วันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ขอคิดด้วยฅน
ขอคิดด้วยฅน

ขอคิดด้วยฅน

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
วันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562, 02.00 น.
มหาเถรสมาคมชุดใหม่ กับ การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา

ดูทั้งหมด

  •  

ขณะนี้ ประเทศไทยได้มีคณะกรรมการมหาเถรสมาคมชุดใหม่ ประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน และมีกรรมการมหาเถรสมาคมอีก 20 รูป ซึ่งพระมหากษัตริย์แต่งตั้งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี พ.ศ. 2561

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2505 ก่อนการแก้ไข ได้กำหนดให้มหาเถรสมาคมประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน สมเด็จพระราชาคณะทุกรูปเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และพระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งไม่เกิน 12 รูป แต่พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2561 กำหนดว่าการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์


พระเถระใหม่ที่ได้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมครั้งแรก มีจำนวนถึง 9 รูป หนึ่งในนั้น คือ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย วัดไตรมิตรวิทยาราม) อยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการดังกล่าวมีสัดส่วนระหว่างธรรมยุติและมหานิกาย ฝ่ายละ 10 รูป เท่ากัน โดยไม่นับสมเด็จพระสังฆราชที่ทรงเป็นพระสงฆ์ธรรมยุติ และมีข้อสังเกตว่า กรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหมดสังกัดอยู่ที่วัดในกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น

กรรมการมหาเถรสมาคม ถือเป็นองค์กรสูงสุดของสงฆ์ในประเทศไทย เพราะพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ที่ออกในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้กำหนดอำนาจให้มีหน้าที่เสมือน ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ (วินัยธร) ของสงฆ์ อำนาจของคณะกรรมการมหาเถรสมาคมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากได้พระที่มีความกระฉับกระเฉง กระตือรือร้นในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบและโครงสร้าง หรือที่เรียกกันว่าปฏิรูปกิจการของพระพุทธศาสนา ให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัยก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ในฐานะที่เคยร่วมในคณะกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้เคยหยิบยกประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนี้

(1) การจัดการทรัพย์สินในกิจการพระพุทธศาสนา

ทรัพย์สมบัติของวัดและของพระ ถือเป็นปัญหารูปธรรม จับต้องได้ และประชาชนทั่วไปก็มองเห็นสภาพฟอนเฟะในปัจจุบัน

ถึงเวลาจะต้องปฏิรูประบบการบริหารจัดการทรัพย์สินและรายได้ของวัดและของพระ

โดย “พุทธบริษัท 4” คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ เพื่อแบ่งเบาภาระ ตัดทอนกิเลส และทำให้เกิดความโปร่งใสสูงสุดต่อพระพุทธศาสนาส่วนรวม

หลักสำคัญ คือ ทรัพย์สินเงินทอง รายได้ รวมถึงผลประโยชน์อื่นใดที่ได้มาจากการดำเนินการภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ย่อมตกเป็นของพระพุทธศาสนา หาใช่ทรัพย์สินส่วนบุคคลของผู้ใด ไม่ว่าจะพระสงฆ์รูปไหนๆ หรือวัดใดๆ ก็ตาม

ดร.ปรีชา สุวรรณทัต ได้เขียนบทความมีข้อเสนอแนะในประเด็นนี้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ยืนยันว่าหลักกฎหมายโดยรวมก็มุ่งเช่นนั้น แต่ได้ระบุถึงจุดอ่อนข้อบกพร่องที่เป็นช่องทางหลบเลี่ยงในปัจจุบัน และแนะนำว่า

“ในส่วนที่จะต้องแก้ไขหรือยกเลิกไปเลย ก็คือ มาตรา 1623 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้บัญญัติว่า “ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้นจะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิตหรือโดยพินัยกรรม” จะเห็นได้ว่า ในมาตรานี้มีช่องว่างในทางกฎหมายที่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ โดยนำทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างที่อยู่ในสมณเพศ เช่น เขาถวายที่ดินให้กับวัด แต่ได้ใส่ชื่อเจ้าอาวาส หรือพระภิกษุรูปหนึ่งในวัดนั้นมีชื่อเป็นเจ้าของ ที่ดินตามโฉนด แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเขามีศรัทธาที่จะถวายให้กับวัดโดยตรง โดยช่องว่างของกฎหมายดังกล่าว ก่อนที่พระภิกษุจะถึงแก่มรณภาพ หรือถ้าสึกไปก่อน ที่ดินนั้นก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้นั้นไปเลย หรืออาจจะหลีกเลี่ยงได้โดยการจำหน่ายจ่ายโอนในระหว่างมีชีวิตให้กับคนอื่น หรือหลีกเลี่ยงโดยการทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้กับบุคคลอื่น

เพราะฉะนั้น เมื่อถึงแก่มรณภาพ ทรัพย์สินนั้นก็จะไม่ตกเป็นสมบัติของวัด

จึงมีความเห็นสอดคล้องกับท่านผู้รู้ ที่ควรจะได้มีการแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ให้เป็นไปในหลักการใหม่ว่า “ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น ตั้งแต่วันที่ได้ทรัพย์สินนั้นมา” ในกรณีทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ (เช่น แก้วแหวนเงินทอง รถยนต์) ที่มีราคาสูง ก็ควรตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์...”

ปัจจุบัน วัดถือเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นตัวแทนของนิติบุคคลที่จะทำนิติสัมพันธ์แต่เพียงผู้เดียว สมควรที่จะพิจารณาให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะเป็นคณะกรรมการดูแลทรัพย์สินของวัด จัดทำบัญชีและเปิดเผยบัญชีอย่างโปร่งใส ให้สามารถตรวจสอบจากคณะกรรมการของมหาเถรสมาคมได้เป็นปัจจุบันทันที เนื่องจากปัจจุบันมีระบบเทคโนโลยีสื่อสารสนเทศ ที่สามารถเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้และช่วยกันตรวจสอบ

การให้เจ้าอาวาสซึ่งส่วนมากชราภาพ เป็นผู้มีอำนาจทำนิติสัมพันธ์แต่เพียงผู้เดียว อาจล่วงรู้ไม่ทันกับผู้ที่จะเข้ามาหาผลประโยชน์จากวัดและพระพุทธศาสนา

(2) บวชแล้วต้องเรียน ศึกษาและปฏิบัติธรรม

คนที่ตัดสินใจบวชเป็นพระแล้ว จะต้องศึกษาและปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง

มิใช่เข้ามาบวชเพียงเพื่อหวังจะประกอบอาชีพ หารายได้ส่วนตัว

โดยจะต้องมีการสร้างระบบให้การศึกษากับพระสงฆ์ มีกลไกบังคับให้พระต้องปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด หากพระสงฆ์รูปใดไม่ปฏิบัติก็จะต้องมีระบบตรวจสอบและขจัดออกจากการเป็นพระ

(3) จัดการกับพระที่ละเมิดพระธรรมวินัยอย่างเด็ดขาด

จัดการกับลัทธิที่มีพฤติกรรมทำพระธรรมวินัยให้วิปริต และการประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย ใช้โลโก้พระพุทธเจ้า ใช้เครื่องแบบพระพุทธศาสนามาแอบอ้าง เลียนแบบทำปลอมแปลง แสวงหาผลประโยชน์ บิดเบือนพระธรรมคำสอน มุ่งค้าบุญ

ควรจะต้องมีคณะกรรมการทำหน้าที่ชำระการปฏิบัติที่ผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย

ซึ่งกรณีพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนานั้น มีความจริงแท้อยู่แล้ว ควรให้มีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณากรณีละเมิดพระธรรมวินัยอย่างตรงไปตรงมา ใครผิดก็จะต้องถูกลงโทษ คล้ายๆ ศาลรัฐธรรมนูญ ใครบิดเบือนหรือกระทำละเมิดรัฐธรรมนูญก็จะต้องถูกตัดสินว่ามีความผิด ไม่อาจกระทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ

(4) กระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมในกิจการพระพุทธศาสนา

พิจารณาระยะห่าง-ระยะชิด ของอาณาจักรกับพุทธจักร ให้อำนาจรัฐและพุทธบริษัท 4 เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปองค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา โดยยึดหลักพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ กฎหมาย
บ้านเมืองที่จะใช้กับพุทธจักร ก็จะต้องดูแลให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัย

พิจารณากระจายอำนาจของมหาเถรสมาคม ที่มีทั้งอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ (วินัยธร) ให้พุทธบริษัท 4 ในท้องถิ่นต่างๆ ได้มีส่วนอุปถัมภ์ค้ำชู กำกับดูแลกิจการพระพุทธศาสนา ดังที่พระพุทธเจ้าฝากพระศาสนาไว้กับพุทธบริษัท 4

(5) ปฏิรูประบบการเรียนรู้ของพุทธศาสนิกชน

ปฏิรูประบบการเรียนรู้ของพุทธศาสนิกชน ให้เข้าใจแก่นธรรมของพระพุทธศาสนา และเตรียมความรู้เท่าทันของพุทธศาสนิกชน ให้ตระหนักว่าสังคมส่วนใหญ่ของโลกนับถือหลายศาสนา เช่น นับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่กับเพื่อนมนุษย์ที่นับถือศาสนาอื่นๆ อย่างมีสันติภาพและเข้าใจกันและกัน พึงต้องเข้าใจแก่นธรรมของศาสนาอื่นๆ ด้วย

การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ทั้งหมดนี้ ต้องอาศัยคณะกรรมการมหาเถรสมาคมร่วมกับพุทธบริษัท 4 ผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง

ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของวัดและของพระ เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1623 ตามที่กล่าวข้างต้น

เข้มงวดกวดขันผู้ที่ตัดสินใจบวชเป็นพระต้องศึกษาและปฏิบัติธรรม

อีกทั้งจัดการกับลัทธิที่มีพฤติกรรมทำลายพระวินัยให้วิปริตและประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย

นอกจากจะเป็นการอุปถัมภ์ค้ำจุนพระพุทธศาสนาอย่างถูกทางแล้ว ยังจะเกิดกุศลผลบุญ เกิดผลดีทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้อีกด้วย

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:48 น. นายกฯแจ้งแรงงานไทยใน‘อิสราเอล’ สแตนด์บายเตรียมอพยพ
13:47 น. ผ่าทางตัน!’ไอบา’จัดต่อยไร้นวม
13:41 น. ไม่หวั่นเจ้าภาพ! โปโลน้ำลุยศึก'ซีเอจ2025'ที่สิงคโปร์
13:41 น. เปิดแล้ว! แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเขตภาษีเจริญ นัดแรกวันเสาร์ – อาทิตย์นี้
13:40 น. ‘นายกฯ’ยังไม่ได้หนังสือป.ป.ช. เรียกแจงรับคดีโยกงบ
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568
เปิดภาพ'ทหารเขมร'! แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ลั่นพร้อมรับคำสั่ง'ฮุน มาเนต'
'สุขุม' อ่าน 'มหิดลโพล' เตือนระวัง 'ทักษิณ' ซัดกลับ เหตุผลลัพธ์ไม่ถูกใจ
ไม่ทน! 'รพ.พระนั่งเกล้า'ลั่นลุยดำเนินคดีแน่ หลังพยาบาลโดนทำร้าย ขณะปฏิบัติงาน
ชายแดนจันท์หวิดเกิดจลาจล! 'ชาวกัมพูชา'ประท้วงหลังด่านบ้านแหลมปิดตามเวลาใหม่รถติดค้างอื้อ
ดูทั้งหมด
เมืองประหลาดในอเมริกา
รวมรสไม่สำราญ
สองพ่อมด (1)
เขมรทุรยศ ไม่ประหลาด แต่ถ้าไทยทรยศชาติ ขอให้ฉิบหาย
บุคคลแนวหน้า : 17 มิถุนายน 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นายกฯแจ้งแรงงานไทยใน‘อิสราเอล’ สแตนด์บายเตรียมอพยพ

ไม่หวั่นเจ้าภาพ! โปโลน้ำลุยศึก'ซีเอจ2025'ที่สิงคโปร์

‘นายกฯ’เผยเมื่อวานไม่ได้ยิน‘ภท.’พูดพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไร้เงา‘อนุทิน’ยืนเป็นวอลเปเปอร์

รวบ 'ดอน โนนขาม'ผู้คลั่งไคล้บิ๊กไบค์ทำทีขอลองสมรรถนะแล้วขับหนีต่อหน้าเจ้าของ

(คลิป) 'อุ๊งอิ๊งค์' จะเอา! แต่ 'หนู' ไม่ยอม

'ทรัมป์'เตือนชาวเตหะรานอพยพทันที หลังเพลิงสงครามตะวันออกกลางปะทุหนัก

  • Breaking News
  • นายกฯแจ้งแรงงานไทยใน‘อิสราเอล’ สแตนด์บายเตรียมอพยพ นายกฯแจ้งแรงงานไทยใน‘อิสราเอล’ สแตนด์บายเตรียมอพยพ
  • ผ่าทางตัน!’ไอบา’จัดต่อยไร้นวม ผ่าทางตัน!’ไอบา’จัดต่อยไร้นวม
  • ไม่หวั่นเจ้าภาพ! โปโลน้ำลุยศึก\'ซีเอจ2025\'ที่สิงคโปร์ ไม่หวั่นเจ้าภาพ! โปโลน้ำลุยศึก'ซีเอจ2025'ที่สิงคโปร์
  • เปิดแล้ว! แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเขตภาษีเจริญ นัดแรกวันเสาร์ – อาทิตย์นี้ เปิดแล้ว! แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเขตภาษีเจริญ นัดแรกวันเสาร์ – อาทิตย์นี้
  • ‘นายกฯ’ยังไม่ได้หนังสือป.ป.ช. เรียกแจงรับคดีโยกงบ ‘นายกฯ’ยังไม่ได้หนังสือป.ป.ช. เรียกแจงรับคดีโยกงบ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ  ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

28 ก.ย. 2563

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

20 ก.ย. 2563

จดหมายเปิดผนึก  ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

จดหมายเปิดผนึก ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

14 ก.ย. 2563

ดีใจ  คนรุ่นใหม่คิดเป็น

ดีใจ คนรุ่นใหม่คิดเป็น

7 ก.ย. 2563

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

31 ส.ค. 2563

ห่วงประเทศ

ห่วงประเทศ

24 ส.ค. 2563

กินและบิณ

กินและบิณ

17 ส.ค. 2563

บ่อนทำลายประเทศไทย

บ่อนทำลายประเทศไทย

10 ส.ค. 2563

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved