วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ขอคิดด้วยฅน
ขอคิดด้วยฅน

ขอคิดด้วยฅน

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
วันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562, 02.00 น.
มหาเถรสมาคมชุดใหม่ กับ การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา

ดูทั้งหมด

  •  

ขณะนี้ ประเทศไทยได้มีคณะกรรมการมหาเถรสมาคมชุดใหม่ ประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน และมีกรรมการมหาเถรสมาคมอีก 20 รูป ซึ่งพระมหากษัตริย์แต่งตั้งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี พ.ศ. 2561

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2505 ก่อนการแก้ไข ได้กำหนดให้มหาเถรสมาคมประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน สมเด็จพระราชาคณะทุกรูปเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และพระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งไม่เกิน 12 รูป แต่พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2561 กำหนดว่าการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์


พระเถระใหม่ที่ได้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมครั้งแรก มีจำนวนถึง 9 รูป หนึ่งในนั้น คือ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย วัดไตรมิตรวิทยาราม) อยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการดังกล่าวมีสัดส่วนระหว่างธรรมยุติและมหานิกาย ฝ่ายละ 10 รูป เท่ากัน โดยไม่นับสมเด็จพระสังฆราชที่ทรงเป็นพระสงฆ์ธรรมยุติ และมีข้อสังเกตว่า กรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหมดสังกัดอยู่ที่วัดในกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น

กรรมการมหาเถรสมาคม ถือเป็นองค์กรสูงสุดของสงฆ์ในประเทศไทย เพราะพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ที่ออกในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้กำหนดอำนาจให้มีหน้าที่เสมือน ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ (วินัยธร) ของสงฆ์ อำนาจของคณะกรรมการมหาเถรสมาคมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากได้พระที่มีความกระฉับกระเฉง กระตือรือร้นในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบและโครงสร้าง หรือที่เรียกกันว่าปฏิรูปกิจการของพระพุทธศาสนา ให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัยก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ในฐานะที่เคยร่วมในคณะกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้เคยหยิบยกประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนี้

(1) การจัดการทรัพย์สินในกิจการพระพุทธศาสนา

ทรัพย์สมบัติของวัดและของพระ ถือเป็นปัญหารูปธรรม จับต้องได้ และประชาชนทั่วไปก็มองเห็นสภาพฟอนเฟะในปัจจุบัน

ถึงเวลาจะต้องปฏิรูประบบการบริหารจัดการทรัพย์สินและรายได้ของวัดและของพระ

โดย “พุทธบริษัท 4” คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ เพื่อแบ่งเบาภาระ ตัดทอนกิเลส และทำให้เกิดความโปร่งใสสูงสุดต่อพระพุทธศาสนาส่วนรวม

หลักสำคัญ คือ ทรัพย์สินเงินทอง รายได้ รวมถึงผลประโยชน์อื่นใดที่ได้มาจากการดำเนินการภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ย่อมตกเป็นของพระพุทธศาสนา หาใช่ทรัพย์สินส่วนบุคคลของผู้ใด ไม่ว่าจะพระสงฆ์รูปไหนๆ หรือวัดใดๆ ก็ตาม

ดร.ปรีชา สุวรรณทัต ได้เขียนบทความมีข้อเสนอแนะในประเด็นนี้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ยืนยันว่าหลักกฎหมายโดยรวมก็มุ่งเช่นนั้น แต่ได้ระบุถึงจุดอ่อนข้อบกพร่องที่เป็นช่องทางหลบเลี่ยงในปัจจุบัน และแนะนำว่า

“ในส่วนที่จะต้องแก้ไขหรือยกเลิกไปเลย ก็คือ มาตรา 1623 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้บัญญัติว่า “ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้นจะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิตหรือโดยพินัยกรรม” จะเห็นได้ว่า ในมาตรานี้มีช่องว่างในทางกฎหมายที่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ โดยนำทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างที่อยู่ในสมณเพศ เช่น เขาถวายที่ดินให้กับวัด แต่ได้ใส่ชื่อเจ้าอาวาส หรือพระภิกษุรูปหนึ่งในวัดนั้นมีชื่อเป็นเจ้าของ ที่ดินตามโฉนด แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเขามีศรัทธาที่จะถวายให้กับวัดโดยตรง โดยช่องว่างของกฎหมายดังกล่าว ก่อนที่พระภิกษุจะถึงแก่มรณภาพ หรือถ้าสึกไปก่อน ที่ดินนั้นก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้นั้นไปเลย หรืออาจจะหลีกเลี่ยงได้โดยการจำหน่ายจ่ายโอนในระหว่างมีชีวิตให้กับคนอื่น หรือหลีกเลี่ยงโดยการทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้กับบุคคลอื่น

เพราะฉะนั้น เมื่อถึงแก่มรณภาพ ทรัพย์สินนั้นก็จะไม่ตกเป็นสมบัติของวัด

จึงมีความเห็นสอดคล้องกับท่านผู้รู้ ที่ควรจะได้มีการแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ให้เป็นไปในหลักการใหม่ว่า “ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น ตั้งแต่วันที่ได้ทรัพย์สินนั้นมา” ในกรณีทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ (เช่น แก้วแหวนเงินทอง รถยนต์) ที่มีราคาสูง ก็ควรตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์...”

ปัจจุบัน วัดถือเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นตัวแทนของนิติบุคคลที่จะทำนิติสัมพันธ์แต่เพียงผู้เดียว สมควรที่จะพิจารณาให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะเป็นคณะกรรมการดูแลทรัพย์สินของวัด จัดทำบัญชีและเปิดเผยบัญชีอย่างโปร่งใส ให้สามารถตรวจสอบจากคณะกรรมการของมหาเถรสมาคมได้เป็นปัจจุบันทันที เนื่องจากปัจจุบันมีระบบเทคโนโลยีสื่อสารสนเทศ ที่สามารถเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้และช่วยกันตรวจสอบ

การให้เจ้าอาวาสซึ่งส่วนมากชราภาพ เป็นผู้มีอำนาจทำนิติสัมพันธ์แต่เพียงผู้เดียว อาจล่วงรู้ไม่ทันกับผู้ที่จะเข้ามาหาผลประโยชน์จากวัดและพระพุทธศาสนา

(2) บวชแล้วต้องเรียน ศึกษาและปฏิบัติธรรม

คนที่ตัดสินใจบวชเป็นพระแล้ว จะต้องศึกษาและปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง

มิใช่เข้ามาบวชเพียงเพื่อหวังจะประกอบอาชีพ หารายได้ส่วนตัว

โดยจะต้องมีการสร้างระบบให้การศึกษากับพระสงฆ์ มีกลไกบังคับให้พระต้องปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด หากพระสงฆ์รูปใดไม่ปฏิบัติก็จะต้องมีระบบตรวจสอบและขจัดออกจากการเป็นพระ

(3) จัดการกับพระที่ละเมิดพระธรรมวินัยอย่างเด็ดขาด

จัดการกับลัทธิที่มีพฤติกรรมทำพระธรรมวินัยให้วิปริต และการประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย ใช้โลโก้พระพุทธเจ้า ใช้เครื่องแบบพระพุทธศาสนามาแอบอ้าง เลียนแบบทำปลอมแปลง แสวงหาผลประโยชน์ บิดเบือนพระธรรมคำสอน มุ่งค้าบุญ

ควรจะต้องมีคณะกรรมการทำหน้าที่ชำระการปฏิบัติที่ผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย

ซึ่งกรณีพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนานั้น มีความจริงแท้อยู่แล้ว ควรให้มีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณากรณีละเมิดพระธรรมวินัยอย่างตรงไปตรงมา ใครผิดก็จะต้องถูกลงโทษ คล้ายๆ ศาลรัฐธรรมนูญ ใครบิดเบือนหรือกระทำละเมิดรัฐธรรมนูญก็จะต้องถูกตัดสินว่ามีความผิด ไม่อาจกระทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ

(4) กระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมในกิจการพระพุทธศาสนา

พิจารณาระยะห่าง-ระยะชิด ของอาณาจักรกับพุทธจักร ให้อำนาจรัฐและพุทธบริษัท 4 เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปองค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา โดยยึดหลักพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ กฎหมาย
บ้านเมืองที่จะใช้กับพุทธจักร ก็จะต้องดูแลให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัย

พิจารณากระจายอำนาจของมหาเถรสมาคม ที่มีทั้งอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ (วินัยธร) ให้พุทธบริษัท 4 ในท้องถิ่นต่างๆ ได้มีส่วนอุปถัมภ์ค้ำชู กำกับดูแลกิจการพระพุทธศาสนา ดังที่พระพุทธเจ้าฝากพระศาสนาไว้กับพุทธบริษัท 4

(5) ปฏิรูประบบการเรียนรู้ของพุทธศาสนิกชน

ปฏิรูประบบการเรียนรู้ของพุทธศาสนิกชน ให้เข้าใจแก่นธรรมของพระพุทธศาสนา และเตรียมความรู้เท่าทันของพุทธศาสนิกชน ให้ตระหนักว่าสังคมส่วนใหญ่ของโลกนับถือหลายศาสนา เช่น นับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่กับเพื่อนมนุษย์ที่นับถือศาสนาอื่นๆ อย่างมีสันติภาพและเข้าใจกันและกัน พึงต้องเข้าใจแก่นธรรมของศาสนาอื่นๆ ด้วย

การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ทั้งหมดนี้ ต้องอาศัยคณะกรรมการมหาเถรสมาคมร่วมกับพุทธบริษัท 4 ผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง

ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของวัดและของพระ เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1623 ตามที่กล่าวข้างต้น

เข้มงวดกวดขันผู้ที่ตัดสินใจบวชเป็นพระต้องศึกษาและปฏิบัติธรรม

อีกทั้งจัดการกับลัทธิที่มีพฤติกรรมทำลายพระวินัยให้วิปริตและประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย

นอกจากจะเป็นการอุปถัมภ์ค้ำจุนพระพุทธศาสนาอย่างถูกทางแล้ว ยังจะเกิดกุศลผลบุญ เกิดผลดีทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้อีกด้วย

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
17:45 น. ‘รอง ผบช.ภ.1’ตรวจเยี่ยม‘สภ.ชัยพฤกษ์’กำชับ 5 ข้อ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย อย่าแตกแถว
17:41 น. กกต.ไฟเขียว ‘อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์’ สมัครชิง ส.ส.ได้ เข้ม ตั้งคณะกรรมการสอบเงินใช้หาเสียง
17:32 น. เช็กพิกัด 469 จุดยุทธศาสตร์! กองทุนหทัยทิพย์ฯ เร่งสร้างบังเกอร์-หลุมหลบภัย
17:27 น. ธีระชัย ยัน ลุงป้อม ยังอยู่ พลังประชารัฐ รับ วัน อยู่บำรุง ไม่แน่อยู่หรือไป?
17:23 น. ครม. เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงิน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา
ดูทั้งหมด
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 20-26 ธ.ค.68
เอาคะแนนผมไปเลย! 'น็อต วรฤทธิ์'โพสต์ตัดสินใจแล้ว จนคนแห่คอมเมนต์สนั่น
ขอกำลังใจด้วยนะคะ ธิษะณา โพสต์พร้อมสมัครงานใหม่ หลังพรรคไม่ส่งสมัครสส.กทม.
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 21-27 ธ.ค.68
ขอโอกาส! ‘ศิริภา’อาสาลงชิงสส.พญาไท-ดินแดง ลั่นจะแก้ทุกปัญหา-สู้เพื่อชาติไปด้วยกัน
ดูทั้งหมด
ล้างแค้นแสนสยอง
ว่าด้วยสื่อ
หักปีกอีแร้ง
ยังไม่หยุดยิง ไทยเร่งยึดกุมความได้เปรียบทุกมิติ
สดุดี 22 ทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อชาติ
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กกต.ไฟเขียว ‘อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์’ สมัครชิง ส.ส.ได้ เข้ม ตั้งคณะกรรมการสอบเงินใช้หาเสียง

ธีระชัย ยัน ลุงป้อม ยังอยู่ พลังประชารัฐ รับ วัน อยู่บำรุง ไม่แน่อยู่หรือไป?

ทบ.เผยกัมพูชา ยิง BM-21 โจมตีชายแดนสระแก้ว เกือบ 200 นัด บ้านพัง 40 หลัง เจ็บ 7 ราย

เก็บสีหน้าไม่อยู่ ส่องรีแอค ชมพู่-แอฟ หลัง นุ่น วรนุช บอกสามี ต๊อด ปิติ เป็นแค่พนักงานออฟฟิศ

ปตท.สผ. ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับสูงสุด และคว้า 3 รางวัลด้านนักลงทุนสัมพันธ์

กองทัพ เปิดไทม์ไลน์ประชุมจีบีซี ปมหยุดยิง ย้ำจัดที่จันทบุรีไม่เปลี่ยนแปลง จะล่มหรือไม่ อยู่ที่กัมพูชา

  • Breaking News
  • ‘รอง ผบช.ภ.1’ตรวจเยี่ยม‘สภ.ชัยพฤกษ์’กำชับ 5 ข้อ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย อย่าแตกแถว ‘รอง ผบช.ภ.1’ตรวจเยี่ยม‘สภ.ชัยพฤกษ์’กำชับ 5 ข้อ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย อย่าแตกแถว
  • กกต.ไฟเขียว ‘อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์’ สมัครชิง ส.ส.ได้ เข้ม ตั้งคณะกรรมการสอบเงินใช้หาเสียง กกต.ไฟเขียว ‘อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์’ สมัครชิง ส.ส.ได้ เข้ม ตั้งคณะกรรมการสอบเงินใช้หาเสียง
  • เช็กพิกัด 469 จุดยุทธศาสตร์! กองทุนหทัยทิพย์ฯ เร่งสร้างบังเกอร์-หลุมหลบภัย เช็กพิกัด 469 จุดยุทธศาสตร์! กองทุนหทัยทิพย์ฯ เร่งสร้างบังเกอร์-หลุมหลบภัย
  • ธีระชัย ยัน ลุงป้อม ยังอยู่ พลังประชารัฐ รับ วัน อยู่บำรุง ไม่แน่อยู่หรือไป? ธีระชัย ยัน ลุงป้อม ยังอยู่ พลังประชารัฐ รับ วัน อยู่บำรุง ไม่แน่อยู่หรือไป?
  • ครม. เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงิน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ครม. เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงิน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ  ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

28 ก.ย. 2563

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

20 ก.ย. 2563

จดหมายเปิดผนึก  ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

จดหมายเปิดผนึก ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

14 ก.ย. 2563

ดีใจ  คนรุ่นใหม่คิดเป็น

ดีใจ คนรุ่นใหม่คิดเป็น

7 ก.ย. 2563

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

31 ส.ค. 2563

ห่วงประเทศ

ห่วงประเทศ

24 ส.ค. 2563

กินและบิณ

กินและบิณ

17 ส.ค. 2563

บ่อนทำลายประเทศไทย

บ่อนทำลายประเทศไทย

10 ส.ค. 2563

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved