หลายปีที่ผ่านมา เมื่อนั่งพินิจพิจารณาดู ผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า เหตุใดที่สังคมไทยเราต้องมายอมรับสภาพ ปล่อยให้มีผู้บริหารบ้านเมืองที่พูดจาเลอะเทอะ ไม่อยู่กับร่องกับรอย บอกกล่าวกับชาวไทยทีไร เหตุและผลก็ไม่สอดคล้องกัน ไม่มีตรรกะแต่อย่างใด
เพื่อที่จะไม่ให้ถูกว่าได้ว่าผมกล่าวหาลอยๆ ก็ขออนุญาตทบทวน ลำดับความเรื่องราวต่างๆ ที่บรรดาผู้นำได้แสดงออกเอาไว้อย่างเลอะเลือน และนำมาซึ่งความสับสนและท้อแท้ ห่อเหี่ยว หดหู่ใจ แก่ผู้พบเห็นดังนี้ :
1.เมื่อตอนปฏิวัติใหม่ๆ ก็ป่าวประกาศไปทั่วว่านักการเมืองนั้นเลว กองทัพนั้นดี ทหารเป็นผู้อาสาเข้ามาแก้ปัญหา แต่บัดนี้ กลับสลัดเครื่องแบบทหาร แล้วไปสวมสูทเป็นนักการเมืองแทนเสียนี่
2.บรรดานักการเมืองที่ตนเคยรังเกียจรังงอนประณามเอาไว้ว่าเป็นปัญหาของประเทศนั้น บัดนี้ก็กลับเชิญมาร่วมลงเรือ เพื่อสำราญอำนาจไปด้วยกันเมื่อกลายเป็นพวกเดียวกันแล้ว จะตักตวงผลประโยชน์กันอย่างไร ก็ให้ได้เต็มที่
3.บอกสังคมว่า “มีพวกผมเท่านั้น” ที่สามารถต่อต้านระบอบทักษิณได้ แต่ตั้งแต่ยึดอำนาจไปจากประชาชนจนวันนี้ กลับใช้วิธีบริหารราชการสไตล์เดียวกันกับทักษิณ คืออำนาจนิยม ผสมผสานนโยบายเศรษฐกิจกระจุกตัวกลุ่มนายทุนใหญ่ คู่ขนานกันไปกับการเลี้ยงรากหญ้าให้เชื่องด้วยนโยบายประชานิยม
4.อ้างเหตุว่า เศรษฐกิจโลกไม่ดีและประเทศยักษ์ใหญ่ขัดแย้งกัน รัฐบาลจึงต้องทุ่มเงิน 300,000 กว่าล้านบาท ให้กับชาวรากหญ้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผมก็มองไม่ออกว่า ความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลกนั้นเชื่อมโยงกับนโยบายการลดแลกแจกแถมอย่างไร? เพราะการแก้ไขเศรษฐกิจประเทศที่เกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกนั้นเป็นเรื่องการค้าขายส่งออก/นำเข้าซึ่งควรเป็นเรื่องการช่วยเหลือภาคธุรกิจให้ปรับตัวแข่งขันได้อย่างไร ด้วยการสนับสนุนส่งเสริมของภาครัฐมากกว่าจะเป็นเรื่องการอัดฉีดเงินให้กับภาครากหญ้า
5. มีการประกาศว่าด้วยราคาพืชผลตกต่ำ เพราะฉะนั้นจะต้องประกันรายได้ให้เกษตรกร แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นการประกันราคาพืชผล มิใช่เป็นการประกันรายได้ เพราะถ้าจะประกันรายได้ ต้องคำนวณว่า เกษตรกรรายหนึ่งหรือครอบครัวควรจะมีรายได้ต่อปีเท่าใด เพื่อมีคุณภาพชีวิตที่มั่นคง และมีศักดิ์ศรี
6.ปล่อยให้หลายหน่วยงาน (รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ)ดาหน้าออกมาโฆษณาชวนเชื่อ ถึงความดีงามขององค์กร แต่กลับไม่ได้แจกแจงเรื่องขาดทุน-กำไร การสูญเสีย รวมไปถึงการไปทำ “ธุรกิจ” ที่ไม่ใช่งานหลักของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น หน่วยงานที่จัดหาพลังงานน้ำมันและก๊าซ แต่กลับไปเปิดธุรกิจขายกาแฟพ่วงด้วย (กาแฟเป็นเชื้อเพลิงได้ด้วย?)
7.เมื่อสัมปทานของรัฐที่ให้แก่เอกชน หมดอายุแล้ว เหตุใดรัฐบาลจึงยอมต่ออายุสัญญาให้อีก? ทำไมหน่วยรัฐไม่ดึงกลับคืนมาบริหารเอง? เพราะประชาชนควรจะได้ใช้งานโครงการเหล่านั้นฟรี หลังจากนายทุนได้ถอนทุนพร้อมกำไรภายในระยะเวลาสัมปทานไปแล้ว
8.กิจการรถไฟ แทนที่จะให้บริษัทที่เขาเชี่ยวชาญทางด้านระบบรางรับงานไปทำ รัฐบาลก็ดันมอบให้ บริษัทค้าเครื่องดื่ม ค้าอาหารสัตว์ ค้าเมล็ดพืช ค้าสื่อ รับผิดชอบแทน สังคมไทยก็งงๆ ว่า แล้วบริษัทเหล่านั้นมีความสามารถอะไรในเรื่องรถไฟ? ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ?
9.เมื่อรัฐบาลทหารเลือก สว. มา 250 คนเองกับมือ แล้ว สว. เหล่านี้ ก็ร่วมกันยกมือเลือกให้คุณประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นที่สงสัยอยู่ว่าบรรดา สว. จะไปอภิปราย ไปตรวจสอบรัฐบาลประยุทธ์กันได้อย่างไร? แล้วเงินเดือนกับสิทธิพิเศษคุ้มค่าหรือ?
10.คุณประยุทธ์ จะเป็นคนดีจริงหรือไม่ อาจต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กันต่อไป แต่โดยทั่วไปสังคมก็ว่าคุณประยุทธ์เป็นคนดี แต่ทำไมบรรดาผู้ที่อยู่แวดล้อมใกล้ชิดที่สุดของคุณประยุทธ์นั้น ต่างเป็นบุคคลที่สังคมเอือมระอาเกือบทั้งสิ้น? คุณประยุทธ์ดูไม่คบคนดีศรีอยุธยา
11.คุณประยุทธ์ พูดกับสังคมมา 5 ปีกว่าแล้ว แต่พอจะมีใครสามารถจะสรุปให้สังคมเข้าใจได้ไหมว่า สาระที่พูดมาจริงๆ แล้วคืออะไร? และมันเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติอย่างไร?
12. ในเมื่อ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ถูกร่างมาโดยคุณประยุทธ์ และพรรคพวก แถมยังเอื้อประโยชน์ให้คุณประยุทธ์ดังที่เห็นกันโทนโท่ โดยอ้างเอาประชามติมาการันตีคุณภาพและความถูกต้องชอบธรรม แล้วอยู่ดีๆ จะมาบอกสังคมว่า เดี๋ยวจะแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญให้นะ ประชาชนเขาก็งง ว่าพูดจริงหรือแค่ยาหอมกันแน่ ส่วนฝ่ายนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ไปสยบต่อฝ่ายอำนาจทหาร ก็ออกมาฟอกขาวให้เผด็จการว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั้นได้ถูกบรรจุไว้ในถ้อยแถลงนโยบายรัฐบาลแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง งานนี้ใครหลอกใครไม่รู้ แต่ประชาชนบอกว่า อย่ามาหลอกกันอีกเลย
เมื่อผู้บริหารบ้านเมืองสับสน เลอะเทอะขนาดนี้หากฝ่ายทหาร ข้าราชการ จะหลับหูหลับตาให้การสนับสนุนกันไป ก็พอเข้าใจได้ เพราะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน เอื้ออำนาจให้กัน
แต่กับประชาชนทั่วไป ที่ยังบอกว่าจะขอสนับสนุนคุณประยุทธ์ต่อไป ไม่ว่าอย่างไร ก็คงต้องขอปลุกกันแรงๆ ว่า ตื่นเถิดชาวไทย
ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทบทวนว่า ใครเป็นใครอะไรเป็นอะไร แล้วเรียกร้องความดีงามจากผู้บริหารบ้านเมืองกันเสียที ไม่ใช่ปล่อยไปให้ทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจสังคมไทย ปล่อยไปตามยถากรรมกันแบบนี้
อย่างน้อย ก็ต้องเรียกร้องให้เอาคนดีมาบริหารบ้านเมืองเสียที
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี