เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พ.ค. 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์ “หมอโด่ง” พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ ตัวละครสำคัญข้าวจีทูเจี๊ยะ มูลค่า 896 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
1. คดีนี้ อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมอโด่ง อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน มูลค่า 896,554,760.28 บาท พร้อมดอกผล สืบเนื่องจากหมอโด่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตข้าวจีทูจี สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” จากนั้นถูกตรวจสอบทรัพย์สิน พบว่า มีทรัพย์สินเป็นเงินฝากธนาคาร เงินลงทุนในหลักทรัพย์ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและยานพาหนะ มากเกินกว่าฐานะและรายได้ที่แจ้งต่อกรมสรรพากร และมากกว่ารายได้ที่แสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.
หมอโด่งยักย้าย ถ่ายเท ซุกซ่อนนำทรัพย์สินของตนเอง ให้บุคคลใกล้ชิดรวม 6 คนครอบครองแทน ได้แก่ นางชุฏิมา
วัจนะพุกกะ อดีตคู่สมรส, นางสาวอรชุมา วัจนะพุกกะ บุตร, พลตำรวจตรีวีระวัฒน์ วัจนะพุกกะ และนางอรณี วัจนะพุกกะ
บิดาและมารดา, นายสมาน ญาติมิ และนางสาวชุตินันท์ ญาติมิ บิดาและหลานของอดีตคู่สมรส
ล่าสุด ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า เป็นการร่ำรวยผิดปกติ ให้ทรัพย์สินรวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท พร้อมดอกผล
ตกเป็นของแผ่นดิน และที่สำคัญ ศาลฎีกาฯ ชี้ด้วยว่า หากไม่อาจบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินตามที่วินิจฉัยมาข้างต้นได้ทั้งหมดหรือได้แต่บางส่วน ให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของหมอโด่งได้ภายในอายุความสิบปี แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน
2. เลขาฯรัฐมนตรี ร่ำรวยผิดปกติ 896 ล้านบาท แต่พวกเขาได้ไปกันเท่าใด?
น่าสังเกตว่า ป.ป.ช. ได้เคยแถลงมติชี้มูลหมอโด่งร่ำรวยผิดปกติ ระบุมูลค่าทรัพย์สิน 896,554,760.28 บาท
แยกเป็น เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในชื่อ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ และอดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติและผู้ใกล้ชิด จำนวน 53 บัญชี เป็นเงิน 567,715,461.37 บาท
เงินลงทุนในชื่อ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ และอดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติและผู้ใกล้ชิด 6 แห่ง มูลค่า 260,142,651 บาท
ที่ดินในชื่ออดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติ 12 แปลง ในท้องที่กทม. มูลค่า 57,066,828 บาท
ห้องชุดในชื่อเครือญาติ ศาลาแดง โคโลเนต ตำบลสีลม อำเภอบางรัก กทม. 1 ห้อง มูลค่า 6,200,000 บาท
และรถยนต์ 4 คัน ในชื่อเครือญาติผู้ใกล้ชิด มูลค่า 6,309,000 บาท
มาถึงการดำเนินคดีในชั้นศาลฎีกาฯ ปรากฏว่า เมื่อศาลฯ ได้ประกาศคำร้องในที่เปิดเผยแล้ว ตัวหมอโด่ง นางชุฏิมา (อดีตคู่สมรส) นางสาวอรชุมา และนางสาวชุตินันท์ ไม่ยื่นคำคัดค้าน ส่วนพลตำรวจตรีวีระวัฒน์ นางอรณี และนายสมาน ยื่นคำร้องว่าไม่ประสงค์คัดค้านคำร้อง
พูดภาษาชาวบ้าน คือ ทิ้งทุ่นเลย
ไม่สนใจจะมาคัดค้าน หรือชี้แจงว่าทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของตนเองนั้น ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายอย่างไร
ทั้งๆ ที่ เป็นทรัพย์สินมูลค่ารวมเกือบ 900 ล้านบาท
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป กว่าจะทำมาหากิน ได้ทรัพย์สินมาขนาดนี้ จะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาล เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยสุจริตอย่างไร แต่นี่กลับทิ้งทุ่นไปเลย
จึงน่าคิดว่า ทรัพย์สินมูลค่ามากขนาดนี้ พวกเขายังไม่สนใจ แล้วจริงๆ เขาได้ไปมหาศาลขนาดไหน?
3. ขณะนี้ ยังไม่ทราบแน่ว่า ทรัพย์สินที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดินมูลค่า 896 ล้านบาทนั้น ยึดได้จริงๆ มากน้อยเท่าใด?
ทราบแน่ๆ ว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เปิดเผยว่าอายัดไว้ได้ราวๆ 100 ล้านบาท
แต่ได้ข่าวมาว่า ถึงตอนนี้ อาจทำการยึดไว้ได้มูลค่าราว 500 ล้านบาท ที่เหลือต้องไปตามยึดต่อ
4. หมอโด่งเป็นตัวละครสำคัญในการระบายข้าวจีทูเจี๊ยะ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
บทบาทของนายภูมิ นายบุญทรง ยังไม่ลึกล้ำเท่ากับหมอโด่ง
หมอโด่ง ยืนหนึ่งอยู่ในตำแหน่งกรรมการสำคัญเกี่ยวกับการระบายข้าวยุคยิ่งลักษณ์โดยตลอดต่อเนื่อง
รัฐมนตรีเปลี่ยนหน้า แต่เก้าอี้หมอโด่งไม่เคยสั่นไหว
เชื่อว่า เป็นผู้เล่นตัวหลัก หรือเป็นสายตรงของใครบางคนที่มีอำนาจตัวจริงในขณะนั้น
พ่อค้าข้าวในประเทศ ใครต้องการจะได้ข้าวจากโกดังรัฐบาลเวลานั้น จะต้องโทรศัพท์คุยกับหมอโด่ง เพื่อตกลงราคา จ่ายเช็ค แลกกับการได้รับข้าวของรัฐไปโดยไม่ต้องประมูล ไม่ต้องทำสัญญากับรัฐด้วยซ้ำ เรื่องนี้พ่อค้าข้าวเอกชนที่เป็นพยานในคดีข้าวจีทูจี ให้การสอดคล้องต้องกัน
บางราย ไปพบหมอโด่งที่ห้องทำงานกระทรวงพาณิชย์ รับทราบเงื่อนไข จะต้องจ่ายเงินเป็นเช็ค แล้วอยากจะได้ข้าวชนิดใดขอให้บอก จะให้ไปตรวจสภาพข้าวในโกดังได้ด้วยแล้วจะได้รับข้าวโดยไม่ต้องประมูลซื้อจากกรมการค้าต่างประเทศ ไม่ต้องทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ ทั้งๆ ที่ ข้าวนั้นเป็นข้าวที่อยู่ในสัญญาขายแบบจีทูจี
บางรายติดต่อพูดคุยกับหมอโด่ง แล้วก็มอบให้ประสานกับนายนิมล เรื่องการส่งมอบเช็ค การรับมอบข้าว ฯลฯ
ถ้าหมอโด่งไม่หนีคดี ป่านนี้คงถูกซักถามในชั้นสอบสวนลงลึกกว่านี้ เหมือนที่อัยการเคยซักพยานที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางคน ที่สนิทสนมกับนายบุญทรงถึงขนาดเรียกกันว่ามึง-กูได้
โดยซักถามว่า ข้อมูลจากคนวงในกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ไม่ใช่คนสนิทของนายบุญทรง แต่เป็นคนสนิทของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตสส.เชียงใหม่ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกเลือกเข้ามาให้ดูแลด้านระบายข้าว ส่งผลให้การตัดสินใจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ขึ้นอยู่กับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ตรวจสอบหรือไม่?
ปรากฏว่า พยานฝ่ายน.ส.ยิ่งลักษณ์คนนั้นตอบแค่ว่า ตอนนั้นไม่มีใครทราบเรื่องตามที่อัยการถามมาก่อนเลย
5. ประการสำคัญ คือ กรณีนี้ ชัดเจนว่า หมอโด่งถูกตรวจสอบทรัพย์สิน และดำเนินการยึดทรัพย์ สืบเนื่องจากถูกชี้มูลความผิดในกรณีทุจริตการระบายข้าวจีทูจี ลอตแรก (หลบหนีคดีอาญา คดีทุจริตข้าวจีทูจี)
กรณีทุจริตประพฤติมิชอบในตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น เข้าข่ายมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน แล้วเครือข่ายโกงข้าวจีทูจียังมีความพัวพันไปใครต่อใครอีกหลายคน
ล่าสุด ป.ป.ช.กำลังไต่สวนกรณีทุจริตข้าวจีทูจี ลอตสอง และได้แจ้งข้อกล่าวหา 71 ราย อันมีหมอโด่ง รวมไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ แกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ด้วย
ปัจจุบัน คณะอนุกรรมการไต่สวนได้ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรแล้ว
มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า เหตุที่ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เยาวภา ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ก็เพราะปรากฏพยานหลักฐานบางส่วนชี้ว่า นายทักษิณได้สไกป์เข้ามาในระหว่างการประชุมกันของน.ส.ยิ่งลักษณ์กับนายบุญทรง สั่งให้แต่งตั้งหมอโด่งเป็นเลขาฯ
รัฐมนตรี และให้มีบทบาทดูแลจัดการเรื่องการระบายข้าวเป็นหลัก เมื่อออกจากห้องประชุมมา นายบุญทรงเจอนางเยาวภาซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม สส. นายบุญทรงได้เล่าให้ฟัง นางเยาวภาก็กำชับให้เอาตามที่นายทักษิณบอก
ทั้งหมดนี้ ทักษิณ, ยิ่งลักษณ์, เยาวภา ยังสามารถนำหลักฐานข้อเท็จจริงมาชี้แจงหักล้างได้ ว่าข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริงอย่างไร หากฟังขึ้น ป.ป.ช.อาจจะไม่ชี้มูล ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ช.ก็ยังไม่ได้ชี้มูลความผิดของบุคคลทั้งสาม
แต่น่าคิดว่า ถ้าถึงที่สุดแล้ว ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดข้าวจีทูจีลอตสอง ป.ป.ช.ก็น่าจะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สิน และพิจารณาว่าผู้เกี่ยวข้องมีกรณีร่ำรวยผิดปกติ ยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย หรือไม่?
6. ไม่น่าแปลกใจ พรรคการเมือง นักการเมือง ที่อยู่ใต้อาณัติของนายทักษิณและเครือข่าย จะไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อรายละเอียดเหล่านี้เลย คงมีแต่การอ้างลอยๆ ว่า ทักษิณ, ยิ่งลักษณ์ ถูกกลั่นแกล้งโดยคณะรัฐประหาร
น่าเสียดาย แม้แต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่) ยังหลับหูหลับตากล่าวหาว่าการพิพากษาคดีจำนำข้าวมุ่งหวังผลทางการเมืองมากกว่าเรื่องทุจริต แถมยังอ้างเท็จว่า ไม่มีการสอบสวนทุจริตรายอื่นเลย
มีแต่มุ่งเล่นงานยิ่งลักษณ์
และปัจจุบัน ยังยืนยันว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร โดยตีความว่าคดีทุจริตของทักษิณที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาถึงที่สุดไปแล้วก็อยู่ในข่ายที่จะต้องมาสอบสวนดำเนินคดีกันใหม่ด้วย
ปัจจุบัน พบว่า มีคดีทุจริตจำนำข้าว ถูกสอบสวนดำเนินคดีอยู่ 884 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณแสนล้านบาท
น่าเสียดาย คะแนนเสียงที่เลือกพรรคอนาคตใหม่เพราะอยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง
เก่าๆ ก้าวพ้นการเมืองทุจริต กำลังจะถูกอ้างมาใช้เพื่อสนับสนุนการฟอกความผิดในคดีทุจริตจำนำข้าวไปด้วย
ไม่แปลกใจ ทักษิณ พรรคเพื่อไทยและแนวร่วม แสดงท่าทีจับมือสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทุกทาง
7. การทุจริตระบายข้าวจีทูจี ในโครงการจำนำข้าวยุครัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” สร้างความเสียหายมหาศาลแก่ประเทศชาติ ทำให้โครงการขาดทุนมโหฬาร มากกว่า 6 แสนล้านบาท มากกว่าที่ควรจะเป็น
แทนที่จะช่วยชาวนาด้วยวิธีอื่นที่ไม่เอื้อต่อการทุจริต
การออกแบบนโยบายที่ตบตาประชาชน ตบทรัพย์แผ่นดินไปเข้ากระเป๋าเครือข่ายของผู้มีอำนาจ แถมยังหน้าด้านไปพูดเอาบุญคุณกับชาวนาอีก จึงนับเป็นที่สุดแห่งพฤติกรรมโกงอย่างสามานย์
วันนี้ ศาลฎีกาฯ ยึดทรัพย์ระดับเลขานุการรัฐมนตรีไปเกือบ 900 ล้าน พวกเขายังพร้อมทิ้งทุ่น ไม่สนใจมาคัดค้านการยึดทรัพย์เอาเลยด้วยซ้ำ
ลองคิดดู ว่าคนระดับ “นายใหญ่” ที่จัดวางเอา “หมอโด่ง” มามีบทบาทนี้ พวกเขาจะได้ไปมหาศาลกันขนาดไหน
มองดูเขาลอยหน้าลอยตา เสวยสุขกันอยู่ต่างแดน บนความเสียหายยับเยินของแผ่นดินไทย ที่ปัจจุบัน เรายังต้องตั้งงบประมาณใช้หนี้จำนำข้าวปีละหลายหมื่นล้านบาท อีกนับ 10 ปี... มันน่าเจ็บใจไหมล่ะ
สันติสุข มะโรงศรี
พิธีกร ‘ขยี้คดีโกง’ เนชั่นทีวี 22
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี