ปัญหาสินค้าเกษตรกรรมของเกษตรกรไทยทั่วประเทศ กำลังมีราคาตกต่ำเพราะค่าเงินบาทแข็งมากๆ ยังผลให้ตลาดโลกไม่รับซื้อกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังหาทางแก้ไขกันอย่างขมักเขม้นล่าสุดมีรายงานข่าวว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงพาณิชย์ ที่รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ดูแลและบริหารอยู่นั้น
รัฐมนตรีได้ดำเนินการวิ่งเต้นหาตลาดรองรับอย่างเต็มที่โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน,ยางพารา,ข้าวเปลือก,มันสำปะหลัง,ถั่วต่างๆ รวมไปถึงเนื้อสัตว์,ไข่และพืชผักสวนครัว ปัญหานี้ทางด้านนายสรรเสริญสมะลาภา กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เคยเผยว่ากระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนด 3 กลุ่มนโยบายหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศดังนี้คือ
นโยบายแก้เศรษฐกิจจากระดับฐานรากขึ้นสู่ระดับบนโดยเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำใน 5 พืชเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง มะพร้าว และข้าวโพด เพราะพี่น้องเกษตรกรถือเป็นกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งหากมีรายได้จากการขายสินค้าที่ดีขึ้น ก็จะเป็นกำลังซื้อสำคัญของประเทศที่จะผลักดันเข้าสู่การกระตุ้นภาคธุรกิจต่อไป
รวมถึงเร่งพลิกฟื้นร้านค้าโชห่วยที่มีอยู่ 4 แสนรายให้เป็นสมาร์ทโชห่วยที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป อีกนโยบายคือกระตุ้นเศรษฐกิจมหาภาคเพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการและเกิดการกระจายเม็ดเงินแผนเร่งด่วน โดยจะเร่งรัดการส่งออก 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
การขยายตลาดเก่าเปิดตลาดใหม่และฟื้นฟูตลาดเดิมรวมถึง เร่งการส่งออกชายแดนและส่งออกผ่านแดนที่ปัจจุบันมีมูลค่ารวมกันถึงร้อยละ 9 ของการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วในพื้นที่ทุกๆ ภาคทั้งภาคใต้,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ภาคตะวันออก,ภาคตะวันตก และภาคเหนือ โดยกระจายพื้นที่อื่นๆในครอบคลุมต่อไปส่วนเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญ
ได้แก่การเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศโดยเฉพาะเขตการค้าเสรีอาร์เซ็ป ที่นับเป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นอาเซียน 10 ประเทศรวมกับ 6 ประเทศขนาดใหญ่ คือ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมเป็น 16 ประเทศ นับเป็นเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่สุดของโลกด้วยประชากร 3.5 พันล้านคนมีจีพีดี รวมกันมูลค่าถึง 1,500 ล้านล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายจะเจรจาให้จบภายในปี 2563
เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าและบริการจากนั้นจะเร่งการเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศอื่นๆต่อไป เช่น อียู อังกฤษ ปากีสถาน ตุรกี ให้ครอบคลุมทั้งหมด จากนั้นจึงจะมาเพิ่มยอดการส่งออกในอนาคตต่อไปและนโยบายที่ 3 ภาคธุรกิจต้องเดินไปข้างหน้าให้ทันกับเศรษฐกิจสมัยใหม่ เช่น เรื่องของไบโออีโคโนมี กรีนอีโคโนมี และครีเอทีฟอีโคโนมี เป็นต้น อีกทั้งจัดทำเรื่องของการค้าออนไลน์และการรุกตลาด อี-คอมเมิร์ซ
นี่คือแผนการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรกรรมของไทยในยุคที่ค่าเงินบาทแข็งมาก ทำให้สินค้าขายไม่ออกซึ่งค่าเงินบาทวันนี้ยังอยู่ที่ 1 เหรียญสหรัฐ แลกได้30.30 บาท ข้อนี้เป็นโจทย์ยากที่รัฐบาลต้องแก้ไขให้สำเร็จในเร็ววันเพื่อเกษตรกรทั้งประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี