ปัจจุบันนี้กระแสความเรียกร้องต้องการของประชาชนทุกภาคส่วนทั่วประเทศกำลังขยายตัวลุกลามยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง และสักวันหนึ่งอาจจะเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอยกับเมื่อครั้งมหาตมะ คานธี นำชาวอินเดีย 4 คน เดินเท้าเพื่อไปทำนาเกลือที่อังกฤษผูกขาดและขึ้นราคาสูงลิ่ว
ในที่สุดชาวอินเดียได้เข้าร่วมเดินเท้ากับมหาตมะ คานธี เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีจำนวนชาวอินเดียเข้าร่วมการเดินประท้วงนับร้อยล้านคน และนำไปสู่การประกาศเอกราชของอินเดียในที่สุด
กระแสความเรียกร้องต้องการเรื่องกัญชาขยายตัวไปทั่วประเทศอย่างกว้างขวางก็เพราะประการหนึ่ง บัดนี้ประชาชนทั้งหลายได้ทราบอย่างดีว่ากัญชาเป็นยารักษาโรคมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคความดันโรคไต โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่รักษาแบบแผนปัจจุบันไม่หายและหมดเนื้อหมดตัวตามๆ กัน
นั่นเป็นความเรียกร้องต้องการด้วยความหวังและความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพื่อรักษาชีวิตรอด และทำให้ญาติพี่น้องของแต่ละคนซึ่งมีไม่น้อยกว่า 10-20 คน เป็นทุกข์ร้อนแสนสาหัสและหมดเนื้อหมดตัวตามไปด้วย ทรัพย์สินที่สั่งสมมาทั้งชีวิตต้องจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลและในที่สุดก็ต้องนอนรอความตายอยู่กับบ้านหรือตายคาเตียงในโรงพยาบาล
ความปรารถนาเช่นนี้เป็นเรื่องประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามและเป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจทุกคนที่จะต้องสำเหนียกและดำเนินการบำบัดความทุกข์ร้อนแสนเข็ญของราษฎรให้จงได้ แต่ก็หามีผู้ใดนำพาไม่ เป็นไปดังบทพระราชปรารภในรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า นี่คือสาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่สุดสี่ประการที่ก่อให้เกิดวิกฤติของชาติ
แต่อีกประการหนึ่งนั้น กระแสความเรียกร้องต้องการขยายตัวลุกลามเพราะความคับแค้นใจที่ถูกโกหกหลอกลวงกีดกันกลั่นแกล้งสารพัดเพื่อไม่ให้ประชาชนมีสิทธิ์ในการปลูก ในการใช้ หรือในการจำหน่ายกัญชา กัญชง และกระท่อม ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเป็นสิทธิ์พื้นฐานของมวลมนุษย์ที่ไม่อาจมีใครขัดขวางได้
ความคับแค้นใจนี่แหละคือไฟในใจของประชาชนที่กำลังไหม้ลุกลามอยู่ในหัวใจของประชาชนอย่างน้อยที่สุดจำนวน 10 ล้านคน และเคยดลบันดาลให้พรรคการเมืองต่ำสิบได้รับชัยชนะเลือกตั้งอย่างผิดความคาดฝันให้เห็นประจักษ์มาแล้ว
แม้กระนั้นในวันนี้สิทธิ์และความปรารถนาของประชาชนในการรักษาความเจ็บป่วยก็ดูเหมือนห่างไกลออกไปทุกที มีการสร้างมายาภาพลวงโลกโกหกหลอกลวงประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งสามารถสรุปกระบวนการลวงโลกนี้มาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันได้ดังนี้
ประการแรก กัญชา กัญชง และกระท่อม เป็นยารักษาโรคมาแต่โบราณกาล เป็นพืชสมุนไพรมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะคัมภีร์อัมฤตย์โอสถของพระองค์เจ้าอมฤตย์ ในรัชกาลที่ 5 ก็ได้ระบุตำรับยาไทยโบราณที่ใช้กัญชาประมาณ 400 ชนิด สอดคล้องกับลักษณะสมมุติฐานของโลกที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ในพระสูตร
แต่พวกขายชาติทรยศชาติและลวงโลกกลับสมรู้สมยอมกับต่างชาติทำให้กัญชา กัญชง และกระท่อม เป็น ยาเสพติด เขียนกฎหมายให้เป็นยาเสพติดทั้งที่ไม่ใช่ยาเสพติด ทำนองเดียวกับการเขียนกฎหมายให้บัวเป็นสัตว์น้ำ และนับแต่นั้นมาตำรับยาโบราณก็กลายเป็นสิ่งต้องห้าม ประชาชนก็หมดสิทธิ์ในการใช้สอย และต้องใช้ยานำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพงและมีหลายร้อยรายการที่มีสารพิษเจือปน กระทั่งมีสารก่อมะเร็ง จนมีการเพิกถอนตำรับยาเหล่านั้นมาแล้ว
ประการที่สอง หลอกลวงประชาชนชาวไทยทั้งประเทศว่าไม่สามารถนำกัญชามาใช้ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ เพราะจะเป็นการผิดข้อตกลงที่รัฐบาลเคยไปทำข้อตกลงเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติด และอ้างเรื่องนี้ลวงโลกหลอกลวงรัฐบาลมาหลายยุคหลายสมัย
และบัดนี้ความจริงก็ถูกเปิดเผยทั้งโดยปากของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเองและโดยความจริงที่ปรากฏทั่วไปในโลกแล้วว่าอนุสัญญาดังกล่าวนั้นมิได้รวมถึงการใช้กัญชาฯ ในการรักษาความเจ็บป่วยเลย ความข้อนี้ประชาชนชาวไทยรู้ดีกันทั้งประเทศแล้ว มีแต่คนขายชาติเท่านั้นที่ยังแหกปากลวงโลกอยู่
ประการที่สาม เพราะเหตุที่เขียนกฎหมายว่ากัญชาฯเป็นยาเสพติด จึงไม่สามารถออกสิทธิบัตรหรือสิทธิในพืชพันธุ์นี้ให้แก่ใครได้ ดังนั้น จึงมีการลวงโลกครั้งมโหฬารด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด สรุปเนื้อหาว่าเจ้าพนักงานสามารถอนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้
สัตว์นรกโดยแท้! ความจริงได้ถูกเปิดเผยโดยข้าราชการที่รักชาติว่ามีนักการเมืองขายชาติได้สมรู้กับบริษัทยาต่างชาติแอบมายื่นขอสิทธิบัตรในการใช้กัญชาฯ และขอสิทธิ์ในพืชพันธุ์กัญชาซึ่งจะก่อให้เกิดความเป็นเจ้าของโดยประชาชนไทยหมดสิทธิ์ที่จะปลูกใช้หรือจำหน่ายกัญชาอีกต่อไป
ดังนั้นการลวงโลกโดยการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายยาเสพติดดังกล่าวจึงเป็นเพียงแค่การเปิดทางยกสมบัติอันล้ำค่าของชาติและประชาชนให้กับต่างชาติและเจ้าสัวเพียงไม่กี่รายเท่านั้น
ประการที่สี่ ครั้นประชาชนเรียกร้องต้องการขยายวงมากขึ้นก็ลวงโลกต่อไป โดยผ่อนผันให้มีการแจ้งในการครอบครองยากัญชาเพื่อรักษาโรค ซึ่งมีผู้ไปแจ้งเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าไม่มีการอนุญาตให้มีการปลูกและสกัดกัญชา จึงเท่ากับหลอกลวงประชาชนให้มาแสดงตนว่าใช้ยากัญชารักษาโรค เพื่อเป็นข้อมูลในการจับกุมและกวาดล้าง ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างเป็นขั้นตอน
ประการที่ห้า ครั้นประชาชนจับได้ไล่ทันและเริ่มก่อหวอดประท้วงก็ลวงโลกต่อไปว่าจะอนุญาตให้หมอพื้นบ้านซึ่งมีประมาณ 3,000 คน สามารถสั่งใช้ยากัญชาได้ ทำให้เกิดความดีอกดีใจกันทั่วประเทศ
แต่แล้วก็มีการออกกฎกระทรวงทิ้งทวนในเดือนมิถุนายน 2562 เพิกถอนสิทธิ์ที่มีอยู่แต่เดิมของหมอพื้นบ้านทั้ง 3,000 คนนั้นเสีย จนกระทั่งหมอพื้นบ้านที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เตรียมจะลุกฮือขึ้น ก็แก้ข่าวว่าจะมีการออกกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงนั้น และให้หมอพื้นบ้านมีสิทธิ์ในการสั่งยากัญชาต่อไป
ไม่ทันถึงสัปดาห์อนุกรรมการคณะหนึ่งในเรื่องนี้ก็แถลงข่าวว่ากัญชาใช้เป็นตำรับยาไม่ได้ เพราะเป็นยาเสพติด ติดขัดด้วยอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติด
วันนี้เอากันแค่พฤติกรรมลวงโลกหลอกลวงต้มตุ๋นคนไทยห้าประการมานำเสนอให้ได้ทราบให้เข้าใจกันก่อน ซึ่งยังไม่หมดแค่นี้ ยังจะมีตามมาอีกมาก ซึ่งนั่นก็คือการสุมไฟในหัวใจประชาชนให้โชติช่วงมากขึ้นนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี