ทำไมข้ออ้างว่าโอนหุ้น 8 ม.ค. จึงไม่น่าเชื่อ?
แม้จะมีใบโอนหุ้น-เช็ค มาอ้าง ก็ไม่น่าเชื่อ?
นั่นก็เพราะว่า เอกสารทั้ง 2 อย่างนั้น ล้วนแต่เป็นเอกสารที่ “ทำกันเอง”โดยคนกันเอง ไม่ได้มีการนำไปเชื่อมต่อหรือยืนยันกับคนนอก จึงสามารถทำย้อนหลังกันขึ้นมาได้โดยง่าย กล่าวคือ ไม่ได้แจ้งนายทะเบียนเรื่องการโอนหุ้นส่วนเช็คก็ไม่ได้นำไปเข้าบัญชี (ค่อยเอาไปเข้าหลังเกิดเรื่องแล้ว)
จึงไม่แปลกเลยที่คนมีสติปัญญาปานกลางทั่วไป เขาจะไม่เชื่อ
แค่อ้างว่า ไม่มีเวลาว่างเอาเช็คไปเข้าบัญชี ไม่ไว้ใจคนอื่นให้เอาไปแทน ยาวนานตั้ง 128 วัน (เจ้าตัวไม่เคยทิ้งเวลานานแบบนี้) คนเขายิ่งหัวเราะกร๊าก เพราะเช็คขีดคร่อมแบบนั้น ต่อให้คนอื่นได้ไปก็เอาไปทำอะไรไม่ได้ นอกจากเอาไปเข้าบัญชีของคนที่มีชื่อได้รับเช็คนั้นๆ เรื่องแบบนี้เอาไว้หลอกคนที่ไม่เคยข้องเกี่ยวเรื่องเช็คก็พอได้
ในประเด็นเรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้อย่างเฉียบคม บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและเหตุผล
สรุปคร่าวๆ ดังนี้
1. ข้อเท็จจริงปรากฏตามพยานหลักฐานดังกล่าว นายธนาธร โอนหุ้นให้แก่นางสมพร เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 จริงหรือไม่ กล่าวคือ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัคฯ มีหนังสือส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้าโดยเร็วทุกครั้ง
แต่การโอนหุ้นของนายธนาธรให้นางสมพร ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับไม่ปรากฏการส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ที่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
2. ทั้งที่การส่ง บอจ.5 เป็นหลักฐานสำคัญ หากผู้ถูกร้องมีความประสงค์เข้าสู่การเมือง การที่ไม่มีการส่ง บอจ.5 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นหลักฐานที่สำคัญหากนายธนาธรมีความประสงค์เข้าสู่การเมือง การที่ไม่มีการส่ง บอจ.5 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงเป็นการผิดปกติที่เคยปฏิบัติมา
ย้ำ ทั้งที่การโอนหุ้นครั้งนี้มีความสำคัญต่อการเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายธนาธรอย่างยิ่ง เพราะถ้ามิได้โอนไปก่อนสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมทำให้นายธนาธรมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3)
3. แม้อ้างว่า บริษัท วี-ลัคฯ ได้เลิกจ้างพนักงานไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2561 จึงไม่มีนักบัญชีคอยติดตามเอกสารทางทะเบียนดังเช่นตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับการโอนหุ้นภายในครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ
อย่างไรก็ดี คำให้การดังกล่าวขัดแย้งกับ น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม พยานบุคคลที่ว่า ตนสามารถทำได้ ถ้ามีคำสั่งให้ทำ โดย น.ส.ลาวัลย์ เป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง บอจ.5 และเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง บอจ.5 เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 ด้วย
ประกอบกับในทางปฏิบัติการยื่น บอจ.5 นั้น สามารถมอบหมายให้บุคคลอื่นดำเนินการได้ และการยื่นเอกสารดังกล่าว สามารถกระทำได้โดยไม่มีความยุ่งยากแต่ประการใด เพราะบริษัท วี-ลัคฯ ส่ง บอจ.5 และงบดุลประจำปี ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 2559-2561
4. นายธนาธร อ้างว่า นางสมพรได้ชำระค่าหุ้นให้แก่นายธนาธร ด้วยเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราด เซ็นทรัลซิตี้ ฉบับวันที่ 8 ม.ค. 2562 สั่งจ่ายนายธนาธร เป็นเงินจำนวน 6.75 ล้านบาท
ปรากฏนำฝากเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562 ตรงกับวันที่ กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย และระยะเวลานานถึง 128 วัน หลังจากวันที่ระบุในเช็ค
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 ให้ผู้ส่งเช็ค ต้องนำเช็คไปขึ้นธนาคารตามเช็ค เพื่อให้มีการใช้เงินภายใน 30 วัน หากเช็คออกเมืองเดียวกันกับเมืองที่ธนาคารตามเช็คมีหน้าที่จ่ายเงินตั้งอยู่ หรือภายใน 3 เดือนหากเช็คต่างเมืองสถานที่ออกเช็ค และธนาคารอยู่คนละจังหวัดกัน
กรณีนี้ธนาคารที่มีหน้าที่จ่ายเงิน คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราดเซ็นทรัลซิตี้ อยู่ใน กทม. และในเมื่อไม่ระบุสถานที่ออกเช็ค ต้องถือว่าออกเช็ค ณ ภูมิลำเนาผู้สั่งจ่าย คือ นางสมพร มีภูมิลำเนาใน กทม. ดังนั้นนายธนาธรมีหน้าที่นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินในวันที่ 8 ก.พ. 2562
และเมื่อตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปี พบว่า เช็ควงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป บริษัทวี-ลัค มีเดีย จะเรียกเก็บเงินภายใน 42-45 วัน แต่ในการเรียกเก็บเช็คฉบับนี้ลงวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับใช้เวลาถึง 128 วัน
ส่วนเช็คบางฉบับที่ใช้เวลา 98 วันในการขึ้นเงิน ก็มียอดเงินเพียง 27,000 บาทเท่านั้น
ข้ออ้างที่ นางรวิพรรณเบิกความว่าไม่สะดวกจะนำเช็คไปขึ้นเงิน เพราะต้องดูแลบุตรซึ่งเป็นเด็กทารก รวมถึงยังอ้างว่าทนายความนำเช็คต้นฉบับไปใช้ต่อสู้คดี ก็ขัดแย้งกับหนังสือของกกต. ที่ชี้แจงต่อเลขาฯกกต.ว่า นายธนาธร
ส่งสำเนาเช็คมาชี้แจงเท่านั้นไม่ได้ส่งเช็คต้นฉบับมาแต่อย่างใด
แสดงให้เห็นว่านางรวิพรรณสามารถนำเช็คเข้าบัญชีได้ตั้งแต่ 9 ม.ค. 2562 ข้อโต้แย้งจึงไม่มีน้ำหนัก เชื่อถือไม่ได้ เพราะเป็นเช็คขีดคร่อม โอนไปยังบุคคลอื่นไม่ได้ สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนได้ เพราะนางรวิพรรณก็ไม่มีชื่อเป็นผู้รับเงินตามเช็ค จึงไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือนเศษ
5. ประเด็นที่นางสมพรโอนหุ้นให้แก่นายทวี หลานชาย แล้วต่อมาได้โอนกลับคืนนางสมพรนั้น ศาลเห็นว่า การโอนหุ้นให้และการโอนหุ้นคืน โดยไม่มีค่าตอบแทนตามที่อ้างความสัมพันธ์เครือญาติ ย้อนแย้งกับการโอนหุ้นให้กับนายธนาธรซึ่งบุตร
แม้นางสมพรจะอ้างว่าต้องการให้นายทวีเข้ามาช่วยฟื้นฟูกิจการ แต่การโอนหุ้นโดยไม่มีค่าตอบแทนทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเอกสารต่างๆ บริษัทวี-ลัคมีเดียสามารถจัดทำกันได้เองในภายหลัง
อีกทั้งการโอนหุ้นคืนภายในเวลา 2 เดือนเศษ โดยอ้างว่าศึกษาแล้วต้องใช้เงินลงทุนอีกหลายล้านบาท ข้อเท็จจริงส่วนนี้ขัดกับปกติวิสัยของนักลงทุนทั่วไป ที่ต้องศึกษาแผนและทดลองปฏิบัติตามแผนเสียก่อน และเมื่อเทียบกับสถานะทางเศรษฐกิจของนางสมพรแล้ว การอ้างว่ากิจการวี-ลัค มีเดีย มีหนี้สิน 10 ล้านบาท ก็ต่างจากการงบดุลที่นำส่ง โดยแจ้งว่ามีลูกหนี้เพียง 2 ล้านบาทเศษ จำนวนเงินดังกล่าวไม่ตรงกัน หนี้สินจำนวนไม่มาก การทวงถามและวิเคราะห์โครงสร้าง สามารถให้ทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญดำเนินการแทนได้ โดยไม่จำเป็นต้องโอนหุ้นให้หลานก็ได้ เนื่องจากการเป็นผู้ถือหุ้นไม่มีอำนาจบริหาร ติดตามหนี้สิน หรือบริหารเงินสด
การที่นายธนาธรอ้างว่า ได้โอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 โดยอ้างพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตราสารโอนหุ้น พบว่า เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน ใกล้ชิดกับนายธนาธร ประกอบกับเอกสารการโอนหุ้นของบริษัทวี-ลัคฯ ได้แก่ สำเนาเอกสารรับรองการโอนหุ้นที่มีทนายความรับรอง ตราสารการโอนหุ้น เช็คสั่งจ่ายค่าหุ้น สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ต้นขั้วเช็ค และต้นขั้วใบหุ้น ล้วนเป็นเอกสารที่บริษัท วี-ลัคฯ จัดทำ และเก็บรักษาไว้ที่บริษัทวี-ลัคฯ ทั้งสิ้นจึงกล่าวอ้างเจือสมเพื่อให้ตรงกับหลักฐานในบอจ.5 ซึ่งบริษัท วี-ลัคฯยื่นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในวันที่ 21 มี.ค. 2562 ซึ่งนางสมพรรับโอนหุ้น 6.75 แสนหุ้น กลับคืนมาจากนายทวีเท่านั้น
6. การที่นายธนาธร ชี้แจงว่า เดินทางกลับจาก อ.สะตึก จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับมายังบ้านพักที่เล็กไซด์วิลล่า แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักของนายธนาธร โอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ให้แก่นางสมพร
เห็นว่า แม้จะฟังได้ว่านายธนาธรเดินทางกลับจาก จ.บุรีรัมย์ มาบ้านพักในวันดังกล่าวจริง ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็รับฟังได้เพียงว่า นายธนาธร อยู่ กทม. เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 เท่านั้น
ไม่ได้หมายความว่ามีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ในวันดังกล่าวจริง
การพิจารณาโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 จริงหรือไม่ ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี
คดีนี้แม้นายธนาธร มีพยานหลักฐานแสดงว่า การโอนหุ้นให้นางสมพรเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 แม้นายธนาธรได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และมาตรา 1141 แต่เมื่อพิจารณาพบว่า มีข้อพิรุธหลายจุด ประกอบพยานหลักฐาน พฤติการณ์แวดล้อม สอดรับแน่นหนา ย่อมมีความน่าเชื่อถือกว่าพยานหลักฐานของนายธนาธรที่มีพิรุธหลายประการ ดังนั้น จึงมีน้ำหนักหลักล้างข้อสันนิษฐานของนายธนาธรได้
เมื่อพิจารณาข้อพิรุธหลายประการดังกล่าว ประกอบพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี ฟังได้ว่า นายธนาธรถือหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ประกอบกิจการสื่อมวลชน เมื่อวันที่6 ก.พ. 2562 อันเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต่อ กกต. อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้นายธนาธรใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ทำให้สมาชิกภาพ สส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) โดยเมื่อพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 จึงให้สมาชิกภาพ สส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คือวันที่23 พ.ค. 2562
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี