ภายใต้รัฐสภาชุดใหม่ของราชอาณาจักรไทย ได้มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกออกเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย อย่างชัดเจน ได้แก่ ฝ่ายสืบทอดอำนาจ กับฝ่ายประชาธิปไตยจอมปลอม
โดยฝ่ายแรกสามารถรวมเสียงจนได้เป็นฝ่ายรัฐบาลผสม ทำให้ฝ่ายหลังตกเป็นฝ่ายค้านผสมไป โดยอาจจะเรียกฝ่ายแรกอีกอย่างได้ว่า ฝ่ายรัฐบาลทหารการเมืองนำพา และฝ่ายหลังเป็นฝ่ายค้านโปรทักษิณนิยมเสียงข้างมากเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว หรือจะเรียกสั้นๆ ว่า ฝ่ายประยุทธ์นิยม กับฝ่ายทักษิณนิยม ก็สะดวกดี
ท่ามกลางความต่างของทั้งสองฝ่าย ก็ยังมีความเหมือนกันอยู่ นั่นก็คือ ต่างเป็นพวกอำนาจนิยม และเป็นพวกบุคคลบูชานิยมเหมือนกันทั้งคู่ นอกจากนั้นยังชื่นชอบการใช้งบประมาณประเทศ (ที่มาจากเงินภาษีราษฎร) ไปในทิศทางประชานิยม (โดยฝ่ายประยุทธ์นิยมแปลงชื่อเป็นโครงการประชารัฐ) และเล่นแร่แปรธาตุกับโครงการยักษ์ใหญ่ต่างๆ โดยร่วมมือกับกลุ่มทุนธุรกิจครอบครัวชั้นนำของไทย นอกจากนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ยังนิยมชมชอบกับการกระจุกตัวของอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง และที่ตัวผู้กุมอำนาจรัฐ
การเมืองไทยในระบอบรัฐสภาประชาธิปไตยในวันนี้ จึงเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งเสรีควบเผด็จการ (หรืออำนาจนิยม) รัฐสภาไทยชุดนี้จึงถือว่า ไม่มีฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริงปรากฏเลยแม้แต่ผู้เดียว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประชาธิปไตยอนุรักษ์นิยม (Conservative Democrats) กลุ่มสังคมประชาธิปไตย (Social-Democrats) กลุ่มเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) หรือแม้กระทั่งกลุ่มประชาธิปไตยสีเขียว (The Green -democrats) เพราะพรรคการเมืองต่างๆ ได้นำตัวเองไปลงอยู่ในกลุ่มนิยมประยุทธ์ หรือกลุ่มนิยมทักษิณ กันหมดเสียแล้ว
สังคมไทยและปวงชนชาวไทยทั้งหมด ก็เลยอยู่ภายใต้ร่มเงาของความเป็นประชาธิปไตยที่ไม่เสรี (Illiberal Democracy) ซึ่งดำเนินวิถีทาง “การเล่นการเมือง” แบบเผชิญหน้า ซ่อนคม พร้อมหักเหลี่ยมกันตลอดเวลา
เนื้อหาของการบ้านการเมืองหลังจากนี้ ก็คงไม่พ้นจะเป็นไปในลักษณะของ
1) การต่อยอดโครงการประชานิยม / ประชารัฐ และโครงการที่ใช้งบอย่างมหาศาล
2) การโฆษณาชวนเชื่อ ว่าด้วยผลงานและการแอบอ้างความสำเร็จและขีดความสามารถ ที่ไม่ได้สะท้อนความจริงและผลลบที่ตามมา
3) การลืมและมองข้ามความเหลื่อมล้ำและการกระจุกตัวของอำนาจรัฐ อำนาจเศรษฐกิจแต่จะเป็นการกระชับการครอบงำสังคมประเทศมากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นกันอย่างนี้แล้ว เราปวงชนชาวไทยจะเอาอย่างไรกันต่อ? จะยอมอยู่ในร่มเงาของอำนาจนิยม จะยอมรับสภาพของความเป็นเคราะห์หามยามร้ายนี้ไปเรื่อยๆ หรือว่าเราจะเริ่มขบคิด ร่วมมือหาทางปลดแอกจากความไม่เป็นเสรีประชาธิปไตยหรือการปลดแอกจากอำนาจนิยม
ก็ขึ้นอยู่กับคนไทยแต่ละคนแล้วว่า จะรัก และหวงแหนความเป็นลูกพ่อขุนรามคำแหงกันมากน้อยแค่ไหน ดังที่พระองค์สามารถเข้าถึงได้ ให้ความเข้าอกเข้าใจต่อประชาชนอย่างมีเมตตาธรรม
นอกจากนั้น ก็ต้องถามตนเองว่า เราแต่ละคนจะรักหวงแหนความเป็นเสรีชนและความเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันมากน้อยแค่ไหน
ถ้าเราเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า อำนาจบริหารนั้นเป็นของเราชาวไทย ฉะนั้นเราต้องกำกับ ควบคุม สั่งการ รัฐบาล และผู้ใช้อำนาจบริหารประเทศของเราได้ โดยเราก็ต้องตื่นรู้ ตื่นตัว ลงมือทำด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง
เราคนไทยต้องมารวมตัวเป็นภาคประชาสังคม เป็นพลังฝ่ายที่สาม ที่จะไม่ให้ทั้งฝ่ายสืบทอดอำนาจ และฝ่ายประชาธิปไตยจอมปลอม สามารถนั่งเล่นเกมการเมืองกันในสภาอย่างไม่เห็นหัวประชาชน มาคอยทรมานจิตใจชาวบ้าน
หากเราร่วมมือทำกันจริงจังแล้ว เราก็จะสามารถเปลี่ยนรูปโฉมสังคมและสร้างชาติได้ ฝีมือเรามี ปัญญาและสติพร้อม
ขึ้นอยู่กับว่า เราชาวไทยจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้แค่ไหน ผมเชื่อว่าไม่นานเกินรอ เราจะเอาอำนาจและความถูกต้องชอบธรรมกลับคืนมา
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี