วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568
จับตาพรรคเพื่อไทย และอนาคตใหม่ หลังจากศึกอภิปรายงบประมาณยกแรก ก่อนจัดทัพสู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่นจับตาการส่งสัญญาณทักษิณเลือกผู้ว่าฯกทม.จะลงหรือไม่ลง ชี้ชะตาสองขั้วแกนนำเพื่อไทย ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ยังป่วนภายในระอุ หรืองานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา?
แนวทางการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่หากจะต้องมีการลงแข่งเลือกตั้งท้องถิ่นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการส่งผู้แทนว่าจะส่งเพียงคนเดียวหรือไม่? ซึ่งหากเป็น
เช่นนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่พรรคอนาคตใหม่จะต้องสร้างความโดดเด่นให้มากที่สุด เพื่อให้จะได้มีพื้นที่ลงมากกว่าพรรคเพื่อไทย ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นการต่างคนต่างลง ซึ่งเราเชื่อว่าในหลายพื้นที่คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเกมการเมืองตอนนี้จะไม่เหมือนกับยุคก่อนหน้าปฏิวัติที่มีเพียงสองขั้วชัดเจน คือพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทย แม้จะมีพรรคชาติไทยมาสอดแทรกในบางพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้การแข่งขันเปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก
ซึ่งการแข่งขันของทั้งสองขั้วในยุคก่อนนั้น ไม่จำเป็นต้องคิดกลยุทธ์ หรือวางหมากสลับไปมามากมายเท่าปัจจุบัน ที่ในตอนนี้นั้นซีกหนึ่งนั้นมีถึง 3 พรรค คือพรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย ในขณะที่อีกซีกหนึ่งก็มีพรรคเพื่อไทย และอนาคตใหม่ ในสนามแข่งจริงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่าคะแนนสูสีทั้งสองฝั่ง จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้การตัดสินใจเฟ้นหาผู้สมัครของทั้งสองซีก อาจจะต้องมีการตกลงร่วมกัน ว่าจะส่งเพียงคนเดียวในฝั่งเดียวกันหรือไม่? เพื่อไม่ให้ตัดคะแนนกัน ซึ่งหลายคนก็มองว่าเป็นการฮั้วกัน? แต่ทว่าท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดทางอุดมการณ์ของสองขั้ว ก็คงปฏิเสธได้ยากว่าจะไม่มีการคุยกันนอกรอบเพื่อหลีกทางให้กัน เพราะถ้าหากฝ่ายเดียวกันต่างคนต่างส่งผู้สมัครลง ก็อาจจะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่ส่งผู้สมัครลงเพียงคนเดียวใช่หรือไม่?
แม้จะเป็นวาระแรกของการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี’63 ซึ่งน่าจะต้องวัดผลจริงตอนผ่านวาระที่ 3 แต่เท่าที่ผ่านมาก็ดูจะพอเดาทิศทางออก ว่ารัฐบาลยังคงคุมเสียงข้างมากไว้ได้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือเรื่องงูเห่าจากพรรคฝ่ายค้านต่างๆ ซึ่งถ้าหากมีจริง ก็น่าจะปรากฏในวาระสุดท้าย ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ พรรคฝ่ายค้านทราบดี จึงไม่ได้มีการออกมาเล่นประเด็นทางการเมือง ต่อกรณีการใช้กระบวนการทางสภาฯ ในการล้มรัฐบาล จากการไม่ผ่านพ.ร.บ. และแม้พรรค
เพื่อไทยจะออกมาบอกว่า การงดออกเสียงไม่ได้แปลว่าเห็นด้วย แต่อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่า ในการอภิปรายตลอด 3 วันที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ฟอร์มตกเป็นอย่างมาก ทั้งเมื่อเทียบกับในอดีต และทั้งเมื่อเทียบกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งภายหลังเอง คนของพรรคเพื่อไทยก็ถึงกับต้องตั้งเป้าหมายใหม่ในวาระที่ 2 เพื่อหั่นทิ้งงบบางส่วนแทน หลังวาระแรกนั้นไม่สามารถสร้างกระแส หรือทำอะไรที่ส่งผลกระทบกับรัฐบาลได้ใช่หรือไม่?
ส่วนท่าทีของพรรคฝ่ายค้าน ที่อาจทำงานไม่เข้าเป้าในสายตาประชาชนอย่างที่คิด อาจจะเป็นเพราะยังมีปมบางอย่าง ของการเดินเกมร่วมระหว่างพรรค
เพื่อไทยและอนาคตใหม่หรือไม่? โดยจุดที่หลายฝ่ายตั้งเป้าสังเกตคือในวันแรกของการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มีประเด็นของ พ.ร.ก.โอนย้ายกำลังพล ที่พรรคเพื่อไทยโหวตสวนตรงข้ามกับพรรคอนาคตใหม่ อาจมองได้ว่าพรรคเพื่อไทยกำลังมองเกมในระยะยาว เพราะในสภาฯ ซีกฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องเป็นต้องคัดค้านไปเสียทุกเรื่อง และคงเป็นการยาก? ที่จะเชื่อว่าไม่ได้มีการหารือตกลงกันมาก่อนระว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าจะมีมติอย่างไรออกมา เพียงแต่มีเสียงพรรคอนาคตใหม่เพียงพรรคเดียว ที่โหวตแตกต่างจากพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น รวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย จนนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์หลายคน นำไปวิเคราะห์ เรียบเรียงประเด็น ว่าเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมืองอื่นๆ ของพรรคอนาคตใหม่ในช่วงเวลาเดียวกันด้วยหรือไม่? ทำให้เกิดคำถามขึ้นบางประการ คือประเด็นดังกล่าวนั้นคือประเด็นอะไร? การตัดสินใจแบบนี้จะคุ้มค่าความเสี่ยงของพรรคอนาคตใหม่หรือไม่? สุดท้ายจะส่งผลดี หรือผลเสียอย่างไรกับพรรคเพื่อไทย?
ประการแรก นักวิเคราะห์หลายคน เอาไปโยงกับการขึ้นศาลของธนาธรในคดีถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ทำให้พรรคอนาคตใหม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าจะเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบอันเกี่ยวเนื่อง ทั้งกับคดีของหัวหน้าพรรคอย่างนายธนาธรเอง หรือคดีอื่นที่มีผู้ร้องเรียนอีกหลายคดี ที่เสี่ยงต่อการโดนยุบพรรคหรือไม่? ทำให้การเดินเกมของพรรคอนาคตใหม่จึงดูผิดแผกไปจากพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ซึ่งการแสดงท่าทีดังกล่าวข้างต้น เสี่ยงต่อแรงปะทะจากฝ่ายอื่นๆ อย่างชัดเจน หรือล่าสุดอาจร่วมถึงกับฝ่ายตัวเองด้วย? แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียฐานมวลชน และจุดยืนจึงต้องแสดงท่าทีดังกล่าวใช่หรือไม่?
ส่วนประการถัดมาคือ การตัดสินใจดังกล่าว พรรคอนาคตใหม่จะคุ้มความเสี่ยงนั้นหรือไม่? เพราะการที่พรรคอนาคตใหม่ทิ้งอุดมการณ์ร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคฝ่ายค้านอื่น โดยการยกมือสวน พ.ร.ก.โอนย้ายกำลังพลนั้น ก็น่าสนใจว่าอาจจะมีผลเสียมากกว่าผลดี แต่ที่เลือกทำเช่นนั้น เพราะอาจจะคุ้มในประเด็นอื่น ที่คล้ายกับว่าเป็นการถอยมาเพื่อสร้างจุดยืนเพียงพรรคเดียว เพื่อสร้างจุดสนใจเพียงจุดเดียว? ที่อาจจะเป็นเพราะตกที่นั่งหรือคาดคะเนล่วงหน้าว่า หากมีเหตุใดเกิดขึ้นจากคดี? จะยังผลถึงแค่พรรคตัวเองเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นใช่หรือไม่? พรรคอื่นจึงไม่ได้รับผลด้วย จึงอาจต้องเล่นบทที่แตกต่างหรือไม่? แต่การณ์กลับไม่เป็นที่คิดเพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นเพิ่มคือความขัดแย้งภายในที่มีรอยร้าวมากขึ้นจากมติพรรคดังกล่าว
ประการสุดท้าย สำหรับการกระทำดังกล่าวจะเป็นผลดีหรือผลเสียกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่ หากมองในภาพของการถือธงนำพรรคฝ่ายค้านแล้ว ก็ดูจะเป็นผลเสียพรรคเพื่อไทย เพราะคล้ายกับว่าพรรคอนาคตใหม่กำลังเฉิดฉายในเวทีการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา แต่พรรคเพื่อไทยเองกลับไม่ได้มีส่วนใดๆ ในการสร้างปรากฏการณ์ทางสภาฯ อย่างที่ภาพประชาชนต้องการ แต่หากมองระยะยาว ความนิ่งของพรรคเพื่อไทยอาจทำให้เป็นผลบวกมากกว่าในการคุมเกมสภาฝ่ายค้านหลังเปิดสมัยประชุมหน้าใช่หรือไม่?
ดังนั้นแล้ว คาดว่าก่อนจะเปิดสมัยประชุมหน้า เราอาจจะได้เห็นรูปแบบการจัดแถวใหม่ของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งทั้งนี้นั้นต้องรอดูอีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีผลต่อการจัดรูปแถวใหม่นี้ด้วย นั่นก็คือการตัดสินคดีของพรรคอนาคตใหม่ ในขณะที่การจัดแถวของฝ่ายรัฐบาลนั้น ไม่น่าจะมีอะไรผิดแปลกแตกต่างจากเดิมมากนัก เพราะอย่างน้อยก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีในความเป็นรัฐบาลร่วม ซึ่งก็พอจะมีเหตุและผลให้เจรจาร่วมกันได้ ส่วนอีกประการคือบทบาทในสภาฯ ที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ นั้น จะขัดกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น? ปรากฏว่าในความเป็นจริง การทำงานของทีมประธานสภาฯ ที่ผ่านมา ก็สามารถพูดคุย และชี้แจงพรรคร่วมได้อย่างไม่มีปัญหาอย่างที่หลายฝ่ายแสดงความกังวล แต่อย่างไรก็ดีคงต้องติดตามดูกันต่อไป
“รอยขาดของเสื้อผ้าเย็บปะได้
แต่บาดแผลในหัวใจมิว่าผู้ใดก็ไม่อาจเย็บสมาน”
โกวเล้ง จากเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น

กำปั้นไทยไร้พ่าย! ลิ่ว 7 รุ่นต่อยซีเกมส์
เลขาวุฒิสภา แจ้ง สว. ยกเลิกประชุมวุฒิสภา 15- 16 ธ.ค.นี้ หลังยุบสภาแล้ว
ดร.จักษ์ ชม อนุทิน ตัดสินใจระดับรัฐบุรุษ ยุบสภาครั้งนี้ เผาพรรคส้มเหลือแต่ขี้เถ้า
กกต. กางแนวทาง ค่าใช้จ่าย สส. ช่วงเลือกตั้ง พรรคการเมืองหาเสียงได้ตั้งแต่วัน ยุบสภา
ปูติน ยกระดับชีวิตพลเมืองรัสเซีย อัตราความยากจนลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี