปร่วมฉลองงานแต่งแบบไฮโซกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แม้แต่คนหนีคดีอยู่ต่างแดนยังส่งเสียงและภาพเข้ามาร่วมอวยพร
2. ย้อนกลับไปดูการกระโจนเข้าสู่เวทีการเมืองของคู่หู “ปิยบุตร-ธนาธร”
พยายามสร้างภาพลักษณ์ว่า เป็นทางเลือกใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ อยู่นอกเวทีความขัดแย้งทางการเมืองที่มีอยู่ในช่วงก่อนรัฐประหาร
สื่อที่ช่วยประโคมข่าวให้บ่อยมาก คือ สื่อในเครือบริษัทที่แม่นายธนาธรเป็นเจ้าของ
และเว็บข่าวบีบีซีไทย ซึ่งก็คือเว็บที่เคยเผยแพร่สกู๊ปพิเศษ ที่พาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมาหลายครั้ง และเคยลามปามถึงขนาดนำเสนอประวัติรัชกาลที่ 10 ด้วยเนื้อหาที่บิดเบือนข้อเท็จจริงร้ายแรง
แต่ตัวนายธนาธร เคยเปิดเผยนานแล้ว ว่ายืนอยู่ตรงกันข้ามกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ถึงขนาดเคยเสนอให้นักธุรกิจต้องร่วมกันเรียกร้องให้พันธมิตรฯ หยุดการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลนอมินีทักษิณ
เขายังเคยให้สัมภาษณ์แบบเปิดหน้าชก “อำมาตย์” ในมติชนสุดสัปดาห์ ประจำวันที่ 16-22 เมษายน พ.ศ.2553 ชื่อหัวข้อบทสัมภาษณ์ว่า “เจาะใจธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไพร่หมื่นล้าน ประกาศหนุน “เสื้อแดง”ทุนนิยมไทยพัฒนาไม่ได้ ถ้ามีอำมาตย์” ประกาศสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ นปช. อย่างเต็มตัว
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 พรรคอนาคตใหม่ โดยหัวหน้าพรรค นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้แสดงจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า “พรรคอนาคตใหม่ยืนยันในข้อเสนอทางการเมือง 4 ข้อ ได้แก่ 1. ไม่สนับสนุนนายกฯ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2. หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. 3. แก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ทั้งฉบับ และ 4. ลบล้างผลพวงรัฐประหาร”
จากจุดยืนนี้ พรรคอนาคตใหม่ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แก้ผ้า เปลือยจุดยืนทางการเมืองหลังจากนี้ ว่าจะเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ นำพาประเทศไทยก้าวข้ามความขัดแย้งไปสู่อนาคตใหม่ หรือกำลังจะนำประเทศกลับไปสู่วังวนความขัดแย้งเดิมๆ อีกครั้ง?
โดยเฉพาะข้อ 3 และข้อ 4 เข้าทางผลประโยชน์คนหนีคดีโกงอย่างทักษิณ ชินวัตร เต็มๆ
นี่คือการเปิดประตูให้ลบล้างคดีทุจริต-ทบทวน-สอบสวนใหม่ ในคดีทุจริตของนายทักษิณ ชินวัตร และพวก อย่างชัดเจน โดยอ้างว่าคดีเหล่านั้นเป็นผลพวงจากรัฐประหาร ตามที่นายทักษิณพยายามอ้างอยู่ตลอด (ทั้งๆ ที่ เคยมาสู้คดีแล้วหนีไป ปล่อยให้ลูกน้องติดคุกคดีถุงขนม 2 ล้านบาท)
จับตาดู การพยายามชูนโยบายแจกเงินทั้งวัยรุ่น คนชรา เด็กเล็ก โจมตีทหารสารพัดด้วยการตอกลิ่มความเกลียดชัง จะตัดงบโน่นนี่นั่น ฯลฯ สุดท้าย แค่หาเสียง หากยังสร้าง/กระตุ้นความ “คับแค้น” แล้วถ้าบ้านเมืองกลับสู่ความวุ่นวายอีกรอบ ประชาชนก็จะไม่ได้อะไร เกิดความเสียหายกันทุกฝ่าย ยกเว้นคนหนีคดีอยู่ต่างประเทศที่อาจจะฉวยโอกาสได้อำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี