หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติเข้ายึดอำนาจรัฐบาลที่ปกครองตามหลัก ประชาธิปไตยจอมปลอม ที่ทำให้ประเทศเกือบกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว เมื่อยึดอำนาจสำเร็จและปกครองด้วยระบบเผด็จการ หัวหน้าคณะปฏิวัติตั้งตัวเป็นผู้เผด็จการปกครองประเทศเป็นเวลากว่า 5 ปี จนในที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2560 ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่เรียกว่า ฉบับปราบโกง และเนื้อหาสาระปรากฏว่ามีความเป็นประชาธิปไตยเพียงบางส่วนหรืออาจกล่าวตามที่ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเปรียบเปรยรัฐธรรมนูญในอดีตฉบับหนึ่งว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือประชาธิปไตยฟันปลอม เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ในปัจจุบัน
นอกจากเนื้อหาในรัฐธรรมนูญแล้ว กติกาในทางปฏิบัติไม่ว่ากฎหมายพรรคการเมือง ระบบการเลือกตั้งเป็นไปโดยพิสดาร ทำให้เกิดพรรคการเมืองจำนวนมโหฬาร ผลจึงเกิดพรรคเล็กพรรคน้อยขึ้นมากมาย และเมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้วการประกาศผลนอกจากล่าช้าแล้วยังผลไปถึงการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าใช้เวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย กล่าวคือ พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งหัวหน้าพรรคก็ไม่ใช่ผู้เป็นหัวหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคืออดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติ แต่หัวหน้าพรรคคือ ลูกน้องที่สนับสนุนอดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติ คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลมีสมาชิกได้รับเลือกตั้งมีเสียงสนับสนุนไม่พอจึงต้องหาพรรคหลายพรรครวมทั้งดูดอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคที่ที่ตนปฏิวัติเข้ามาร่วมซึ่งการรวบรวมเสียงสนับสนุนใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ
อย่างไรก็ดีแม้จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จก็ยังมีปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า กล่าวคือ
1.ในอดีตที่ผ่านมาอำนาจในการบังคับบัญชาใช้คำสั่งที่คัดค้านไม่ได้ (โดยใช้มาตรา 44)
2.พรรคที่ร่วมเป็นรัฐบาลนอกจากพรรคของตนแล้วต้องหาพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมากเข้าร่วมจัดตั้ง ซึ่งอาจเกิดปัญหาในภายหลังเพราะผลประโยชน์อาจขัดกันได้ง่าย
3.แม้จะรวมกันหลายพรรคแต่เสียงที่สนับสนุนก็ยังปริ่มน้ำ ทำให้รัฐบาลขาดความเข้มแข็งเพราะต้อง เอาใจพรรคร่วม
4.ผลงานของคณะปฏิวัติที่ผันตัวมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เป็นที่ประทับใจของประชาชน
5.การรวมตัวของพรรคร่วมรัฐบาลแม้จะสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลแต่ภูมิหลังและการเข้าร่วมกันมิได้เกิดจากอุดมการณ์ทางการเมืองแต่ร่วมกันเพราะผลประโยชน์ซึ่งอาจเกิดการแตกแยกโดยง่าย
6.อำนาจในการใช้อาญาสิทธิ์ (มาตรา 44) หมดลง เปรียบเสมือนยักษ์ไร้กระบอง
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น อาจสรุปได้ว่า การรวมกลุ่มทางการเมืองเพื่อสนับสนุนรัฐบาลครั้งนี้แม้ดูจากตัวบุคคลที่เป็นองค์ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี ซึ่งอาจกล่าวโดยรวมว่ามีคุณสมบัติที่ดี รวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีที่แม้จะมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศให้ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ก็ตามแต่เนื่องจากภูมิหลังทางการเมืองและเจตนาในการเข้าร่วมรัฐบาลแตกต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง ผลก็คือความสามัคคีปรองดองก็ดี ผลประโยชน์ก็ดี จะทำให้มีปัญหาภายในรัฐบาลบวกกับปัญหาภายนอกซึ่งเปรียบเสมือนพายุใหญ่ที่ก่อตัวอยู่ จะมีผลต่อความมั่นคงของรัฐบาลอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี