ปัญหาของการเกิดดิสรัปชั่น disruption ในวงการธุรกิจก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงทั้งในภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน ยิ่งในยุคโลกาภิวัตน์ด้วยหลายๆ ธุรกิจถึงกับล้มทั้งยืนแบบรวดเร็วและน่าห่วงบางครั้งดิสรัปชั่นที่เกิดขึ้นในทางที่ผิดก็ทำให้ส่งผลร้ายแรงและทำให้ประเทศขาดรายได้สูญเสียอุตสาหกรรมที่ทำเงินทองไปอย่างมากมายมหาศาลชนิดที่ใครๆ เองก็คาดไม่ถึงอุตสาหกรรมการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับยาสูบของไทยที่รัฐบาลไม่เข้าใจกำลังจะถึงวันตายแบบช่วยไม่ได้
ตัวการที่ทำให้เกิดดิสรัปชั่นคือเอ็นจีโอกลุ่มผลประโยชน์ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับรายได้จากยอดขายยาและเวชภัณฑ์ที่มีผู้ที่ได้รับประโยชน์อยู่ในวงเงินนับพันล้านต่อปี อุตสาหกรรมยาสูบเกิดขึ้นเมื่อ 120 ปีที่แล้ว ในปี 2442 บริษัทต่างชาติของตะวันตกได้นำซิกาแรตเข้ามาขายในไทยมีหลายบริษัทที่ใหญ่ที่สุด คือ บริติช อเมริกัน โทแบคโค(BAT) นอกจากขายแล้วก็ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือปลูกพืชยาสูบ 3 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์เวอร์จิเนีย, เตอร์กิช และเบอร์เล่ย์ โดยการสนับสนุนร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2482 รัฐบาลใช้นโยบายเวนคืนซื้อกิจการโรงงานผลิตซิกาแรต3 แห่ง ของสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ และจีน มาเป็นโรงงานยาสูบกระทรวงการคลัง ในวันที่ 20 เมษายน 2482 ระยะแรกกำไรไม่มากแค่พอเลี้ยงตัวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 2492 เป็นต้นมา กิจการดีขึ้นเป็นอุตสาหกรรมยาสูบเต็มรูปแบบ
ช่วงแรกรัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้ต่างประเทศนำบุหรี่เข้ามาจำหน่ายจนเกิดกลุ่มอาเซียนเมื่อปี 2532 ตลาดบุหรี่มีการแข่งขันเสรีให้ชาติอาเซียนส่งบุหรี่ที่ผลิตจากฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ เข้ามาจำหน่ายโดยเสียภาษีในอัตราเดียวกับบุหรี่ของการยาสูบฯในระยะ 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ในปี 2552 ถึงปี 2561 นั้นกิจการผลิตจำหน่ายและปลูกยาสูบของการยาสูบถือว่ามีกำไรและนำส่งรายได้เข้ารัฐในอัตราน่าพอใจแม้รัฐจะปรับขึ้นอัตราภาษีโดยตลอดเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพของผู้สูบบุหรี่และลดการบริโภคของประชาชน
ในปีงบประมาณ 2552 ขายได้ 56,473.2 ล้านบาท นำภาษีและรายได้ให้รัฐ 51,777.89 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,803.66 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2561 ที่ผ่านมามีรายได้ 51,565.67 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิลดฮวบเหลือ 836.25 ล้านบาท เพราะฐานภาษีสูงมากในขณะที่รายได้นำส่งรัฐไม่มียอดแจ้งให้ทราบ
หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาการยาสูบฯทำรายได้ถึง 614,284.91 ล้านบาทนำรายได้ให้รัฐถึง 591,067.86 ล้านบาททำกำไรได้ 63,967.75 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2560 เป็นปีที่ทำกำไรมากที่สุดในรอบ 80 ปี ถึง 9,343.33 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2556 เป็นปีที่มียอดขายบุหรี่สูงที่สุดถึง 70,183.40 ล้านบาท
ปัจจุบันการยาสูบฯพบปัญหาดิสรัปชั่นจากการปรับอัตราภาษีที่สูงมากแบบบ้าเลือดส่งผลให้ปีงบประมาณ 2561 และ 2562 ยอดขายบุหรี่ลดรุนแรงเพราะราคาขายปลีกซองละ 90 ถึง 120 บาท ทำให้เกิดปัญหายอดขายลดส่งผลให้การรับซื้อใบยาจากเกษตรกร เกี่ยวกับกรณีนี้นายพีรเดช คำสมุทร สส. พรรคอนาคตใหม่ ของเชียงราย ได้นำเรื่องไปอภิปรายในสภาถึงความเดือดร้อนของชาวไร่ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตจนทำให้ชาวไร่ยาสูบขาดรายได้มีหนี้สินพอกพูนจากการกู้เงินจนต้องเดินทางมาเรียกร้องให้ กมธ. วิสามัญช่วยเหลือ
ในรายงานของกมธ.ที่ศึกษาปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำได้กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือข้าว ยางพารา แต่แทบไม่มีการกล่าวถึงเรื่องยาสูบเลยทั้งๆ ที่เป็นพืชเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน ชาวไร่ยาสูบ 5 หมื่นครอบครัว กำลังเดือดร้อนเพราะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตในปี 2560 จนทำให้ยอดขายของการยาสูบฯลดลงบุหรี่หนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้านโตขึ้นมากจนชาวไร่ต้องถูกลดโควตารับซื้อใบยาลง 50% ตอนนี้เชียงรายเหลือพื้นที่ปลูกยาสูบเพียง 5 พันไร่ ทำให้ชาวไร่ก็ต้องโดนลดโควตาไปด้วยชาวไร่มีรายได้หดหายและมีหนี้สินจากการกู้เงินซ่อมโรงบ่มใบยา
นายพีรเดชกล่าวว่าขอเป็นตัวแทนชาวไร่เรียกร้องไปยังรัฐบาลว่าขอให้ขึ้นอัตราภาษีทีละน้อยๆ ค่อยๆ ทำอย่ากระโดดจาก 20% เป็น 40% และอยากให้รัฐศึกษาว่าใบยาทั้ง 3 สายพันธุ์ โดยเฉพาะเวอร์จิเนีย สามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มอะไรได้บ้าง และอย่าลดโควตามากกว่านี้เพราะยังหาพืชไร่อื่นมาทดแทนไม่ได้”
ส่วนนายบัลลังก์ อุบลศรี ชาวไร่ยาสูบ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เผยว่าดีใจมากที่ท่าน สส. ทำหน้าที่ตัวแทนในการสะท้อนความเดือดร้อนของชาวไร่ 5 หมื่นครอบครัว พวกเราถูกตัดโควตารับซื้อใบยามา 2 ปีซ้อน รายได้ของชาวไร่จากการขายใบยารวมกันหายไป 2 พันล้านบาท ขายใบยาได้ก็แทบไม่พอเอาไปจ่ายหนี้ที่กู้มาเป็นค่าเล่าเรียนลูก ทำนาทำไร่ก็ลำบากเงินในกระเป๋ายังต้องหายไปอีกครึ่งหนึ่งพวกเราอยากขอให้กรมสรรพสามิต และรัฐบาลรับฟังความเดือดร้อนของชาวไร่บ้าง และอย่าเพิ่งซ้ำเติมด้วยการขึ้นภาษี 40% ในเดือนตุลาคมปี 2563 อีก
ปัญหานี้ผู้แก้ได้คือรัฐต้องทบทวนอัตราภาษียาสูบทุกชนิดใหม่ทั้งหมดเพื่อให้อุตสาหกรรมอยู่รอดทั้งการยาสูบฯ, ชาวไร่, ผู้ค้าบุหรี่ ซึ่งบุคคลเหล่านี้คือนายอุตตม สาวนายนรัฐมนตรีว่าการคลัง, นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต, นายแพทย์ระเฑียร ศรีมงคลประธานกรรมการการยาสูบฯและนายนพดลหาญธนสาร รักษาการผู้ว่าการการยาสูบฯว่าจะเอาอย่างไรหรือจะปล่อยให้โรงงานผลิตแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะราคาเป็นหมื่นล้านบาทต้องเจ๊งไปแบบน่าเสียดายเพราะรายรับจากการผลิตบุหรี่ให้จีนมันไม่น่าจะคุ้มอย่างแน่นอน
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี