ช่วงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้สหรัฐได้ส่งสัญญาณชัดเจนโดยการแสดงความยินดีที่ประเทศไทยมีการเลือกตั้งทั่วไป พร้อมทั้งระบุว่านับแต่นั้นไปสหรัฐและไทยก็จะได้ซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์กันต่อไปเหมือนเดิม
เพราะตามกฎหมายสหรัฐนั้นห้ามมิให้รัฐบาลทำมาค้าขายกับประเทศที่มีการรัฐประหาร จึงทำให้ห้าปีที่ผ่านมาสหรัฐไม่สามารถค้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์กับไทยได้ เป็นเหตุให้ไทยต้องไปจัดหาจากประเทศอื่น รวมทั้งรัสเซียและจีน
ดังนั้นการส่งสัญญาณดังกล่าวก็คือการบอกให้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าว่าต่อไปนี้ประเทศไทยมีภาระหน้าที่จะต้องซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐ และต้องชดเชยกับการจัดหาที่ชะงักไปในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จะเรียกว่าต้องจัดหาแบบทบต้นทบดอกก็ว่าได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจหน้าที่จะต้องเตรียมเจรจาผันผ่อนให้จงดี
เพราะถ้าจัดหาทั้งหมดแบบทบต้นทบดอกก็จะเป็นภาระแก่งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจะมีผู้ทักท้วงคัดค้านเป็นอันมาก จะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดินภายในประเทศ
แต่ถ้าไม่เออออห่อหมกก็จะถูกกดดันในประการต่างๆ ซึ่งก็คาดหมายได้ว่าคงจะถูกแซงก์ชั่นในระดับต่างๆ กัน เพื่อให้ยอมจำนนทำตามความประสงค์ ซึ่งก็มีการตั้งแง่ตั้งงอนกันไว้แล้ว นั่นคือการกล่าวหาว่าประเทศไทยและสิงคโปร์ได้ร่วมกันปั่นค่าเงินอันเป็นการเอาเปรียบทางการค้า รวมทั้งการส่งคำเตือนให้ประเทศไทยงดความร่วมมือกับหัวเว่ยของจีน ซึ่งกัมพูชาก็ถูกเตือนแบบเดียวกัน แต่กัมพูชาได้สวนกลับทันทีว่าไม่สนใจ เพราะจะเลือกยืนข้างจีนอย่างแน่วแน่
มิหนำซ้ำ ก็ได้สาธิตตัวอย่างการชุมนุมใหญ่ที่ฮ่องกงให้เห็นแล้ว หลังจากที่ตั้งแท่นตั้งเครือข่ายต่อเนื่องมาตั้งแต่การชุมนุมครั้งก่อน ซึ่งถ้าหากชำเลืองมองในบ้านเมืองของเราด้วยความสังเกตพินิจพิเคราะห์ก็จะเห็นเค้าโครงร่องรอยที่อาจจะเกิดเหตุแบบฮ่องกงได้
นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประธานอาเซียนจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจ โดยเฉพาะในฐานะที่ประเทศไทยก็เป็นประธานกลาโหมอาเซียนด้วย ก็ต้องแบกภาระอันหนักหน่วง ซึ่งยากจะหาคนมารับมือด้วยมิตรไมตรีต่อกันได้ในทางที่ประเทศไทยก็ไม่เป็นภาระมากนัก
และในปัจจุบันนี้ก็ไม่เห็นใครที่จะทำได้ นอกจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มีมิตรไมตรีกับทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ดังนั้น แม้ในทางการเมืองจะโจมตีว่าร้ายกันประการใด แต่ความปลอดภัยและผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของชาติก็ต้องมาก่อนเสมอ
เรื่องใหม่ที่กำลังจะมาถึงก็คือข่าวการเตรียมการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งเป็นแกนสำคัญของกลุ่มที่เรียกว่า Deep State ของสหรัฐ และถือว่าเป็นนักการเมืองสายเหยี่ยวที่ขับเคี่ยวกรำศึกกับบรรดาประเทศทั้งหลายในขณะนี้ เมื่อคนสำคัญระดับนี้จะมาเมืองไทย เขาก็บอกกล่าวให้เตรียมการล่วงหน้าอย่างเปิดเผย
และหนึ่งในหัวข้อที่จะต้องมีการหารือกันก็คือความร่วมมือในการต่อต้านอิทธิพลของจีนด้วยข้อกล่าวหาว่าจีนกำลังขยายอิทธิพลลงใต้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของภูมิภาค ดังนั้น จึงเตรียมหัวข้อหารือสำคัญประการหนึ่งคือการเจรจาความร่วมมือของประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง อ้างว่าเพื่อรับมือกับการขยายอิทธิพลของจีน
ซึ่งการหารือนี้จะเกี่ยวข้องกับบรรดาประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างด้วย และมีการระบุไว้ชัดเจนว่าหมายถึง ประเทศเมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย ซึ่งทั้งห้าประเทศนี้คือกลุ่มประเทศอาเซียนตอนบน ในขณะที่กลุ่มประเทศอาเซียนตอนล่างก็คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
ดังนั้นหัวข้อหารือในเรื่องลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างจึงเกี่ยวพันกับกลุ่มประเทศอาเซียนตอนบนและแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อกลุ่มประเทศอาเซียนตอนล่างด้วย
อันประเทศอาเซียนทั้งสิบประเทศนั้นต่างก็มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศบนพื้นฐานผลประโยชน์ของตนเอง ด้านหนึ่งก็ยืนอยู่กับผลประโยชน์ของตนเอง อีกด้านหนึ่งก็รวมตัวกันบนประโยชน์ร่วมของอาเซียน
สำหรับผลประโยชน์ของตนเองนั้นแตกต่างกันจำแนกได้เป็นห้ากลุ่ม
กลุ่มแรก ได้แก่ ประเทศเมียนมา กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย ทั้งสี่ประเทศนี้ได้แสดงจุดยืนชัดเจนหลายครั้งที่จะร่วมมือแบบร่วมหัวจมท้ายกับกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะคือจีนและรัสเซีย
กลุ่มที่สอง ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งเคยเผชิญกับเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายยึดเกาะมินดาเนาและการรัฐประหารมาแล้ว และพากันระวังตัว จึงหันหน้าไปคบหากับกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้แน่นแฟ้นขึ้น เพื่อรักษาประเทศให้รอดพ้นจากอันตราย แต่ก็ยังพยายามไม่ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับสหรัฐเหมือนกลุ่มแรก
กลุ่มที่สาม ได้แก่ ประเทศไทยและสิงคโปร์ ซึ่งมีมิตรไมตรีแน่นแฟ้นกับสหรัฐมายาวนาน จึงมีท่าทียืนข้างสหรัฐแต่ก็พยายามไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ จนกระทั่งได้รับผลกระทบหลายประการดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
กลุ่มที่สี่ ได้แก่ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเคยทำศึกสงครามใหญ่กับทั้งสหรัฐและจีน ดังนั้นจึงพยายามรักษาความสัมพันธ์ทั้งสหรัฐและจีนไว้ และตัดสินใจในแต่ละเรื่องเป็นรายกรณีไป บนผลประโยชน์แห่งชาติของตน
กลุ่มที่ห้า ได้แก่ ประเทศบรูไน ซึ่งวางตัวเป็นกลาง โดยอ้างว่าเป็นประเทศเล็ก ไม่ฝักใฝ่เข้าข้างประเทศใด
ดังนั้นเมื่อจะมีการหารือเรื่องลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างจึงย่อมกระทบหรือจะเรียกว่าเขย่าอาเซียนก็ว่าได้ เพราะย่อมกระทบต่อจุดยืนผลประโยชน์ของกลุ่มแรก และกลุ่มที่สอง
กลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างนั้นความจริงเป็นประเทศที่มีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างแน่นแฟ้น โดยมีแม่น้ำโขงเชื่อมโยงและได้ตั้งกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงมาก่อนแล้ว ประกอบด้วย 6 ประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการอาศัยผลประโยชน์ในการเชื่อมต่อโดยแม่น้ำโขงสายนี้ นั่นคือกลุ่ม CLMVT
กลุ่ม CLMVT ก็คือชื่อย่อของ 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และไทย โดยจีนเป็นประเทศต้นน้ำ เพราะแม่น้ำโขงนั้นมีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำล้านช้าง ซึ่งเป็นแม่น้ำที่เป็นแหล่งรวมของแม่น้ำหลายสายในประเทศจีน และแม่น้ำล้านช้างเมื่อมาถึงสิ้นสุดชายแดนจีนก็เป็นแม่น้ำโขง
กลุ่ม CLMVT โดยดำริริเริ่มของบุคคลสำคัญของประเทศไทย ทำให้จีนได้จัดวาระประชุมพิเศษขึ้นที่เมืองซันย่า มณฑลไหหลำ และก่อตั้งปฏิญญาซันย่าขึ้น โดยมีหลักการสองประการคือ
ประการแรก กลุ่ม CLMVT จะร่วมกันแปรสภาพแม่น้ำโขงจากสภาพเดิมที่เป็นแม่น้ำแห่งอาชญากรรมและยาเสพติด ให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนา เพื่อประโยชน์สุขของประชาชาติทั้งหลายตลอดลุ่มแม่น้ำโขงนั้น
ประการที่สอง หลักการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงของ CLMVT มีสองเรื่องสำคัญคือ
เรื่องแรก จะมีการขุดลอกแม่น้ำโขงให้สามารถรองรับการเดินเรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในระดับสากลหรือระดับโลก ผ่าน 6 ประเทศที่เป็นสมาชิก ซึ่งจะเพิ่มพูนรายได้และความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศสองฝั่งแม่น้ำโขงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และจะเป็นเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวยักษ์ที่เลื่องชื่อลือชาและสวยงามที่สุดระดับต้นของโลก เพราะจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่หลากหลายวัฒนธรรม หลากหลายภูมิประเทศและสวยสดงดงามตื่นตาตื่นใจของชาวโลก
ทั้งจะขุดลอกให้มีความลึกและกว้างเพื่อให้มีความปลอดภัยในการเดินเรือขนส่งสินค้าที่จะเพิ่มขนาดเรือจากขนาดระวางแค่ 50 ตัน เป็น 500 ตัน ที่สามารถบรรทุกสินค้าได้ถึง 50 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจะเพิ่มการค้าและความมั่งคั่งของประเทศและประชาชาติในย่านนี้โดยถ้วนหน้ากัน
เรื่องที่สอง จีนจะเป็นเจ้าภาพในการขุดลอกแม่น้ำโขงให้มีความปลอดภัยและมีร่องน้ำที่เดินเรือได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งจีน ลาว และเมียนมาจะร่วมกันปล่อยน้ำจากต้นน้ำให้มีระดับน้ำสามารถเดินเรือได้ตลอดทั้งปี แทนที่จะเดินเรือได้ปีละไม่กี่เดือน
ดังนั้นหัวข้อหารือความร่วมมือที่จะมีการเจรจากันครั้งนี้จึงกระทบต่อผลประโยชน์ของ CLMVT อย่างรุนแรงที่สุด โดยที่สหรัฐมิได้มีส่วนมาเกี่ยวข้องในการเดินเรือหรือการท่องเที่ยวหรือการค้าของลุ่มน้ำนี้เลย
แล้วประเทศไทยและอาเซียนจะว่าอย่างไรกัน!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี