ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล”ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เผยผลสำรวจเรื่องคมนาคมไฟเขียว ขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์ที่สำรวจ ในวันที่ 8 – 9 สิงหาคม จากผู้ที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกระจายทุกระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น 1,505 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลักของ “นิด้าโพล”
ด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างแบบง่ายเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0 จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์ กม.ที่ 1 – 10 กม. จาก 6 บาท เป็น 6.50 บาท/กม. พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.52 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเพราะราคาเดิมสูงอยู่แล้วราคาเเก๊สกับน้ำมันยังไม่สูงมาก ยังไม่สมควรขึ้นค่าโดยสารและการบริการยังไม่สมกับราคาที่เพิ่มขึ้น
รองลงมา ร้อยละ 35.02 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะราคาที่ขึ้นยังพอรับได้สมเหตุสมผล เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น และอาจจะช่วยลดปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสารได้ และร้อยละ 2.46 ระบุว่าไม่ทราบ ไม่ตอบไม่แน่ใจ ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์ในกรณีรถติด จากนาทีละ 2 บาท เป็น 3 บาท พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 81.00 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาในกรณีรถติดเนื่องจากเป็นสิ่งที่ต้องบริการประชาชนอยู่เเล้ว ไม่สมควรเก็บเพิ่ม รองลงมา ร้อยละ 18.07 ระบุว่า เห็นด้วยเพราะเป็นการแก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารได้
ส่วนการใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์ในท่าอากาศยานพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 60.40 ระบุว่า ไม่เคยใช้บริการ ขณะที่ ร้อยละ 39.60 ระบุว่า เคยใช้บริการเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการขึ้นค่าเซอร์ชาร์จ จากการใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์ในสนามบิน เพิ่มจาก 50 บาท เป็นรถขนาดเล็กไม่เกิน 70 บาท รถขนาดใหญ่ไม่เกิน 90 บาท เฉพาะผู้ที่ตอบเคยใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 76.34 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเอาเปรียบผู้โดยสาร เนื่องจากไม่สามารถเรียกรถแท็กซี่ภายนอกเข้ามารับภายในท่าอากาศยาน
การให้บริการของรถแท็กซี่ในไทยนั้น มีความแตกต่างกับต่างประเทศทั่วโลกเพราะในต่างประเทศนั้นเกือบทั้งหมดผู้ขับแท็กซี่จะทำงานเป็นพนักงานขับรถของบริษัทให้บริการแท็กซี่จะได้เงินเดือนประจำกับเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากค่าบริการรายวัน ในขณะที่แท็กซี่ไทยนั้นส่วนใหญ่ร้อยละ 90 จะเป็นคนที่มาเช่ารถแท็กซี่ขับกับแท็กซี่ที่มีเงินก้อนไปซื้อรถแท็กซี่มาขับรับผู้โดยสารเอง
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้การบริการของแท็กซี่ไทยส่วนใหญ่จึงขาดแรงจูงใจที่จะให้บริการที่ดีเหมือนรถแท็กซี่ในต่างประเทศ เช่น ที่สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง หรือมาเลเซีย เพราะแท็กซี่ไทยนั้นมีภาระต้องวิ่งรถหาค่าเช่ารถให้ได้ก่อน ซึ่งทราบว่าส่วนใหญ่เจ้าของอู่แท็กซี่จะ
เข้มงวดกับคนที่มาเช่ารถแท็กซี่ขับทำให้บริการมักไม่เป็นที่ประทับใจต่อผู้โดยสาร ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบก ต้องนำไปศึกษาและวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะยอมให้ขึ้นค่าบริการเพื่อให้สมเหตุสมผลกับผู้บริโภคที่เป็นผู้โดยสารให้มากที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี