ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติต้องพบกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจรุมเร้าเข้ามาหลายๆ ด้าน ภาวะวิกฤตินั้นหมายถึงสถานการณ์ที่เข้าสู่ภาวะที่รัฐบาลจำเป็นต้องเข้าจัดการเพื่อแก้ไขความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้าที่ก่อให้เกิดภาวะคุกคามต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลที่มาจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่หนีคดีอาญาอยู่ในต่างประเทศ
เรื่องนี้เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่หวั่นไหวเพราะสถานการณ์ที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ไม่ได้เลวร้ายจนหาทางออกไม่ได้ใครจะวิจารณ์ว่ารัฐบาลเห็นแก่นายทุนมหาเศรษฐีก็ให้เขาว่าไปเพราะสมัยที่เขามีอำนาจวาสนาบารมีอยู่นั้นก็ไม่เห็นว่าเขาจะเก่งกาจเลอเลิศเป็นเทวดาที่ไหนเขาก็คือคนธรรมดามีรักโลภโกรธหลงเหมือนคนทั่วๆ ไปนั่นเอง การบริหารประเทศชาติในภาวะวิกฤติในขณะนี้ไม่ใช่ไม่มีทางออก หากแก้ไขด้วยสติปัญญาใช้นโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่ถูกต้องตามหลักวิชาและถูกวิธีแล้วก็เชื่อว่าประเทศจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้อย่างแน่นอน
จึงมีความจำเป็นที่ผู้นำรัฐบาลต้องเตรียมแผนงานรองรับที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากคณะรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลและนักวิชาการจากทุกสาขาที่มีความเชี่ยวชาญได้ร่วมกันมาระดมสมองในการกำหนดเป้าหมาย วิธีการกับกลยุทธ์ในการแก้ปัญหาวิกฤติโดยตั้งวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจนรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาภาวะวิกฤติให้หมดไปโดยเร็วและรัฐบาลสามารถลดความสูญเสียและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไป
การแก้ปัญหาภาวะวิกฤตินั้นรัฐบาลสามารถจะแก้ไขสถานการณ์ได้โดยทำเป็นขั้นเป็นตอนอย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์คือเริ่มจากขั้นแรกได้แก่การจัดตั้งทีมรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ได้แก่รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ, เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
ครม.ชุดนี้ต้องมีแผนที่สามารถจัดการกับภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผู้ที่มีความรู้และมีประสบการณ์ในการจัดการปัญหาวิกฤติเพื่อให้นักธุรกิจและนักลงทุนมีความมั่นใจมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกับภาครัฐบาล จากนั้นรัฐบาลต้องประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขภาวะวิกฤติรวมไปถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้วยวิธีการทางด้านการบริหารที่มีความเหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากนั้นรัฐบาลต้องเตรียมงบประมาณทั้งจากภาครัฐโดยตรงและกลุ่มรัฐวิสาหกิจด้านการลงทุนและด้านการพัฒนานำเงิน
งบประมาณที่สูงมากพอสมควรอาจจะถึง 2 ล้านล้านบาท เข้าไปแก้ไขภาวะวิกฤติด้วยความรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ ให้แก้ไขภาวะวิกฤติในทุกๆ เรื่องในขณะที่นโยบายการเงินคือการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงไปพร้อมกันเพื่อลดภาระของผู้ประกอบการทุกๆ ภาคส่วน เช่น ธนาคารกรุงไทย ลดส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ให้เหลือส่วนต่างร้อยละ 4-5 ให้ผู้ลงทุนมีกำไรพอที่จะฟื้นตัวได้ ธนาคารออมสินก็ลดดอกเบี้ยลงเช่นกันให้ผู้ประกอบการรายย่อยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้เกษตรกรได้พักการชำระหนี้ในระยะสั้น พร้อมปล่อยวงเงินกู้เพิ่มให้เกษตรกรทุกสาขาลืมตาอ้าปากได้
ในขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯต้องดูแลเรื่องการสนับสนุนหาวงเงินทุนให้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบตั้งแต่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ประสานงานกับสถาบันการเงินให้สนับสนุนกิจการโรงแรมทุกแหล่งท่องเที่ยวและการจัดงานประชุมนานาชาติในแหล่งท่องเที่ยวที่มีกระจายตามจุดต่างๆทั่วประเทศ ด้านกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ต้องพัฒนาการตั้งโรงงานหรือการฟื้นฟูโรงงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ส่วนกระทรวงพาณิชย์นั้น ก็มีหน้าที่ในการหาตลาดที่เป็นกลุ่มฐานลูกค้ารายใหม่ๆและต้องมีการรักษาฐานตลาดของลูกค้ารายเก่าหรือรายเดิม ควบคู่กันไปอีกด้วยเพื่อรักษาไม่ให้ยอดการส่งสินค้าออกลดน้อยลงไป ส่วนนโยบายด้านการคลังนั้น รัฐบาลจะต้องมีนโยบายลดอัตราภาษีต่างๆ ลงเพื่อให้ผู้ประกอบการและนักธุรกิจสามารถอยู่รอดต่อไปได้ในอนาคต ในขณะที่ปีนี้คือปี 2563 รัฐบาลอาจจะยินยอมให้ผู้ประกอบการและนักธุรกิจเลื่อนการชำระภาษีออกไปเป็นระยะเวลา 4 ถึง 6 เดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนพอในการว่าจ้างแรงงานและในการเพิ่มส่วนลดให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและลูกค้าในต่างประเทศ
สำหรับคณะรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงที่จะทำหน้าที่แก้ไขวิกฤติของชาติในครั้งนี้ได้แก่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา,
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, ดร.อุตตม สาวนายน,นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ,นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ และดร.วิรไทสันติประภพ เชื่อว่าทุกๆ ฝ่ายต่างทำงานอย่างหนักวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะหมดไปและไทยกลับมาสู่ประเทศที่รุ่งเรืองก้าวหน้าในทวีปเอเชียอีกครั้งหนึ่ง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี