ตำนาน “วันทองสองใจ” มีต้นกำเนิดมาจากวรรณกรรมไทยยอดดัง เรื่อง “ขุนช้าง-ขุนแผน”

“นางพิม” หรือ “นางวันทอง” ตัวเอกของเรื่องเป็น “สาวสวยที่ถูกขุนแผนและขุนช้าง สองเจ้าชู้ลอมปอมเป่ากระหม่อมจนกลายเป็นสามีของนางทั้งคู่”

จากนั้น “ได้เกิดศึกชิงนางอย่างต่อเนื่อง” ถึงขั้น“พระพันวษา” ต้องลงมาตัดสินความ แล้วมีบัญชา “ให้วันทองตัดสินใจ จะเลือกอยู่กับสามีคนไหนกันแน่?”

ปรากฏว่า “นางวันทองตัดสินใจ เลือกอยู่กับชายคนใดไม่ได้” จึงกลายเป็น “นางวันทองสองใจ” และถูกสั่งประหารชีวิต

ส่วน “ตำนานวันทองสองใจทางการเมือง” นั้นเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย แต่ถูกเรียกฉายาเป็นอย่างอื่น เช่น “เป็นงูเห่า งูจงอาง และงูหลาม งูเหลือม”เป็นต้น

กรณี “สามสส.จังหวัดสุรินทร์” ของพรรคเพื่อไทยที่ไปต้อนรับลุงตู่ซึ่งไปตรวจเยี่ยมพื้นที่แบบ “เอาใจเกินขอบเขต” ด้วยการพูดจาแบบ “กลอนพาไป” ว่า “พวกมันจะบ้ากันไปใหญ่ ท่านนายกฯ ยังไม่ทันทำอะไร มันก็ลงชื่อจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจกันแล้ว”

จากเหตุการณ์ดังกล่าว สื่อทุกแขนงได้พากันวิเคราะห์ว่า “ได้เกิดวันทองสองใจในพรรคเพื่อไทย” แล้ว เล่นเอาแกนนำพรรคเพื่อไทย “ออกมาเต้นเป็นเจ้าเข้า”

สื่อจอมซนปากบุก ซุกปากบอนต่างออกมา “ฟันธง” ว่า สุดท้ายของท้ายสุด พรรคเพื่อไทย “คงไม่กล้าลงโทษ สามวันทองสองใจแบบรุนแรง” นอกจากลงมติให้ “แค่ว่ากล่าวตักเตือน” ว่า “ทำตัวไม่เหมาะสม”

ถ้าถึงขั้น “ลงโทษแบบเอาจริง” ด้วยการ “อัปเปหิวันทองสองใจออกจากพรรค” เท่ากับ“ตีไพ่โง่เสียสเปโต” หรือเป็นการ “เตะหมูเข้าปากชูชก”

เพราะงานนี้ ชูชกจอมบริโภค ตั้งท่ารอที่จะได้รับ “อาหารอันประณีต” ประเภท “หมูแผ่น หมูหยอง และหมูกระป๋อง” อยู่แล้ว

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม