เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ร่ำรวยผิดปกติ 216,062,819 บาท
เนื้อหาสาระมีประเด็นน่าสนใจ และชวนให้คิด สืบสาวต่อไป ดังนี้
1. ในเอกสารแถลงข่าวของ ป.ป.ช. ให้รายละเอียดว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนที่มีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน ไต่สวนข้อเท็จจริงพบเงินฝากและทรัพย์สินต่างๆ ของนายพนม ศรศิลป์ และบุคคลใกล้ชิด ประกอบด้วย นางนิสา ศรศิลป์ (คู่สมรส) นางจรินรัตน์ แซ่ตั้ง และนางสมพิศ สุทธิบุญ (ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) รวมทั้งบุตรและญาติพี่น้อง
เท่ากับว่า อดีต ผอ.พศ.ผู้ถูกกล่าวหาท่านนี้ มีภรรยาถึง 3 คน
ป.ป.ช.ระบุว่า บุคคลที่มีชื่อครอบครองทรัพย์สินเหล่านั้น ไม่สามารถพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้ ดังนี้
(1) เงินฝากจำนวน 16 แห่ง เป็นเงิน 163,022,595 บาท
(2) เงินลงทุนจำนวน 8 แห่ง มูลค่า 22,470,000 บาท
(3) ที่ดินตั้งอยู่ในท้องที่จังหวัดอุดรธานีจำนวน 7 แปลง มูลค่า 5,119,400 บาท
(4) บ้าน พร้อมที่ดิน จำนวน 2 หลัง ตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดนครปฐม รวมมูลค่า 805,919 บาท
(5) ห้องชุดตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี 1 ห้อง และจังหวัดปทุมธานี 2 ห้อง รวม 3 ห้อง มูลค่า 3,960,000 บาท
(6) รถยนต์ จำนวน 9 คัน รวมมูลค่า 4,931,200 บาท
(7) กรมธรรม์ประกันชีวิต จำนวน 4 กรมธรรม์ รวมมูลค่า 828,489 บาท
(8) เงินที่นำไปชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน จำนวน 4 แห่ง เป็นเงิน 14,925,216 บาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นจำนวน 216,062,819 บาท
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้เป็นการชั่วคราวแล้ว จำนวน 44,108,113 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ แล้วมีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพื่อขอให้ทรัพย์สิน ดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
ขณะนี้ ผู้ถูกกล่าวหา และผู้มีชื่อครอบครองทรัพย์สิน ยังมีสิทธิไปต่อสู้เพื่อพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินตนเองได้ตามกระบวนการในชั้นศาลต่อไป
2. กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจว่า แม้แต่ทรัพย์สินเงินทองที่ไปใส่ไว้ในชื่อของบ้านเล็กบ้านน้อย หรือบ้านหลายหลัง ก็อาจถูก ป.ป.ช.สืบสาวติดตามยึดทรัพย์เพื่อให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ หากมีพฤติการณ์เข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ
ป.ป.ช.ระบุว่า อดีต ผอ.พศ. นายพนม ศรศิลป์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์ที่จัดสรรให้วัดพนัญเชิงวรวิหาร ประจำปีงบประมาณ 2557 และประจำปีงบประมาณ 2558
เป็นเหตุนำมาสู่การตรวจสอบทรัพย์สิน เพราะมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
ขณะนี้ นายพนมถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ระหว่างการดำเนินคดีทุจริตเงินทอนวัดดังกล่าว และยังถูกสอบสวนดำเนินคดีอีกหลายกรณี ยังไม่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดอาญา
ขณะที่เมีย ลูก และญาติพี่น้องคนใกล้ชิด ผู้มีชื่อถือครอบครองทรัพย์สิน จำนวนรวม 216 ล้านบาทนั้น ก็ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีอาญา เว้นเสียแต่ว่าจะมีหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตหรือการฟอกเงินปรากฏต่อไป
3. กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดพนัญเชิงวรวิหาร พระนครศรีอยุธยา
ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด ทั้งนายพนม ศรศิลป์ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ (อดีต ผอ.พศ.คนก่อนหน้านายพนม) รวมถึงนางสาวประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ. และนางชมพูนุท จันฤาไชย (ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ) ฐานร่วมกันทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และการพัฒนาวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่อนุมัติให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ในปีงบประมาณ 2557 และ 2558
พฤติการณ์ในรายละเอียด ป.ป.ช.ระบุว่า มีการกระทำเป็นขบวนการ มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดเป็นขั้นเป็นตอน
3.1 การทุจริตเงินทอนวัดพนัญเชิงวรวิหาร ปีงบประมาณ 2557 : ป.ป.ช.ชี้ว่า นางสาวประนอม คงพิกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ได้ติดต่อวัดพนัญเชิงวรวิหารว่าจะจัดสรรเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้ จำนวน 10 ล้านบาท แต่เมื่อวัดได้รับเงินแล้วให้โอนเงินจำนวน 8 ล้านบาท เข้าบัญชีเงินฝากของนางชมพูนุท จันฤาไชย ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ.ขณะนั้น หลังจากนั้น นางสาวประนอมได้จัดทำเอกสารการอนุมัติเงินอุดหนุนให้แก่วัด เสนอให้นายนพรัตน์อนุมัติเงินอุดหนุน โดยไม่มีคำขอรับเงินอุดหนุนของวัดพนัญเชิงวรวิหารประกอบการพิจารณาอนุมัติตามระเบียบแบบแผนราชการ และหลังจากที่ พศ. ได้โอนเงินอุดหนุนให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหาร 10 ล้านบาทแล้ว วัดได้โอนเงินกลับคืน 8 ล้านบาท เข้าบัญชีเงินฝากของนางชมพูนุท แล้วนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต
3.2 การทุจริตเงินทอนวัดพนัญเชิงวรวิหาร ปีงบประมาณ 2558 : ป.ป.ช.ชี้ว่า นางสาวประนอมได้ติดต่อวัดพนัญเชิงวรวิหารอีก และแจ้งว่าจะโอนเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์ฯให้แก่วัด 10 ล้านบาทแต่ครั้งนี้มีเงื่อนไขว่าวัดจะต้องคืนเงินสด 5 ล้านบาท หลังจากนั้นนางสาวประนอมได้จัดทำเอกสารการขออนุมัติเงินอุดหนุนให้แก่วัด เสนอนายพนม ศรศิลป์ ขณะนั้นรักษาราชการแทน ผอ.พศ. พิจารณาอนุมัติแบบเดิมกับงบปี’57 และหลังจากวัดได้รับงบประมาณ ก็นำเงินสด 5 ล้านบาท ไปมอบให้แก่นางสาวประนอม แล้วนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต
ขณะนี้ คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว
4. นอกจากกรณีทุจริตเงินทอนวัดพนัญเชิงวรวิหารแล้ว ป.ป.ช. และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ ยังได้สอบสวนคดีในลักษณะนี้อีกเกือบ 100 คดี
อนิจจา... คดีเปรตอมเงินทอนวัด
กรรมใดใครก่อ คนนั้นย่อมได้รับผลกรรมต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี