วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ที่นี่แนวหน้า
ที่นี่แนวหน้า

ที่นี่แนวหน้า

วิภาวดี หลักสี่
วันเสาร์ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2562, 02.00 น.
กฎหมายอ่อนหรือการบังคับใช้มีปัญหา?

ดูทั้งหมด

  •  

ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญและไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดินอย่างมาก กับกรณีกลุ่มอันธพาลยกพวกบุกถล่ม รร.มัธยมวัดสิงห์ เขตจอมทอง ทำร้ายร่างกายทั้งผู้อำนวยการ ครูและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียน เพียงเพราะไม่พอใจที่ทางโรงเรียนขอให้กลุ่มวัยรุ่นลดเสียงจากลำโพงในงานบวชภายในวัดใกล้ๆ กันลงเนื่องจากกำลังจัดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) ซึ่งเป็นการสอบที่สำคัญมากสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย


ด้านหนึ่งต้องชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานกันอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดยังไม่พ้น 24 ชั่วโมง ก็สามารถควบคุมตัวบรรดาอันธพาลได้นับสิบคน พร้อมแจ้งหลายข้อหาตามพฤติการณ์แห่งการกระทำผิด อย่างไรก็ตาม เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ยังเป็นอีกหนหนึ่งที่สังคมไทยโดยเฉพาะยุคที่ใครจะระบายอารมณ์อะไรอย่างไรก็ได้ผ่านสื่อออนไลน์ ยังมีความเชื่อเช่นเดิมว่า “เพราะกฎหมายไทยอ่อน..คนชั่วถึงกร่างเต็มบ้านเต็มเมือง” คำถามคือแล้วมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?

เพราะกรณีกลุ่มอันธพาลดังกล่าว หากผู้ต้องหามีความผิดจริงตามที่ผู้เสียหายให้การจริง เช่น “กรณีทำร้ายร่างกาย” ตามประมวลกฎหมายอาญา ถ้าถึงขั้นเลือดตกยางออกต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ความผิดจะมีตั้งแต่ “มาตรา 295” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือหากถึงขั้นผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส “มาตรา 297”ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-10 ปี

นอกจากนี้หากเข้าองค์ประกอบใน “มาตรา 289”(เช่น มีการไตร่ตรองไว้ก่อนลงมือก่อเหตุ) โทษจะหนักขึ้น เช่น มาตรา 295 โทษจะหนักขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือมาตรา 297 โทษจะเพิ่มขึ้นเป็นจำคุกตั้งแต่ 2 ปี-10 ปี หรือ “กรณีที่นักเรียนหญิงให้การว่าถูกผู้ต้องหาบางรายลวนลาม” ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดใน “มาตรา 278” ว่าด้วยการอนาจารผู้อายุ 15 ปีขึ้นไป ผู้กระทำจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ในความรู้สึกของผู้คน โดยเฉพาะยุคปัจจุบันที่มีการสร้างกระแสเปรียบเทียบประชากรที่ตอนเด็กก็ขยันเรียนตอนโตก็ขยันทำงาน กับประชากรที่ตอนเด็กก็เกกมะเหรกเกเรพอโตมาก็ทำตัวเป็นอันธพาลหรือเป็นมิจฉาชีพ อาจมองว่าโทษเท่านี้ไม่ทำให้คนกลัวเกรง เพราะประชากรกลุ่มหลังไม่เคยคิดอะไรเป็นสาระแก่ชีวิตอยู่แล้วไม่เช่นนั้นคงไม่ด้อยคุณภาพอย่างที่สังคมพบเห็น แต่ต้องบอกว่า “ในความเป็นจริงทุกชนชั้นล้วนเกรงกลัวกฎหมาย หากกฎหมายที่มีอยู่บังคับใช้ได้จริง” โดยไม่ต้องนำหลักแก้แค้นทดแทนหรือเอาสะใจเข้าว่ามาประกอบด้วยซ้ำไป

ย้อนไปในปี 2556 ชำนาญ จันทร์เรือง ขณะนั้นเป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยแพร่บทความ “โทษประหารชีวิตไม่ทำให้อาชญากรรมลดลง” อ้างอิงผลการศึกษาในประเทศแคนาดา ที่พบว่าในปี 2518 ที่ยังมีโทษประหารชีวิต มีอัตราคดีฆาตกรรมอยู่ที่ 3.09 คนต่อประชากรแสนคน ต่อมาในปี 2523 ที่ยกเลิกโทษประหารชีวิต สถิติลดลงมาอยู่ที่ 2.41 คนต่อประชากรแสนคน และปี 2548 อยู่ที่ 2 คนต่อประชากรแสนคนตามลำดับ (และหากดูข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่ในปี 2560 พบว่าอยู่ที่ 1.8 คนต่อประชากรแสนคน)

หรือถ้าจะให้เป็นรายงานอย่างทางการกว่านั้นในปี 2557 กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นำเสนอรายงาน บทสรุปทางวิชาการ “แนวทางความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิตในสังคมไทย ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล” (ท่านผู้อ่านสามารถค้นหาบนอินเตอร์เนตได้ในชื่อ : เอกสารทางวิชาการประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการ “โทษประหารชีวิตยังจำเป็นต่อสังคมไทยหรือไม่”) อ้างอิงผลการศึกษาและรายงานจากหลายแห่งต่างเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะมีหรือไม่มีโทษประหารก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถิติคดีอาชญากรรม

เช่น ในสหรัฐอเมริกา เปรียบเทียบระหว่างมลรัฐที่มีโทษประหารชีวิต อาทิ เท็กซัส มีคดีฆาตกรรม5.4 คนต่อประชากรแสนคน กับมลรัฐที่ไม่มีโทษประหารชีวิต อาทิ ไอโอวา มีคดีฆาตกรรมเพียง 1.1 คนต่อประชากรแสนคน และแม้จะมีงานวิจัยบางชิ้นที่พบว่าการใช้โทษประหารชีวิตมีผลให้คนยับยั้งชั่งใจไม่กล้ากระทำผิด แต่ดูเหมือนจะให้น้ำหนักกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด “คนไม่กลัวโทษหนักมากเท่ากับที่กลัวการถูกจับได้” รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เจริญก้าวหน้าเสียมากกว่า

ชาติชาย สุทธิกลม กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และอดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เคยให้สัมภาษณ์กับ “ทีมงาน นสพ.แนวหน้า” (ยกเลิก“โทษประหารชีวิต” ทิศทางโลกvsกระแสสังคมไทย : หน้า 13 นสพ.แนวหน้า ฉบับวันอังคารที่ 6 มิ.ย. 2560)ยืนยันอีกเสียงว่า “ลำพังการต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำถูกจำกัดเสรีภาพก็ถือว่าทำให้คนเกรงกลัวได้แล้วขอแค่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ” ตั้งแต่เมื่อเกิดเหตุ ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้เร็ว หลักฐานแน่นหนาไม่ผิดตัว กระทั่งศาลตัดสินจำคุก

ข้างต้นนี้เป็นข้อค้นพบกรณีประเทศที่ยกเลิกโทษประหารแต่ยังมีกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหากใช้หลักคิดแบบเดียวกันกับความผิดเรื่องอื่นๆ ก็เชื่อว่าจะได้ผลไม่แตกต่าง ยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวเสียหน่อยจากที่เคยมีโอกาสพูดคุยกับคนขับรถแท็กซี่หลายท่าน และทุกท่านบอกตรงกันว่า “ไม่กล้าฝ่าไฟแดงในแยกที่รู้ว่ามีกล้อง” เพราะไม่อยากถูกปรับ “เคยโดนส่งใบสั่งไปถึงบ้าน ถูกปรับเงินถึงจะจำนวนน้อยๆ ครั้งละไม่กี่ร้อยบาท แต่โดนบ่อยๆ ก็ลำบากเหมือนกัน” แถมยังมีประวัติที่ส่งผลต่อการต่อใบขับขี่สาธารณะอีกต่างหาก

ฉันใดก็ฉันนั้น..ที่ผ่านมาคนไทยมักจะมองอย่างทำใจว่า “ดูเหมือนกฎหมายไทยจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เอาเสียเลย” เพราะเมื่อเกิดคดีความไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ “มักจะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเสมอว่าบรรดาคนใหญ่คนโตก็ดี หรือคนในสังกัดของคนใหญ่คนโตนั้นก็ตาม พอไปทำผิดก็จะมีกระบวนการบางอย่างเข้าไปช่วยเหลือให้หลุดคดีไม่ต้องรับโทษ” หรือแม้กระทั่งช่วยพาหลบหนีกรณีศาลมีคำพิพากษาแล้ว เมื่อได้เห็นได้ยินเรื่องแบบนี้บ่อยครั้งเข้า “ใครจะเคารพยำเกรงกฎหมาย” มีแต่จะยิ่งพยายามไปขอฝากเนื้อฝากตัวกับผู้มีอำนาจ หรือเป็นผู้มีอำนาจเสียเอง

ดังนั้นสิ่งที่สังคมไทยควรเรียกร้องคือ “ทำอย่างไรกระบวนการบังคับใช้กฎหมายจึงจะมีประสิทธิภาพและเสมอหน้าอย่างแท้จริง” อย่างที่ประเทศเจริญแล้วเขาเป็นอยู่ น่าจะเป็นวิธีคิดที่นำไปสู่การแก้ปัญหาได้ตรงจุดกว่าหรือไม่?

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:51 น. โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย
22:39 น. ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต
22:23 น. 'วุฒิสภากัมพูชา'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ
22:07 น. ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน
22:04 น. ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ
ดูทั้งหมด
อื้อหือ! เพจดังเปิดภาพ 'สีกากอล์ฟ' ย้อนอดีต 10 ปี ไม่แปลกใจทำไมพระหวั่นไหว
'สีกากอล์ฟ'ฟาดเรียบ ทั้งเจ้าอาวาส ทั้งคนขับรถ สารภาพถูกชวนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
วินาที'ในหลวง'ส่งสัญญาณพระหัตถ์ถึง'พระราชินี' ทรงรีบเข้าประคองพระองค์อย่างว่องไว
‘สม รังสี’แฉเหยื่อกว่า 120,000 คนในกัมพูชา ถูกขังใน 53 ตึก โดนบังคับใช้เป็นทาสมาเฟียจีน
ชุดทหารพรานก็ไม่รอด!! เขมรแต่งเครื่องแบบคล้ายชุดทหารพรานไทย สวนสนามต้อนรับ'ฮุน มาเนต'
ดูทั้งหมด
เรามีระบบตรวจสอบ หรือมีแต่ใบอนุญาตที่ซื้อได้?
บุคคลแนวหน้า : 16 กรกฎาคม 2568
ทับละมุ
เชลียร์จนได้เรื่อง!
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แบบเอาหน้าประชานิยม
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต

‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ

ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน

'เก๋ไก๋'โพสต์ครั้งแรก! พ้ออายุ28แล้วยังผิดพลาดตลอด หลังเจอดราม่าใส่กางเกงรัดรูปเข้าวัด

(คลิป) ด่วน! 6พรรคร่วมซวยแน่ ปมหัวหน้าพรรคพบ 'ทักษิณ'

นักท่องเที่ยวต่างชาติมือบอน พ่นสีหัวรถจักร-ตู้โดยสารรถไฟเสียหาย

  • Breaking News
  • โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย
  • ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต
  • \'วุฒิสภากัมพูชา\'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ 'วุฒิสภากัมพูชา'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ
  • ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน
  • ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ฝนตก-น้ำท่วม-ก่อสร้าง พึงระมัดระวังไฟดูด-ไฟรั่ว

ฝนตก-น้ำท่วม-ก่อสร้าง พึงระมัดระวังไฟดูด-ไฟรั่ว

12 ก.ค. 2568

ใช้‘เอไอ’อย่างพึงระวัง ‘สมองมนุษย์’ถูกลดทอน

ใช้‘เอไอ’อย่างพึงระวัง ‘สมองมนุษย์’ถูกลดทอน

5 ก.ค. 2568

พิพาท‘ไทย-กัมพูชา’ ในมุมกลไกระหว่างประเทศ

พิพาท‘ไทย-กัมพูชา’ ในมุมกลไกระหว่างประเทศ

28 มิ.ย. 2568

ครูถูกพรากเวลาสอน แถมกลายเป็นอาชีพเสี่ยง

ครูถูกพรากเวลาสอน แถมกลายเป็นอาชีพเสี่ยง

21 มิ.ย. 2568

‘Caregiver’ขาดแคลน ‘สูงวัย’ยอดพุ่งใครดูแล?

‘Caregiver’ขาดแคลน ‘สูงวัย’ยอดพุ่งใครดูแล?

14 มิ.ย. 2568

‘เข้าใจวิธีคิดผู้เห็นต่าง’ ทักษะยุคสังคมแบ่งพวก

‘เข้าใจวิธีคิดผู้เห็นต่าง’ ทักษะยุคสังคมแบ่งพวก

7 มิ.ย. 2568

‘ภาคีอาสา’ดัน‘เชียงราย’ เดินหน้าสู่เมืองแห่งความสุข

‘ภาคีอาสา’ดัน‘เชียงราย’ เดินหน้าสู่เมืองแห่งความสุข

31 พ.ค. 2568

ถ่ายโอน‘รพ.สต.’สู่‘อบจ.’ ต้นแบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ

ถ่ายโอน‘รพ.สต.’สู่‘อบจ.’ ต้นแบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ

24 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved