“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” ด้วยอุดมการณ์ มั่นคงตรงไป ตรงมา ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ทำหน้าที่ตามปกติ...
nn “เวลาไม่คอยท่า...ดั่งวารีไหลไปไม่ย้อนหวนคืน” เผลอแผล็บเดียว!! กำลังใกล้จะเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่อีกครั้ง...
nn ทว่า คนรุ่นใหม่ที่วาดหวังโอ้อวดแสดงตนว่าจะเป็นความหวังให้กับประเทศชาติประชาชนและบ้านเมือง กลับพายเรือในอ่างแสดงพฤติกรรมซ้ำซาก...nn ไม่ต่างจากนักการเมืองน้ำเน่าจำพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี ที่พยายามพูดเอาดีใส่ตัว...ชั่วประเคนผู้อื่นแสดงบท “ปลาไหลไทยแลนด์ 4.0 พูดจาตอหลดตอแหล” ได้ทุกวี่วัน ไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน “ปากพาจน” ถึงต้องออกมาดิ้นรนเฉกเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้...
nn สำนวนไทยท่านว่าไว้ “คำพูด..เป็นนาย กายเป็นบ่าว” เป็น “สำนวนไทย” ที่ดีมาก หากนักการเมืองหน้าใหม่อนาคตสดใสอย่าง “ตี๋น้อย-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่มีสมองซึ่งไม่ใช่น้ำเต็มแก้วเข้าใจสัจธรรมเข้าใจบริบทของสำนวนไทยประโยคนี้สักนิด “ธนาธร” คงไม่ "สำรอก" แบบปากไวพูดแค่สร้างภาพส่งเดช จะยกธุรกิจหมื่นล้านให้บริษัทเอกชนดูแล โอนหุ้นสื่อฯให้คุณแม่ แต่ก็มิได้แจ้งคณะกรรมการป.ป.ช.กลายเป็น กรณี"ขว้างงูไม่พ้นคอ“ ไปเสียนี่ “ไม้หน้าสาม”ขอเตือนสติสะกิดต่อมสำนึก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นักการเมืองที่ดีต้องรักษาคำพูดยึดมั่นประชาชนด้วยหัวใจ มิเช่นนั้น อาจถูกลงโทษจากประชาชนเฉกเช่นเหตุที่ขึ้นใน “เม็กซิโก” ที่ “ชาวเม็กซิกัน” พากันโกรธแค้น “นายกเทศมนตรีเมืองลาสมาร์การิตาส” ในรัฐเซียปาส ตอนใต้ของ “เม็กซิโก” ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสัญญาระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง จะพัฒนาถนนท้องถิ่นที่มีสภาพเหมือนผิวดาวอังคาร ครั้นชาวบ้านทวงถามก็บ่ายเบี่ยงจึงพากันบุกจับตัวนักการเมืองที่เขารักและหลงลมปากกากบาทเลือกให้มาพัฒนาท้องถิ่นมัดมือเท้าด้วยเชือกผูกโยงกับรถลากร่างประจานไปทั่วเมือง เดชะบุญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้ามปรามจนไม่ถึงแก่ชีวิต นี่คือ “กระจกเงา” ที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังแลความไม่ต้องการนักการเมืองปากไว..ไม่รักษาคำพูดของประชาชน จึงพร้อมใจกันใช้ศาลเตี้ยพิพากษาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แน่นอน “ธนาธร” ไม่ชนะการเลือกตั้งเฉกเช่นเขา ทำให้นโยบายขายฝันที่ให้ไว้กับประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จึงมิสามารถกระทำได้ทั้ง 100% ทว่า “ไม้หน้าสาม” เห็นว่าเรื่องบางเรื่องที่เคยประกาศเคยแถลงข่าวประหนึ่งสัญญาประชาคมที่เป็นเรื่องส่วนบุคคล “ธนาธร” สามารถที่จะกระทำได้แต่เลือกที่จะไม่กระทำแค่หวังให้เรื่องต่างๆเป็นดั่งเช่น “คลื่นกระทบฝั่ง” อย่างไรก็ตาม “ไม้หน้าสาม” ก็ “ไม่นิยม-ไม่เห็นด้วย” ที่จะใช้วิธีการนอกรีดนอกรอย มาจัดการกับนักการเมืองที่ “คดในข้อ งอในกระดูก” แต่จะ “สาแก่ใจ” อย่างมากหากประชาชนคนไทยจะสั่งสอน “นักการเมืองลิ้นสองแฉก” ประเภทนี้ด้วยการตื่นจากภวังค์ไม่หลงลมไปลงคะแนนให้นักการเมืองค่ายนี้ที่อาสาตนมาเป็น “ผู้แทนปวงชนชาวไทย” เยี่ยงนี้โดยเริ่มต้นจากการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 5 “สามพราน นครปฐม” อีกทั้ง “ไม้หน้าสาม”ยังเชื่อมั่นใน “กระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะสถาบันตุลาการ” ที่แม้วันนี้จะมีแกะดำแฝงตัวเข้ามาอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเช่นนี้ทุกวงการ...
nn ถึงบรรทัดนี้ “ไม้หน้าสาม” ต้องยอมรับว่า หัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรค “อนาคตใหม่” ช่างเหมาะสมเป็นคู่ตุนาหงันเยี่ยง “ขนมผสมน้ำยา” โดยแท้...
nn ยังมีควันหลงจากกรณีสุมหัวแก้มาตรา 1 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่วันนี้ดูเหมือนว่า “แขกเยือน..แขกเหย้า” จะพากันทิ้งเพื่อนรักลอยแพ “นักวิชาการหญิงจากม.เกษตรศาสตร์นาม ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์”หนึ่งเดียวในวงเสวนากันแล้วคล้ายประดา เห็บหมาที่ทิ้งร่างกายหมาตายซากอย่างไรอย่างนั้น ใช่หรือไม่ “รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคส้มหวานอนาคตใหม่” ที่เป็นผู้ทรงเกียรติ แต่ผัดผ่อนบ่ายเบี่ยงวาระการใช้หนี้ “เงินกู้ยืมกองทุนเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.” นี่แหละสุภาพบุรุษทางการเมือง 7 พรรคฝ่ายค้าน พอถูกกอ.รมน.แจ้งความดำเนินคดีความผิดร้ายแรง มันก็พาก็ชิ่งทิ้งเพื่อนหนีตายเหมือนเจอน้ำร้อนสาด แต่ก็ยังดีที่ “ด๊อกปิยบุตร” ในฐานะปธ.กมธ.กฎหมายใช้อำนาจจากรัฐธรรมนูญเฮงซวยตามที่ “ช่อ ส้มหวาน”โทรโข่งคอสั้นพรรคอนาคตใหม่ปราศรัยกล่าวหาว่าเลวร้ายทุกมาตรา เรียก “พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ”ผู้ชำนาญการ กอ.รมน. มาชี้แจงถึงเหตุผลในการเป็นโจทย์ฟ้องแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน ทำให้เกิดคำถามว่าบทบาทของกมธ.มีไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์หมู่คณะตนเอง หรือว่าทำหน้าที่เพื่อสุขทุกข์ประชาชนกันแน่ ค่าไฟ-ค่าเบี้ยเลี้ยง ที่กมธ.ประชุมกันแต่ละนัดมันภาษีของประชาชน ไม่ใช่ “ไทยซัมมิท” น่ะ จะทำธุรกิจการเมืองยืมเงินหัวหน้าพรรค 191 ล้านบาท ฉีกทุกตัวบทกฎหมายอย่างนี้ก็ได้เหรอ...
nn นี่ก็อีกคดี ซึ่งหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องจารึกถึงชื่อแซ่เขา “อ้ายปึ้ง ณ ทุ่งหมาหลง-สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” จากเซลส์แมนค้าขายลิฟท์ไอบีเอ็ม จนมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับ “พี่น้อย-ธารินทร์ นิมมานเหมินท์” อดีตขุนคลังค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ประชาธิปัตย์ ทำให้ได้รับการสนับสนุนปลุกปั้นจนได้เป็นสส.ประชาธิปัตย์ และก็ด้วยจุดยืนทางการเมือง ซึ่ง “ไม้หน้าสาม” เคยพูดคุยกับ“อ้ายปึ้ง ณ ทุ่งหมาหลง” จึงรู้ว่าจุดยืนของเขาอยู่ที่“อยู่กับพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง” นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เข้าย้ายไปซบพรรคไทยรักไทย กระทั่งได้เป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ทว่า “อ้ายปึ้ง ณ ทุ่งหมาหลง”มีกตเวทิตา ถือว่า “บุญคุณต้องทดแทน” แม้นายใหญ่จะตกอยู่ในสถานะหนีอาญาแผ่นดิน “อ้ายปึ้งณ ทุ่งหมาหลง-สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” ก็เลือกที่จะ “ทุรยศต่อประชาชน และตัวบทกฎหมาย” ด้วยการออกพาสปอร์ตแดง ซึ่งเป็นยอดหนังสือเดินทางให้กับ “ทักษิณ ชินวัตร” หนีคดีจวบจนปัจจุบันนี้ เมื่อช่วยนายใหญ่ ก็เท่ากับทรยศประชาชน ทำลายกฎกติกาบ้านเมืองทำให้ทั่วโลกมองว่า กระบวนการยุติธรรมไทยอ่อนแอไม่สามารถนำคนผิดมาติดคุกติดตะรางได้ หน่วยงานรัฐไทยไร้เอกภาพ วันนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชี้ชะตา “อ้ายปึ้ง ณ ทุ่งหมาหลง” โดยพิพากษาแก้โดยสั่งจำคุก 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท โดยโทษจำให้รอลงอาญา ด้วยป่วยหนักเป็น “มะเร็ง” ลุกลามป่วยหนักหลายโรค ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนหนึ่ง ซึ่ง “ไพร่แดง”พึงสำเหนียกและจดจำไว้อย่าหลงเชื่อคนคดในข้องอในกระดูก หลงคารม “นักการเมืองชั่ว ขี้ฉ้อตอแหล”หลอกลวงไพร่พลเสื้อแดงจนล้มตายและต้องอาญาแผ่นดินจำนวนมากมายเช่นนี้...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี