นับเป็นเรื่องใหม่ของไทยสมัยใหม่ ที่รัฐบาลประยุทธ์ได้แต่งตั้งซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล เป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อให้เกิดความแปลกประหลาดใจ ที่ได้เห็นผู้มีความสามารถด้านโหรและฮวงจุ้ยเข้ามาทำงานในตำแหน่งการเมือง
ทันทีที่สื่อมวลชนทราบเรื่อง ต่างลงข่าวว่าโหราจารย์ถือฤกษ์ 11.39 น. ไหว้ศาลพระภูมิ ศาลตาศาลยาย ก่อนจะกล่าวถึงดวงชะตาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มั่นใจว่าดวงนายกฯ ภาพรวมดี จะดูแลบ้านเมืองไปอีกยาว 2 สมัย (8 ปี) และยังกล่าวอีกว่า
“เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะผ่านพ้นวิกฤติปัญหาไปได้ เพราะโหงวเฮ้งนายกรัฐมนตรีดี ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ดีเป็น 3 เสาหลักที่คุ้มบ้านเมืองอยู่ มีลักษณะโหงวเฮ้งที่ดี และเบื้องบนของเรา ราชวงศ์ก็ดี สถาบันก็ดี เพราะเมืองไทยเราต้องดูแลด้วยพระมหากษัตริย์ ทหารต้องดูแลบ้านเมือง” ซินแสภาณุวัฒน์ กล่าว
โดยปกติโหรหรือหมอดู จะเป็นที่นิยมในหมู่คนที่มีความเสี่ยงภัยสูง เราจึงเห็นผู้ประกอบอาชีพที่เสี่ยงภัยเช่น ทหาร ตำรวจ ผู้ทำรัฐประหาร นักการเมือง มือปืน จะต้องแสวงหาคำทำนายเพื่อปลอบประโลมใจ หรือชี้แนวทางเดินให้ ครอบครัวที่มีลูกสาวจะแต่งงานยังอดจะนำดวงเจ้าบ่าว และเจ้าสาวไปดูดวงไม่ได้ เพราะการมีลูกสาวที่จะแต่งงาน จะมีความเสี่ยงที่จะเสียหายมากกว่าการที่มีลูกชายจะแต่งงาน
จึงไม่แปลกใจที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไม่สามารถจะคัดคนเข้าร่วมเป็นรัฐมนตรีและไม่สามารถคัดคนเป็น สส. ที่เป็นฐานทางการเมืองได้อย่างใจต้องการ ก็มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ต้องลงจากหลังเสือหลังรัฐประหาร ย่อมจะมีศัตรูรอบทิศ งูเงี้ยวเขี้ยวขอก็ไว้ใจได้ยาก
ยิ่งกว่านั้น ในยามยากที่เศรษฐกิจตกต่ำรุมเร้า บ้านเมืองมีความแตกต่างและแตกแยกสูง ปัญหาด้านต่างๆ ผุดโผล่ทวีคูณ นายกฯประยุทธ์ที่เคยบอกเสมอว่าตนก็เป็นมนุษย์ จึงต้องหวั่นไหวและหาผู้ปลอบใจและชี้ทางที่มั่นใจมากขึ้น
การตั้งโหราจารย์ ซินแสภาณุวัฒน์ มาประจำทำเนียบจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะอย่างไรก็คงต้องพึ่งพาศาสตร์ด้านนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าในที่ลับหรือที่แจ้ง
โหร หมอดู กับการเมืองไทยก็อยู่คู่กันมาช้านาน นับแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง เราก็เคยได้ยินบทบาทของโหราจารย์ทั้งที่เป็นฆราวาส และที่เป็นพระ กำหนดฤกษ์พานาที ดูดวง ดูลักษณะโหงวเฮ้งของผู้ร่วมงาน
โหรจึงเป็นผู้กำความลับ มีข้อมูลเชิงลึก ประเภทที่คนภายนอกไม่รู้อยู่มาก เพราะคำถามของผู้ที่มาปรึกษาว่า ถ้าจะทำการใหญ่จะรบทัพจับศึก จะยึดเมือง ยึดอำนาจ จะต้องทำเมื่อไร ต้องระมัดระวังอะไร
โหรจึงต้องเป็นผู้รอบรู้เหตุการณ์ และรู้จักบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงสามารถให้คำปรึกษา หาทางออก หาทางเลือกให้ แม้จะเป็นนามธรรมให้ผู้ต้องการรู้ต้องตีความเอาเองก็ยิ่งดี เพราะคนที่ประสบกับความเสี่ยงภัย ย่อมคิดทางหนีทีไล่เป็น
ทางเลือกหลายทางอยู่ก่อนแล้ว โหรที่ฉลาดฟังคำถามก็เกือบจะรู้คำตอบที่มีทางเลือกต่างๆ อยู่แล้ว เมื่อแนะนำเป็นนามธรรมดูเป็นหลักการไม่ลงรูปธรรมในรายละเอียด ก็จะทำให้ผู้มาสอบถามคิดเอง ถึง
รูปธรรมที่ชัดขึ้น ชั่งใจ ทบทวน และอาจตัดสินใจได้ดีขึ้น
ผู้ที่เป็นหมอดู หรือโหรจะได้รับการสั่งสอนว่า จะไม่ทำนายทายทักให้คนมาดูดวง มาสอบถามเสียกำลังใจ เช่น จะไม่ทำนายว่าจะตายในเวลานั้นเวลานี้ หรือทำนายว่า ลูกคนนั้นจะเป็นลูกทรพีเลี้ยงไม่ได้ เพราะผู้ได้รับคำทำนายจะหวาดระแวง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก หรือ แม่-ลูก ก็จะมีปัญหาและทำให้เหตุการณ์ พฤติกรรมเลวร้าย เป็นจริงไปอย่างคำทำนาย
โหร หรือหมอดู จึงต้องชำนาญและเข้าใจจิตใจของผู้ที่มาปรึกษา มาหาแล้วสบายใจ ได้คำแนะนำที่มีทางออก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ให้ทางออกที่เป็นรูปธรรม แต่ให้หลักการและนามธรรม ฟังข้อมูลจากคนมาถามเองให้คิดเอง
นักรบ ผู้เสี่ยงภัย จึงสบายใจเมื่อมาหา และได้ถามไถ่ปัญหา
วรรณกรรมระดับชาติที่สำคัญอย่างรามเกียรติ์ พระรามก็ยังมีพิเภกทำหน้าที่สำคัญอันนี้
ข้อดี ข้อได้เปรียบของโหรหรือหมอดูอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อพูดทำนายแนะนำไปแล้ว เมื่อกาลเวลาผ่านไป แล้วเหตุการณ์บางส่วนเป็นจริงหรือคล้ายกันเมื่อโหรหรือหมอดูอ้างถึงคำทำนายหรือคำแนะนำว่า ได้เคยทำนายชี้แนะไว้คนจะจำได้ ส่วนอื่นๆ ที่โหรหรือหมอดูพูดอีกมากซึ่งอาจจะผิด ไม่ตรงก็จะลืมๆ ไป ด้วยเหตุนี้โหรหรือหมอดูจึงพูดมาก พูดเก่ง ให้ทางเลือกหลายอย่าง ซึ่งโอกาสที่จะถูกก็มีสูง
ต่างกับนักการเมืองหรือนักวิชาการ เมื่อแสดงความเห็นหรือพูดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ว่าจะเป็นอย่างไรคนมักจะจำเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นหรือไม่ได้เป็นเช่นนั้น ส่วนที่พูดแสดงความเห็นแล้วถูกต้องก็จะลืมๆไป
หาประโยชน์จากโหรประจำสำนักนายกฯ
เมื่อประชาชนต้องจ่ายเงินเดือนให้กับซินแส เพื่อทำงานในราชการการเมืองอย่างที่เลือกไม่ได้ ก็ควรจะแสวงหาประโยชน์ตอบแทนให้คุ้มที่สุด โดยมิใช่แห่ไปให้โหรหรือซินแสท่านนี้ดูดวงทำนายทายทัก
ดูโหงวเฮ้ง แต่ต้อง
1.ควรรู้ว่า ซินแสหรือโหราจารย์ เป็นผู้มีข้อมูลบางอย่างที่ลึกซึ้ง ประชาชนควรต้องรู้ หรือถ้ารู้ก็จะรู้ทันการเมือง รู้ทันผู้นำประเทศมากขึ้น
2.สื่อมวลชน ควรจะต้องหาประโยชน์หาข้อมูล จากร่องรอยการให้สัมภาษณ์ของโหร ซินแสท่านนี้
แต่ต้องระวัง เพราะการทำหน้าที่ของซินแสประจำสำนักนายกฯ ก็ฉลาดที่จะทำงานเป็นโฆษกโดยไม่เปิดเผย จะเห็นได้ชัดว่า วันแรกของซินแสที่เข้าทำงาน สื่อมวลชนก็ลงข่าวกันทั่วหน้าว่า
“รัฐบาลประยุทธ์จะอยู่ยาว 2 สมัย โดยมี3ป. เป็นเสาหลักที่คุ้มบ้าน”
สื่อมวลชนจะรู้ทันซินแส และได้ข้อมูลจากซินแส หรือจะถูกซินแสใช้เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ โฆษณาชวนเชื่อ ชี้นำประเด็นข่าว ก็อยู่ที่ฝีมือของทั้งสองฝ่าย
3.ประชาชนต้องรู้ทันที่จะรับข่าวสารจากสื่อมวลชน ที่ถูกโหราจารย์ผู้มีจิตวิทยาระดับสูงปล่อยออกและชี้นำ
ดีเหมือนกันครับ เมื่อหมอดู ET ของพม่า ซึ่งนักการเมือง ผู้นำของไทยนิยมไปปรึกษาเสียชีวิตลง ประเทศไทยของเราก็มีโหราจารย์ ซินแสประจำสำนักนายกฯเกิดขึ้นใหม่ ผู้นำและนักการเมืองพม่าอาจจะต้องบินมาปรึกษาหาข้อมูลจากโหราจารย์ของไทยก็ได้
ดีเหมือนกัน เราอาจจะได้ข้อมูลของพม่าผ่านโหราจารย์ เหมือนกับที่พม่าได้ข้อมูลของนักการเมือง ผู้นำไทยผ่านหมอดู ET
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี