รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่ก่อเกิดปัญหาให้กับบ้านเมืองมาตั้งแต่ชั้นร่างรัฐธรรมนูญและต่อเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะคือปัญหามากหลายของบ้านเมือง ทั้งที่เกี่ยวกับรัฐสภา รัฐบาล และสถาบันตุลาการ รวมทั้งองค์กรอิสระล้วนมีสาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
สิทธิเสรีภาพของประชาชนและปัญหาวิกฤติใหญ่หลวงของชาติสี่ประการคือ การทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร ซึ่งเป็นหลักการสำคัญและเป็นบทพระราชปรารภสำคัญอันมีปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญ แต่เนื้อหาในรัฐธรรมนูญนั้นมิได้สอดคล้องรองรับหรือดำเนินไปสู่เป้าหมายคือความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกของราษฎรแต่ประการใด
ที่สำคัญที่สุด รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ทำลายหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างยับเยินที่สุดดังนั้นความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้โดยเร็วที่สุดจึงมีแต่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
ก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญก็เกิดปัญหามากหลาย ดังเช่นปัญหาการตีความ ซึ่งต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้วหลายครั้ง แม้เมื่อลงประชามติแล้วในที่สุดก็ยังต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะปรากฏชัดขึ้นในขณะนั้นว่าได้ลิดรอนพระราชอำนาจและมีบทบังคับพระมหากษัตริย์ในลักษณะไม่ปกติ จนต้องมีการแก้ไขกันอย่างรีบเร่งให้ปรากฏมาแล้ว
ครั้นเมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว ก็ยังคงมีปัญหาโต้เถียงกันเกี่ยวกับการตีความอย่างไม่หยุดยั้ง และมาถึงบัดนี้ประชาชนก็ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าองค์กรทั้งหลายตามรัฐธรรมนูญที่มีเป็นจำนวนมาก และต้องใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับราษฎรในการปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพหรือในการแก้ไขปัญหาความไม่ถูกต้องทั้งหลายในบ้านเมือง
เพราะมีบทบัญญัติที่สกัดกั้นไม่ให้ประชาชนได้นำเสนอเรื่องราวไปสู่องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจวินิจฉัยได้ จึงทำให้ปัญหามากมายไม่ได้รับการแก้ไขและมีแต่หมักหมมเพิ่มขึ้น
เรื่องสำคัญที่ควรได้รับการพิจารณาแก้ไขโดยเร็วที่สุดคือเรื่องดังต่อไปนี้
ประการแรก รัฐธรรมนูญเป็นบทบัญญัติกฎหมายสูงสุดของประเทศชาติ จึงต้องเป็นหลักให้กับกฎหมายทั้งหลาย ดังนั้น จึงต้องมีความสมบูรณ์ในทางกฎหมาย ไม่ใช่เป็นแบบอย่างหรือต้นตอของการเลือกปฏิบัติ ซึ่งได้มีบทบัญญัติในทางเลือกปฏิบัติและยกเว้นให้อภิสิทธิ์แก่คนบางหมู่บางเหล่า จนกระทั่งสูญเสียความเป็นกฎหมายสูงสุดไป
ประการที่สอง รัฐสภาเป็นองค์กรนิติบัญญัติที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับควบคุมตรวจสอบรัฐบาล ดังนั้นที่มาของสมาชิกจึงต้องชัดเจน โปร่งใส และรอบคอบรัดกุม ไม่มีแง่มุมหรือกลอุบายในการยักยอกอำนาจหรือบิดเบือนอำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่คณะใดคณะหนึ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สูญสิ้นไปอย่างชัดเจนแล้ว
แม้กระทั่งวุฒิสภาซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งของรัฐสภาที่มีหน้าที่กำกับ ควบคุม ตรวจสอบรัฐบาล แต่มีการบิดเบือนหลักการประชาธิปไตยสำคัญนี้ให้กลายเป็นหน่วยงานที่ค้ำจุนหรือเป็นบันไดให้กับผู้มีอำนาจ และสูญเสียไปซึ่งความเป็นกลางทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นที่ดูถูกเหยียดหยามและประณามของคนทั้งหลายชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ประการที่สาม เป็นบทบัญญัติที่ได้ก่อยุครุ่งอรุณของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐชัดเจนที่สุดนับแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญใช้บังคับเป็นต้นมา นั่นคือการสร้างบทบัญญัติให้มี popular vote ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกผู้นำรัฐบาลโดยตรง อันเป็นระบบสาธารณรัฐ ซึ่งไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน แม้ได้ใช้ความพยายามมากมายหลายปีมาแล้ว แต่มาสัมฤทธิผลลงในครั้งนี้ สมคล้อยกับการแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าจะมีการทำให้รัฐธรรมนูญเป็นแบบฝรั่งเศสหรือเยอรมนีซึ่งเป็นระบอบสาธารณรัฐ
ประการที่สี่ มีบทบัญญัติที่ลิดรอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุข และในฐานะจอมทัพไทย มีบทบัญญัติในลักษณะที่บีบบังคับพระมหากษัตริย์ยิ่งไปกว่าบทบัญญัติที่บีบบังคับประชาชน มีการบิดเบือนพระราชอำนาจที่เป็นของพระมหากษัตริย์ไปให้แก่ผู้มีอำนาจทางการเมือง ทั้งในส่วนพระราชอำนาจในฐานะประมุขแห่งรัฐ ในฐานะเอกอัครศาสนูปถัมภก และในฐานะจอมทัพไทย ดังที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญบางมาตราว่า พระราชหัตถเลขาและพระบรมราชโองการเกี่ยวกับราชการแผ่นดินจะต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งความจริงพระราชหัตถเลขานั้นเป็นการในพระองค์ ซึ่งแม้จะเกี่ยวด้วยราชการแผ่นดินก็เป็นพระราชอำนาจที่จะทรงทำได้ ดังเช่นบางยุคสมัยพระมหากษัตริย์ทรงตอบฎีกาของราษฎรและพระราชทานพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาของราษฎร แม้กระทั่งพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการช่วยเหลือราษฎร เป็นต้น
การสร้างความสับสนเกี่ยวกับพระราชอำนาจทั้งในฐานะประมุข ในฐานะองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก และในฐานะจอมทัพไทย ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 30 กว่าปีที่ผ่านมานี้และหนักหนาสาหัสขึ้นทุกวัน จำเป็นที่จะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้มีความชัดเจนเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
ประการที่ห้า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังคงสืบทอดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ และต่อยอดไปไกลมาก โดยเฉพาะคือการก่อตั้งรัฐราชการ การถ่ายโอนอำนาจทุกภาคส่วนไปให้กับข้าราชการ จนกระทั่งรัฐสภาและรัฐบาล แม้กระทั่งศาลแทบทำอะไรไม่ได้ แม้เกิดปัญหาขึ้นแล้ว กว่าจะแก้ไขได้ก็เกิดความเสียหายยับเยินแก่บ้านเมือง
ประการที่หก การจัดทำและกระบวนการ ตลอดจนบทบัญญัติในการตรารัฐธรรมนูญได้กระทำขึ้นโดยฝ่าฝืนพระบรมราโชวาทที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานเป็นแนวทางเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม แต่คนบางพวกก็มิได้น้อมนำใส่เกล้าปฏิบัติ จึงมีบทบัญญัติที่สวนทางกับพระบรมราโชวาทนั้น ซึ่งจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามพระบรมราโชวาทนั้น จึงจะได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่เป็นของประเทศชาติและประชาชน
ไม่ใช่รัฐธรรมนูญของคณะผู้มีอำนาจหรือข้าราชการบางกลุ่ม ดังที่ทำต่อเนื่องกันมาหลายสิบปีเต็มทีแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี