เมื่อเร็วๆ นี้มี พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กรุงเทพฯ (ยูเนสโก) กับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาและการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา ทั้งในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิกให้สำเร็จภายในปี 2030
นายชิเงรุ อาโอยากิ ผอ.ยูเนสโก ประจำประเทศไทยกล่าวชื่นชมรัฐบาลไทยที่ได้แสดงความเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเรื่องความเสมอภาคทางการศึกษาด้วยการจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อช่วยเหลือเด็กเยาวชนด้อยโอกาสทั้งในและนอกระบบการศึกษา เป็นการสานต่อความเป็นผู้นำของไทยในเอเชียเรื่องการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การประชุมระดับโลกด้านการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) ที่หาดจอมเทียน จนเป็นที่มาของปฏิญญาจอมเทียน ยูเนสโกประทับใจและชื่นชมความมุ่งมั่นทำงานของไทยในการทำให้การศึกษาเป็นสิ่งเสมอภาคสำหรับทุกคน และหวังให้ประเทศในเอเชียรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเรียนรู้และเอาไทยเป็นแบบอย่าง ในการริเริ่มดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านการศึกษา
ด้าน นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกสศ. กล่าวว่า กสศ. ร่วมกัน 20 จังหวัด ระดมความร่วมมือหลายภาคส่วนสร้างกลไกช่วยเหลือเด็กนอกระบบการศึกษา เพื่อค้นหา ส่งต่อให้เด็กส่วนใหญ่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือฝึกทักษะด้านการศึกษาและอาชีพ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่พร้อมคืนสู่ระบบการศึกษา ก็จะเข้าสู่กระบวนการเยียวยา/ฟื้นฟูจากทีมสหวิชาชีพต่อไป เบื้องต้นในปี 2562กสศ.สามารถช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ทันที 5,000 คน จากจำนวนเด็กเยาวชนอายุนอกระบยการศึกษา 670,000 คน(3-17 ปี) ทั่วประเทศ
ครับต้องขอแสดงความยินดีที่ยูเนสโก ยกให้ไทยเป็นต้นแบบ
ล่าสุดไทยได้ทำงานเชิงรุกในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดย สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ร่วมกับ กสศ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายองค์กรเพื่อเด็กเร่ร่อน สมาคมสถาบันส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต เปิดตัวโครงการ Children in Street ค้นหาและวางมาตรการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนบนท้องถนนในพื้นที่ กทม. ให้สอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ มาเป็นประธานเปิดงาน ประกาศสนับสนุนเต็มที่ ปัจจุบันคาดว่าประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนที่ตกหล่นไม่ได้รับการศึกษาอยู่นับหลายแสนราย โดยมีเด็กบนท้องถนนประมาณ 30,000 คน กระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกทม.เป็นเมืองที่มีเด็กข้างถนนกระจุกตัวอยู่มากที่สุด
ส่วน นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ.ระบุว่าก่อนหน้านี้ได้ ให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กที่พักอาศัยบริเวณริมทางรถไฟยมราชและใช้ชีวิตบนถนน เช่น ขายมาลัยตามสี่แยก หรือ ขอทานบนถนนสายต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 81 คน ซึ่งแนวทางนี้ถูกนำมาพัฒนาเป็นโครงการ Children in Street ในพื้นที่ กทม. โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาระบบให้ความช่วยเหลือและกลไกปกป้องคุ้มครองกลุ่มเด็กและเยาวชนบนท้องถนน เพื่อยกระดับให้มีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง และสนับสนุนให้เด็กกลุ่มนี้เติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง
“จะทำการสำรวจค้นหาเด็กและเยาวชนที่ใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนน โดยใช้เครือข่ายองค์กรเพื่อเด็กเร่ร่อน ครู กศน. และครูอาสา ซึ่งจะร่วมกันทำการสำรวจ พื้นที่จุดเสี่ยงใน กทม. เพื่อให้ทราบความต้องการและข้อจำกัดของครอบครัว ที่เป็นต้นเหตุของการออกมาใช้ชีวิตหรือทำงานบนท้องถนน ซึ่งจะนำไปสู่การให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความถนัดและศักยภาพเป็นรายบุคคล เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาชีพและครอบครัวในอนาคต รวมทั้งเสริมศักยภาพเด็กและครอบครัวให้มีกิจกรรมเสริมรายได้หรืออาชีพทางเลือกที่เหมาะสมตามวัย ไม่มีความเสี่ยง ช่วยลดอุปสรรคในการไปโรงเรียนจากความยากจน และสามารถสร้างรายได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้” นายพัฒนะพงษ์ กล่าว
ขณะที่ นายกุลธร เลิศสุริยะกุล ประธานเครือข่ายองค์กรเพื่อเด็กเร่ร่อนและผู้รับผิดชอบโครงการ Childrenin Street ในพื้นที่ กทม. กล่าวว่า โครงการนี้เกิดจากความต้องการที่จะทราบจำนวนของเด็กเร่ร่อน หรือเด็กที่ใช้ชีวิตตามท้องถนน ในพื้นที่ กทม. ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ นำตัวเลขและรูปแบบปัญหาที่พวกเขาประสบอยู่มาออกแบบวิธีการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้ ครูกศน.ในกทม. ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 700 คนเป็นผู้สำรวจ และบันทึกข้อมูลโดยใช้ Google Form หรือแบบสอบถามออนไลน์ที่ใช้สำหรับรวบรวมข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยจะใช้เวลาประมาณ 60 วัน ในการสำรวจพร้อมทั้งสรุปและประเมินสถานการณ์ เพื่อให้ทราบว่าพื้นที่ไหนบ้างที่เด็กๆ ไปรวมกลุ่มกัน หรือจุดไหนที่เด็กไปใช้ชีวิตบนท้องถนน ก่อนนำมาสรุปพูดคุยกันในเครือข่ายหน่วยงานต่างๆ ซึ่งดูแลเด็กกลุ่มนี้ วางแผนการดูแล หากพื้นที่ไหน ไม่มีใคร หรือไม่มีกำลังดูแล ก็จะวางแผนให้ ครูกศน.ที่มีจิตอาสาใน กทม.เข้าไปประสานดูแล พร้อมทั้งวางแผนศึกษาข้อมูลเชิงลึกกับเด็กกลุ่มนี้ หารูปแบบการศึกษาที่เหมาะสมให้พวกเขากลับเข้าสู่โอกาสทางการศึกษาต่อไป
ครับ พบน้องๆ เด็กด้อยโอกาส แจ้งทาง กสศ. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อภาครัฐจะได้เข้าไปช่วยเหลือต่อไปเพราะทุกคนคือลูกหลานของคนไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี