หลังจากที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศชัดเจนว่า
1. ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยเป็นรัฐบาลผสมกับพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายของระบอบทักษิณ
2. ไม่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง
“แปลก”
บางคนแปลกใจ ว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ต้องประกาศจุดยืนดังกล่าว แต่ควรอุบไต๋รอไว้หลังเลือกตั้งจะมีโอกาส ทางหนีทีไล่ ไปซ้ายไปขวาได้ดีกว่า
บางคนแปลกใจว่าทำไมจึงประกาศไม่หนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไปอีก ทั้งๆ ที่ ประกาศไม่ร่วมจัดตั้งเป็นรัฐบาลพรรคผสมกับพรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณ แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนใคร อย่างไร?
ถ้าไม่ประกาศ น่าจะ “แปลก”
ผมเห็นด้วยกับการประกาศจุดยืนให้ชัดเจนครั้งนี้ ด้วยเหตุผล คือ
1. หากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนหัวหน้าพรรคตนเอง แต่ไปประกาศสนับสนุนคนอื่นที่อยู่นอกพรรคเป็นนายกฯ ก็จะยิ่งแปลก เพราะพลเอกประยุทธ์มีพรรคอื่นเสนอชื่อเป็นนายกฯ โดยไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ไม่ได้เป็นผู้บริหารพรรค และโดยเฉพาะเคยเป็นหัวหน้าผู้ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พลเอกประยุทธ์อาจเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้า คสช. อาจมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น แต่หลังจากสถานการณ์เปลี่ยนไปตามที่ “ขอเวลาอีกไม่นาน” และนี่ก็นานมากพอควรแล้ว แต่หากพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่า เป็นสถาบันการเมืองของไทย ประกาศสนับสนุน หรืออาจไม่ประกาศแต่แอบสนับสนุนก็จะหมดความน่าเชื่อถือโดยทันที
2. รูปการปรากฏชัดว่า พลเอกประยุทธ์ต้องการจะอยู่ในอำนาจและเป็นนายกฯ ต่อไปอีก อย่างที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการสืบทอดอำนาจเหมือนการรัฐประหารในอดีต
การกลบเกลื่อน ซ่อนเงื่อน ด้วยการให้รองนายกฯ และรัฐมนตรี 4 คน ไปจัดตั้งพรรคการเมือง และพลเอกประยุทธ์ก็ค่อยๆ เปิดเผยตัวทีละเล็กทีละน้อย ทีละขั้นตอน แต่การที่ คสช.ล้มการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และให้มีการร่างใหม่ โดยคณะของคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ดี การกำหนดให้มี สว.มาจากการคัดสรรโดย คสช.ก็ดี และการให้ สว.เป็นผู้ร่วมเลือกนายกฯ ก็ดี
สะท้อนการสืบทอดการเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจน และเป็นกติกาที่วางหมากการเมืองที่ได้เปรียบอย่างแยบยล
ถ้าพรรคการเมืองเก่าอย่าง ปชป. ไม่ประกาศท่าทีให้ชัดเจน แต่ร่วมสนับสนุนในภายหลัง ก็เท่ากับว่าประเทศได้สูญเสียพรรคการเมืองเก่าไปแล้ว แต่ถ้าจะอ้างว่าดูไม่ออก อ่านเกมการเมืองไม่เป็นก็ไม่ควรจะเป็นพรรคการเมืองอีกต่อไป
3. การประกาศจุดยืนของ ปชป.ในครั้งนี้ จึงไม่แปลก เพราะเป็นการประกาศจุดยืนให้ประชาชนรู้อย่างชัดๆ ว่าเป็นการประกาศเพื่อเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่ถูกผลักให้ไปอยู่ข้าง “เผด็จการทหาร” หรือ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ตามวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นเป็นการกลบเกลื่อน
การสืบทอดอำนาจ กับ การสืบทอดอำนาจทุนผูกขาดในระบอบทักษิณ
การประกาศไม่เข้าร่วมกับการสืบทอดอำนาจทั้งสอง แต่เป็นทางเลือกให้แก่สังคมให้ชัด ซึ่งอาจจะไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็พอจะทำให้ได้รู้ว่า พรรค ปชป.มองการเลือกตั้งไม่ใช่เพียงพิธีกรรมหรือเครื่องมือสู่อำนาจ แต่เพื่อนำนโยบาย อุดมการณ์ ทิศทางการบริหารประเทศไปปฏิบัติ
สะท้อนว่า การเลือกตั้งไม่ใช่เพื่อไปเป็นรัฐมนตรี มีอำนาจ แต่ถ้าประชาชนไม่เลือกนโยบายอุดมการณ์ ก็พร้อมเป็นฝ่ายตรวจสอบ
4. ประชาชนได้ข้อมูลชัดเจนมากขึ้นว่า การเลือกตั้งมี 3 ขั้ว
อยากได้นโยบาย แนวทาง ทิศทางของประเทศเป็นแบบไหน ก็เลือกพรรคนั้น แบบนั้น จะได้ชัดเจนถึงตัวนายกรัฐมนตรีด้วยว่า
ถ้าเลือก พปชร. ก็อาจได้ พลเอกประยุทธ์
ถ้าเลือก ปชป. ก็อาจได้อภิสิทธิ์
ถ้าเลือก พท. (และพรรคสาขา) ก็อาจได้สุดารัตน์หรือชัชชาติ
เลือกพรรคใด ไม่เลือกพรรคไหน?
สำหรับผม มีจุดยืนชัดเจนว่า ไม่เลือกพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจระบอบทักษิณ ที่เป็นเผด็จการโดยทุนผูกขาดในรูปแบบรัฐสภา เพราะเคยมีประสบการณ์ตรง เมื่อครั้งเป็น สว.จากการเลือกตั้งครั้งแรก ปี 2543-2549 ที่ระบอบทักษิณเรืองอำนาจ และเคยเป็นผู้เปิดโปง “รู้ทันทักษิณ” มาแล้ว
ผู้ที่มีประสบการณ์คล้ายกับผม คงมาถึงทางเลือกว่าจะเลือก พปชร. รปช. และอื่นๆ ก็จะได้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ หรือจะเลือก ปชป. ก็จะได้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ
1. ถ้าพลเอกประยุทธ์ได้จัดตั้งรัฐบาล เราจะได้สมคิด อุตตม กอบศักดิ์ สนธิรัตน์ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน สนธยา คุณปลื้ม แรมโบ้อีสาน สุภรณ์ อัตถากรณ์ มีบทบาท
ถ้าอภิสิทธิ์ได้จัดตั้งรัฐบาล เราคงได้เห็น ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน จุติ ไกรฤกษ์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อภิรักษ์ โกษะโยธิน องอาจ คล้ามไพบูลย์ มีบทบาท
2. ถ้าเลือกพรรคสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เราจะได้ สว. 250 คน ที่คสช.เลือกสรรมาสนับสนุน แต่ก็จะคลางแคลงใจว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ เพื่อสืบทอดอำนาจเหมือน รสช. ตั้งพรรคสามัคคีธรรม และจอมพลถนอมตั้งพรรคสหประชาไทย หรือไม่?
ถ้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้พรรคการเมืองเก่า เป็นสถาบันจัดตั้งรัฐบาล แต่ให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ หรือไม่? พรรค พปชร. พรรค รปช. พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล หรือไม่?
แต่ไม่ว่าขั้วไหน ระหว่างประยุทธ์ กับอภิสิทธิ์ เราคงหนีกลุ่มที่เข้าร่วม คือ กลุ่มสุริยะ สมศักดิ์ สนธยา เนวิน และอื่นๆ ที่เข้าร่วมต่อรองผลประโยชน์ไม่พ้น
3. ถ้าเลือกพรรคสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เพราะหวังความแข็งแกร่งของกองทัพ แต่ก็หวังได้ยาก เพราะพลเอกประยุทธ์หลุดจาก ผบ.ทบ.ไปแล้ว หลังเลือกตั้งทหารต้องกลับเข้ากรมกอง ทำหน้าที่ตามกฎหมาย จะออกมาปฏิบัติการหลายอย่างที่เคยทำในประเทศไม่ได้
จะใช้มาตรา 44 ก็ไม่มีให้ใช้
พลเอกประยุทธ์จะต้องควบคุมอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น เพราะต้องถูกตรวจสอบในสภา ทั้งกระทู้ ญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจ จะต้องถูกสื่อมวลชนถาม และตรวจสอบอย่างไม่เกรงใจ จะต้องเผชิญกับการชุมนุมของประชาชนที่เดือดร้อนมาแสดงออกเพื่อให้แก้ปัญหา
ถ้าเลือก ปชป. และอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็เป็นห่วงเรื่องความเด็ดขาด เพราะอดีตปี 2552-2553 ที่เสื้อแดง นปช.ชุมนุม ที่สั่งการตำรวจได้ยากลำบาก และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ทำได้แค่ที่เห็น
แต่เมื่อประเทศไทยมี พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ที่จัดระเบียบการชุมนุมแต่ต้น และเมื่ออภิสิทธิ์ประกาศ “ไม่เกรงใจใคร” อีกต่อไป แสดงความเอาจริง เด็ดขาด ก็น่าจะดีขึ้นหรือไม่?
4. รัฐบาลใหม่ที่มีข้อกล่าวหาของการสืบทอดอำนาจ ก็อาจเป็นเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงตามมา เหมือนเหตุการณ์สมัยถนอม-ประภาส คือ 14 ต.ค.2516 และสมัย รสช. คือ พฤษภาทมิฬ 2535
รัฐบาลใหม่ที่ไม่ร่วมกับพรรคสืบทอดอำนาจระบอบทักษิณและเผด็จการรัฐสภา และต้องเป็นพรรคผสมหลายพรรค จะมีเสถียรภาพอยู่ยืนยาวได้มากน้อยแค่ไหน
5. ขณะปัจจุบัน ประเทศไทยจะอยู่โดดเดี่ยวในโลกที่เชื่อมโยงสัมพันธ์ไม่ได้ การค้า การลงทุน ข่าวสารข้อมูล การเดินทางเชื่อมโยงของผู้คนและการรวมตัวของประชาคมระหว่างประเทศ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
เราควรจะมีผู้นำประเทศในลักษณะไหน?
มีความสามารถอย่างไร? ที่จะสร้างความน่าเชื่อถือในประชาคมระหว่างประเทศ และสามารถเข้าใจบริบทของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อนำพาประเทศไทยในเวทีโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีด้านข่าวสารข้อมูลและการต่อรองอย่างรู้เท่าทัน
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี