ถ้อยแถลงของพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวานนี้ จงใจที่จะไม่เอ่ยชื่อ “คนร้าย” ที่ก่อเหตุกราดยิงโคราช และไม่หลบเลี่ยงที่จะยอมรับปมปัญหาขัดผลประโยชน์ระหว่างตัว “คนร้าย” กับ “ผู้บังคับบัญชา”ที่ตกเป็นเหยื่อสังหารโหดรายแรก ทั้งยังให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าสะสางปัญหานี้ด้วยตนเอง
ประเด็นนี้ สำคัญ
ไม่ว่าใครจะชิงชังทหารแค่ไหน อย่างไร
แต่ถ้าไม่ต้องการเห็นพฤติกรรมเลียนแบบเหมือนในต่างประเทศพึงตระหนักว่า
การสะสาง ล้างบาง ดำเนินคดีกับวงการผลประโยชน์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่จะต้องทำ และจะต้องไม่เชื่อมโยงจนกลายเป็นการสร้างความชอบธรรมในมุมกลับให้กับ “คนร้าย” อันจะทำให้คนที่ “คิดเข้าข้างตัวเอง-ปกป้องตัวเอง” ว่าตนก็ตกอยู่ในภาวะเช่นนี้สามารถลงมือคล้ายๆ กันได้ เพื่อจะได้เป็นฮีโร่
จากท่าทีของ ผบ.ทบ. เชื่อว่าระมัดระวังในประเด็นนี้อยู่
แต่ท่าทีของสื่อบางสำนัก และการแสดงความเห็นของคนในโลกออนไลน์ กลับตรงกันข้าม โดยพยายามเชื่อมโยง ขับเน้น บางความเห็นอาจเข้าข่ายปลุกเร้า-ปลุกระดมให้ผู้ได้รับความอยุติธรรมให้วิธีการตามแนวทางนี้บ้าง
นี่คือสิ่งที่ทุกฝ่าย ควรต้องระมัดระวัง
1. ผบ.ทบ. ระบุว่า “สาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ ในเรื่องการซื้อขายที่ดิน แต่ในวินาทีที่ผู้ก่อเหตุลั่นไกปืนสังหารผู้บังคับบัญชา เขาคือ “อาชญากร” ไม่ใช่ “ทหาร” อีกต่อไป...ผมพร้อมจะใช้อำนาจของผู้บัญชาการทหารบกจนวันสุดท้ายที่อยู่ในตำแหน่ง เพื่อปราบขบวนการหน่วยร่วมกับพ่อค้าเป็นนายหน้าอย่างปัญหาการซื้อขายบ้านสวัสดิการทหารที่เกิดขึ้น มีการวิ่งเต้นกัน ซึ่งไม่อยากจะสาธยายมาก แต่มีข้อมูลไว้หมดแล้ว และภายในเดือนเมษายนนี้ตั้งแต่นายพลยันพันเอก หลายคนจะไม่มีงานทำอย่างแน่นอน หลายอย่างก็ได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีได้รับทราบแล้วว่าผมจำเป็นจะต้องจัดการ ผมไม่ถนอมตัวในปีสุดท้ายที่ผมยังอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ฉะนั้น ขอให้มั่นใจ...”
เป็นสัญญาประชาคมว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
สังคมจะต้องช่วยกันติดตาม
2.ข้อมูลที่ปรากฏออกสู่สาธารณะก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ความถูกต้อง
เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ สร้างบ้าน
แต่ใครโกงใคร แค่ไหน อย่างไร? ไม่ควรจะฟังความข้างเดียว หรืออารมณ์ ความเชื่อ ความสงสาร เข้าไปตัดสิน
ทั้งสองฝ่าย ต่างมีผลประโยชน์ส่วนตัว
ถามว่า มีการเอาเปรียบกัน หรือไม่? มีแน่นอน
แต่ถามว่า มีการโกงกันหรือไม่? ตัวเลขเป็นไปตามเรื่องที่กล่าวขานต่อๆ กันหรือไม่? แม้เชื่อว่ามีแนวโน้มสูง แต่ก็ควรให้มีการตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นทางการเสียก่อน
และไม่ว่าจะอย่างไร คนร้ายที่ลงมือสังหาร 29 คน ทำลายชีวิตผู้ไม่เกี่ยวข้องอย่างอำมหิต มันคือฆาตกร เป็นอาชญากรร้ายแรง ที่จะต้องถูกสาปแช่ง เพราะได้สร้าง “ความอยุติธรรม” แก่ชีวิตผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมสังหารหมู่ต่อไปอีกจำนวนมหาศาล เกินคณานับ
3.แต่ประเด็นสำคัญ คือ ผบ.ทบ. จะต้องสะสางตามคำมั่นที่ประกาศไว้ต่อสาธารณะ
ขณะเดียวกัน สื่อและสังคม ก็ไม่ควรไปเชื่อมโยงในเชิงเห็นใจหรือยกย่อง “อาชญากร 29 ศพ” เหมือนที่คนจำนวนหนึ่งพยายามทำอยู่ในโลกออนไลน์เวลานี้
ขออนุญาตเผยแพร่ข้อเขียนของ นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล แปลและเรียบเรียงจากบทความ (บางส่วน) ใน New York Times ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 ชี้ให้เห็นอันตรายและผลกระทบที่อาจเกิดจากการนำเสนอเรื่องราวของอาชญากรสังหารหมู่ให้โด่งดัง หรือชี้นำไปในทางเห็นอกเห็นใจ ดังนี้
“การสังหารหมู่ เป็นโรคระบาดชนิดหนึ่ง
การยิงกราดสังหารหมู่กำลังเป็นข่าวที่เคยชินมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันไม่ใช่แค่เพียงการระเกิดอารมณ์ของบุคคลอย่างเดี่ยวโดด แต่การกระทำแต่ละครั้งได้กลายเป็นพิมพ์เขียวของการกระทำต่อๆไป
ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันความรุนแรงกล่าวว่า ส่วนใหญ่แล้วผู้ก่อการสังหารหมู่ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับการกระทำลักษณะดังกล่าวก่อนหน้านั้นอย่างขะมักเขม้น การตีข่าวสาธารณะของเหตุการณ์รุนแรงแต่ละครั้งสามารถมีผลกระตุ้นนักฆ่าคนต่อไปให้ฮึกเหินและมุ่งหน้าไปสู่สิ่งนั้น
การสังหาร 9 ศพที่โรงเรียนชุมชนในโอเรกอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (ต้นตุลาคม 2015, ผู้แปล) เป็นคัมภีร์อย่างดีในเรื่องนี้ ก่อนทำการกราดยิง มือปืนชื่อคริสโตเฟอร์ ฮาร์เปอร์ เมอร์เซอร์ อายุ 26 ปีได้อัพโหลดวีดีโอเกี่ยวกับกรณีสังหารหมู่ปี 2012 ที่โรงเรียนประถมแซนดีฮุก ในนิวทาวน์ คอนเนกติคัต มาดู
มือสังหารที่แซนดีฮุกก็เรียนรู้มาจากการสังหารหมู่ก่อนหน้านั้น ในปี 1999 ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ ในโคโลราโด ซึ่งมีผู้ตาย 13 ศพ และกรณีในปี 2011 ซึ่งมีผู้ตาย 77 ศพ
หลังกรณีกราดยิงที่โอเรกอน 3 วัน FBI ได้เตือนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเรื่องจดหมายขู่ที่โพสต์อยู่ในเว็บไซต์ที่นายเฮอร์เปอร์เข้าไปใช้อยู่
แนวโน้มของการระบาดทางวัฒนธรรมต้องการการตอบสนองของสุขภาพชุมชนที่จะรับรู้แต่เนิ่นๆ และมีมาตรการป้องกัน อย่างเช่นการรณรงค์ที่ต่อต้านการกระทำดังกล่าว ขณะเดียวกันความพยายามแยกแยะและปรับสภาพผู้ที่มีแนวโน้มทางนี้ก็สามารถอำนวยความปลอดภัยให้ผู้คนได้
“เรากำลังจัดสมดุลสวัสดิภาพของสาธารณชนกับความเป็นส่วนตัวส่วนบุคคล” เจ. เรด มีลอย นักจิตวิทยาอาชญากรรมซึ่งให้คำปรึกษากับโรงเรียนและองค์กรต่างๆ กล่าว
มีบางคนกล่าวถึงบทบาทของสื่อมวลชน “ถ้าพาดหัวภาพหน้าของอาชญากรอย่างใหญ่โต และเอ่ยชื่อของเขาในสื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก นั่นจะทำให้อาชญากรรมของเขากลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับคนต่อๆไป” ดร.เดโบรา ไวส์บรอด รองศาสตราจารย์คลินิกทางจิตวิทยา มหาวิทยาลัยสโตนีบรูก ซึ่งรับคำปรึกษาวัยรับนับร้อยๆราย ที่มีประวัติความรุนแรง ออกความเห็น
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งปัญหาทางจิตใจเป็นมูลเหตุของการกระทำสังหารหมู่
ใครสักคนหนึ่งที่สนใจกลไกการสังหารหมู่ สามารถสร้างกระบวนการของตนได้อย่างง่ายดาย ด้วยการเข้าไปในอินเตอร์เนต โดยค้นหาข่าวรายงานเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย มีเว็บไซต์หนึ่งได้เรียบเรียงกรณีสังหารหมู่ทั่วโลกเอาไว้
มือปืนที่ก่อกรณีสังหาร 12 ศพ ในโรงภาพยนตร์ที่ออโรรา โคโลราโดปี 2012 มีแฟนคลับมากมาย
ง่ายมากที่จะดูกรณีของนายฮาร์เปอร์ เมอร์เซอร์ ทำไมจึงเลียนแบบมือปืนที่แซนดีฮุก คนทั้งสองอยู่กับแม่ซึ่งรักในเรื่องของปืนและมักจะไปสนามฝึกยิงปืนเพื่อซ้อมยิงบ่อยๆ แม่ของฮาร์เปอร์บอกว่าลูกของตนมีโรคแอสเปอร์เกอร์ซินโดรม (กลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติการทำงานของระบบประสาทจัดอยู่ในกลุ่มโรคออทิสติก ที่มีปัญหาทางพฤติกรรม, ผู้แปล) มือปืนที่แซนดีฮุก ก็เช่นเดียวกัน
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเสนอว่า การฆ่าหมู่ก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายของวัยรุ่น กรณีแบบนี้จะรวมตัวขึ้นขีดสูงเมื่อมีกรณีหนึ่งแล้วก็จะนำสู่อีกกรณีหนึ่ง
การวิเคราะห์กรณีสังหารนับร้อยๆครั้งระหว่างปี 1997 ถึง 2013 นักวิจัยพบว่ามีความเป็นไปได้ที่การสังหารแบบเดียวกันจะเกิดขึ้นในระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ข่าวสังหารใหญ่ข่าวหนึ่งแพร่สะพัดออกไป จึงมีการพูดถึงเรื่องของการออกกฎหมายให้สื่อมวลชนปรับปรุงวิธีเสนอข่าวให้เหมาะสม
ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายอาชญากรรม มหาวิทยาลัยเท็กซัส นายพีทแบร์กว่าว่า เริ่มรณรงค์ให้เห็นด้วยกับ FBI ที่เสนอกฎหมายว่า “ไม่ให้ออกชื่ออาชญากร”
ดร.มีลอยกล่าวว่า “ข้อสำคัญที่ให้หลีกเลี่ยงการลงภาพ และข้อความประเภท “สิงห์เดี่ยว” ซึ่งเป็นข้อความกระตุ้นใจวัยรุ่น“....”
4. เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืม คือ
อย่าหาความชอบธรรมให้อาชญากร
อย่าทำให้ฆาตกรกลายเป็นฮีโร่
กองทัพต้องสะสางปัญหาที่หมักหมม ตรงไปตรงมา
ขณะเดียวกัน เราก็ต้องตามแก้ไข “ความอยุติธรรมที่คนร้ายสังหารหมู่ก่อขึ้นมา” เพื่อมิให้ใครคิดกระทำชั่วร้ายแบบนี้อีก มิให้คนที่รักของเราทั้งหลายต้องเสี่ยงชีวิตกับเหตุการณ์พวกนี้อีก
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี