สุภาษิตโบราณสอนไว้ว่า “ก่อนพูดเราเป็นนายแต่เมื่อพูดออกไปแล้ว คำพูดกลับเป็นนายเรา” สุภาษิตนี้กำลังกลับมาสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบหรือประชาธิปไตยฟันปลอมตามคำนิยามของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เพราะนักการเมืองของไทยในปัจจุบันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลกำลังใช้กันอยู่ในขณะนี้พร้อมทั้งนำเอาสิ่งที่เป็นไปตามนิยายเรื่องศรีธนญชัยมาใช้กันอย่างแพร่หลาย
กล่าวคือ ฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงสนับสนุนมากกว่าฝ่ายค้านเพียงเล็กน้อยหรือที่เรียกว่าเสียงปริ่มน้ำ ทั้งๆ ที่ก่อนเลือกตั้งคาดว่าจะได้คะแนนเสียงสนับสนุนอย่างมากเพราะได้ต้อนเอานักการเมืองฝ่ายที่เคยอยู่กับรัฐบาลที่ตนเองปฏิวัติกวาดต้อนเอามาเป็นพวกหรือที่เรียกว่า “ดูด” ทั้งๆ ที่ผู้มีอำนาจรัฐที่ทำการปฏิวัติโดยกล่าวหาว่าพวกนี้มีพฤติกรรมกินบ้านกินเมือง แต่เมื่อฝ่ายที่ทำการปฏิวัติต้องการจะสืบอำนาจต่อไปตามกติกาใหม่ หรือรัฐธรรมนูญฉบับที่ยกร่างโดยเนติบริกรตัวพ่อรวมทั้งเมื่อมีการเลือกตั้งโดยต้องการสืบอำนาจต่อจึงต้องไปกวาดต้อนเอานักการเมืองที่มีสาเหตุในการปฏิวัติล้มรัฐบาลที่อ้างว่าโกงกินบ้านเมือง
ส่วนหนึ่งเข้ามาเป็นพวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดานักการเมืองตัวพ่อตั้งแต่มือขวาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ตนขับไล่กลับเอามาเป็นกุนซือของกลุ่มตน จัดตั้งรัฐบาลที่มีชื่อพรรคการเมืองที่คล้ายกับโครงการที่นำเงินของรัฐมาแจกจ่ายคนยากจนเพื่อที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ยากไร้โดยหวังจะได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง แต่ผลปรากฏว่าไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเพราะไม่ได้รับการสนับสนุนเพียงพอที่จะตั้งรัฐบาลได้ จึงต้องใช้วิชามารเข้าเจรจากับพรรคการเมืองอื่นให้มาร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลจนทำให้พรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดต้องแตกออกเป็นสองฝ่าย
แม้กระนั้นกว่าจะเป็นผลสำเร็จต้องยอมเสียกระทรวงที่สำคัญให้พรรคที่สำคัญที่ยอมเข้าร่วมรัฐบาลรวมทั้งยอมสละตำแหน่งสำคัญในทางการเมืองคือประธานสภานิติบัญญัติให้อีกด้วย แม้จะรวมเสียงสนับสนุนสำเร็จแต่เสียงก็ยังมีไม่เพียงพอจึงจำเป็นต้องได้พรรคเล็กพรรคน้อยซึ่งเกิดจากรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยเนติบริกรตัวพ่อทำให้ต้องอาศัยสมาชิกพรรคการเมืองร้อยพ่อพันแม่มาสนับสนุน ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งมีสมาชิกหลายพรรครวมกันสนับสนุนให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้สมาชิกที่มาจากพรรคเล็กพรรคน้อยตั้งให้มีตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีผู้ไปถามท่านว่าตั้งไปทำไม ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ตอบว่า ให้ทำหน้าที่เทกระโถน ซึ่งรัฐบาลในปัจจุบันนี้ก็มีสภาพไม่แตกต่างกว่าสภาพในสมัยนั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะบริหารประเทศต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นนอกจากปัญหาเรื่องการถวายสัตย์แล้ว ขวากหนามที่จะเกิดขึ้นจากคณะรัฐมนตรีที่เกิดจากการรวมตัวของหลายพรรคการเมืองกันจะเกิดปัญหาขึ้นเพราะปัญหาผลประโยชน์ของแต่ละพรรคแต่ละกลุ่มที่เข้าร่วมเป็นรัฐบาลย่อมเกิดปัญหาผลประโยชน์ขัดกันซึ่งอาจเป็นไปตามสุภาษิตที่ว่า “ผลประโยชน์ขัดกันต้องบรรลัยตายข้างหนึ่งจึงจะดี” ยกเว้นเสียแต่ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีบารมีในการควบคุมบรรดาพรรคการเมืองที่เข้าร่วมไม่แตกแถวจนรัฐบาลเรือเหล็กถูกลูกเรือเจาะถึงขั้นอับปางลงก่อนถึงฝั่ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี