สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ภูมิอกภูมิใจนักหนาในอำนาจวาสนาบารมีของตนเอง เพราะได้รับการกล่าวขวัญในวงการประชาคมโลก ว่าเป็นผู้ที่สามารถครอบครองอำนาจของสังคมกัมพูชาแบบอยู่ยงคงกระพัน ร่วมๆ 30 กว่าปีแล้ว
แต่คงลืมไปว่า ในสายตาชาวโลกนั้น สถานะของสมเด็จฯฮุนเซน มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นจอมเผด็จการ ที่ทำการยึด และปกครองประเทศเป็นสมบัติส่วนตัว อย่างไร้ซึ่งความปรานีใดๆ ต่อผู้ที่เห็นต่าง รวมทั้งยังกดขี่ผู้คนด้วยอาณาจักรแห่งความกลัว
ยุทธวิธีนั้นเป็นแค่เปลือก โดยแก่นแท้ในการปกครองแบบนี้แล้ว ล้วนไร้สิ้นซึ่งความเมตตา กรุณา และอุเบกขา ยึดมั่นเอาแต่ถือมั่นในความเป็นอัตตา โดยทำเป็นไม่รู้จัก และไม่สำเหนียกต่อหลักกรรมตามสนองแต่อย่างใด
แถมยังเลือกที่จะคบค้าสมาคมกับนักเผด็จการด้วยกันไม่ว่าจะเป็นประเทศใกล้หรือไกล
ตลอดระยะเวลาการปกครองประเทศกัมพูชาสมเด็จฯฮุนเซน ได้แสดงออกซึ่งความรังเกียจเดียดฉันท์ต่อผู้มีความเห็นต่าง และแสดงความเคียดแค้นไม่พอใจอย่างเปิดเผย และดูจะมีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์วิธีการกำจัดผู้เห็นต่าง รูปแบบใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ เสมือนเป็นอีกหนึ่งงานหลักของชีวิต
สังคมโลกได้เห็น สมเด็จฯฮุนเซน ทำการละเมิดเรื่องสิทธิมนุษยชน หลักนิติรัฐ นิติธรรมและประชาธิปไตยโดยรวม มาอย่างต่อเนื่อง โดยผลงานร้ายๆ ล่าสุด ของสมเด็จฯฮุนเซน ก็คือ
1. ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561ศาลฎีกา (ซึ่งไม่มีความเป็นอิสระ) ได้ยุบพรรคกู้ชาติ (NationalRescue Party) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ส่งผลให้พรรคฝ่ายรัฐบาล พรรคประชาชน (The People’s Party) ได้ชัยชนะ ได้ที่นั่งทั้งหมด 120 ที่นั่งในรัฐสภา ซึ่งเป็นรัฐบาลพรรคเดียวปกครองประเทศ
2. ภายหลังการเลือกตั้ง บรรดาฝ่ายค้านต่างถูกกักบริเวณบ้างก็ตัดสินใจลี้ภัยไปอาศัยในต่างประเทศ โดยอีก 111 คน ถูกห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ที่เหลือก็อยู่กันด้วยความหวาดหวั่น ว่าจะถูกจับกุมหรือถูกตั้งข้อหา นอกจากนั้นยังมีอีก 147 คน ถูกตำรวจหรือศาลเรียกตัวไปไต่สวนเถื่อนเป็นระยะๆ
3. ฝ่ายรัฐบาลได้มีคำสั่งปิดสื่ออิสระ และทำการยึดครองสื่อสาธารณะทั้งหมด
4. รัฐบาลได้ออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพรรคการเมือง องค์กรภาคประชาสังคม และสหภาพแรงงาน ถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและชุมนุมและสมาคมกันอย่างเต็มที่
เมื่อเห็นกันขนาดนี้แล้ว ประชาคมโลก และประเทศไทยจะปฏิบัติอย่างไรต่อรัฐบาลกัมพูชา ก็คงต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและอุดมการณ์ของผู้นำประเทศ และสังคมต่างๆ
ฝ่ายผู้ฝักใฝ่ในเรื่องสิทธิมนุษยชน และสังคมประชาธิปไตยก็มิได้นั่งเฉย โดยได้ออกมาทำการเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ดำเนินการโน้มน้าว หรือบีบคั้นให้ สมเด็จฯฮุนเซน ยุติการปฏิบัติการใดๆที่ละเมิดสิทธิมนุษย์ของชาวกัมพูชา และคืนประชาธิปไตยให้โดยในการประชุมคณะมนตรีว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติสมัยที่ 42 ที่นครเจนีวา ช่วงเดือนกันยายนนี้ก็ได้มีการเรียกร้องให้บรรดาประเทศสมาชิกดำเนินการดังนี้
1. การออกข้อมติ (Resolution) เพื่อต่ออายุผู้รายงานพิเศษ ว่าด้วยเรื่องสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในกัมพูชา (UN Special Rapporteur on Human Rights Situation in Cambodia) ไปอีก 2 ปี
2. มอบหมายให้ข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนติดตามความเคลื่อนไหวในกัมพูชา และจัดทำรายงานพร้อมด้วยข้อเสนอแนะว่า รัฐบาลกัมพูชาจักต้องดำเนินการอะไร เพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยทำงานร่วมกับผู้รายงานพิเศษดังกล่าว
ไทยเราเองเป็นผู้รับผลกระทบโดยตรง จากเหตุการณ์การใช้อำนาจมิชอบในกัมพูชา โดยเฉพาะการหลั่งไหลเข้ามาของ“ผู้ลี้ภัยทางการเมือง” ของกัมพูชา แม้ไทยจะมิได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในช่วงนี้ แต่ไทยก็ยังมีสถานะเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ และเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียน ไทยจึงมีสิทธิ์ที่จะแสดงบทบาทโดยตรงต่อกัมพูชา ในกรอบอาเซียน และการร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั้งที่เป็นและมิได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีว่าด้วยสิทธิมนุษยชนได้ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศที่ได้รับผลกระทบในฐานะประเทศที่มีอุดมการณ์ในเรื่องสิทธิมนุษยชนและสังคมประชาธิปไตย ซึ่งแม้เราอาจจะไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ แต่ความเป็น “ไท” ของคนไทยก็น่าจะมีความเพียงพอและชอบธรรมที่จะช่วยเหลือเพื่อนบ้านเพื่อนมนุษย์ชาวกัมพูชาให้เขาได้หลุดพ้น หรือปลดแอกจากอำนาจมืดๆ ของสมเด็จฯฮุนเซน
นักการเมือง และนักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชาที่หลบหนีภัยมืดมาอยู่ในไทย แทนที่จะได้รับการปฏิบัติโดยใช้หลักมนุษยธรรมเป็นที่ตั้ง กลับถูกลงโทษซ้ำสองด้วยการบังคับใช้กฎหมายเข้าเมืองอย่างไม่ประนีประนอมอีกทั้งยังถูกรบกวนโดยฝ่ายผู้อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ นอกจากนั้น ยังมีข่าวว่า ฝ่ายสมเด็จฯฮุนเซน ก็ได้ตามล้างตามเช็ดกันมาถึงในเขตบ้านไทยเรา โดยมีการสมยอมร่วมมือโดยกลุ่มชนผู้ไม่ปรากฏสังกัด
รัฐบาลของไทยเราที่บอกว่าความมั่นคงของประเทศเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะว่าอย่างไรกันกับกรณีเหล่านี้ จะยอมปล่อยให้เรื่องโหดร้ายลอยนวลอยู่ต่อหน้าต่อตาต่อไปอีกหรือ หรือว่าเกรงใจ และเกรงกลัวอำนาจของสมเด็จฯฮุนเซน จนยอมละเลยความถูกต้องชอบธรรมจนอธิปไตยไทยถูกสั่นคลอนเช่นนั้นหรือ?
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี