หลังการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อปี 2557 การเมืองของไทยในระบบรัฐสภาส่ออาการล้มเหลวในการเป็นองค์กรตัวแทนที่สำคัญของประชาชน
สภาผู้แทนราษฎร
ในสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมืองควรเป็นที่คาดหวังในการทำงานของผู้แทนราษฎร ดูจะพากันล้มเหลวทั้งพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคเก่าและพรรคใหม่ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
1)พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล (พรรคพลังประชารัฐ) จัดตั้งขึ้นโดยมีวาระซ่อนเร้นเพื่อเป็นฐานการสืบทอดอำนาจของทหารผู้ยึดอำนาจมา 5 ปี ด้วยการรวบรวม สส.ที่หลากสายพันธุ์หลากพฤติกรรมเข้าด้วยกัน โดยใช้ผลประโยชน์และอำนาจเป็นตัวดึงและดูดเข้าร่วมพรรค จึงได้สส. ที่มารวมกันในพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ตรงกัน คือเข้ามาเพื่อขอแบ่งอำนาจเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้าของตนเองและพรรคพวก
พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ภายใต้อำนาจเก่าที่ปกครองประเทศอยู่ย่อมจะได้รับเงินสนับสนุนอย่างง่ายดายจากธุรกิจขนาดใหญ่และผูกพันที่จะต้องตอบแทนเมื่อได้อำนาจรัฐอีกครั้ง
2)พรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนหนึ่งจะขอร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสม ไม่ว่าจะฝ่ายใด ขั้วไหนอุดมการณ์อะไร (พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น) เมื่อเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลก็ต่อรองเลือกสรรกระทรวงที่จะมีอำนาจ มีงบประมาณหรือมีความสัมพันธ์กับประชาชนในวงกว้าง
เมื่อไม่มีอุดมการณ์ในการเป็นพรรคการเมืองที่ชัดเจน สส. ของพรรคก็ทำหน้าที่เพียงสนับสนุนเล่นบทลูกหาบตามคำสั่งของหัวหน้าพรรคเจ้าของพรรคและวิป (whip –ผู้ลงแส้)
สส. ลูกหาบได้ฝากบัตรลงคะแนนให้ สส. อื่นช่วยกดบัตรลงมติโดยทุจริต ที่ตรวจพบชัดเจน มี 2 ราย เป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่งและที่ยังไม่พบก็อีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อความปรากฏต่อสาธารณะของการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แทนที่พรรคการเมืองนั้นจะลงโทษ สส. ผู้กระทำผิดและออกมาขอโทษประชาชน แต่พรรคการเมืองนี้กลับตำหนิผู้ลงมติโดยทุจริตว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่รอบคอบ ซึ่งมีความหมายว่าต่อไปหากเอ็งจะโกงก็ต้องรอบคอบแยบยลมากกว่านี้ ใช่หรือไม่
เมื่อการลงมติที่ทุจริตสร้างปัญหาความชอบของมติที่ลงใน พ.ร.บ. งบประมาณฯ ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่จะนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้ก็ได้แต่บิดเบือนประเด็นว่าความยุ่งยากที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผู้ตรวจสอบจับผิด และอ้างทำนองว่าการตรวจสอบจับผิดมีเบื้องหลังทางการเมือง
พรรคร่วมรัฐบาลก็พากันสร้างกระแสให้สังคมและตุลาการ ร.ธ.น. คล้อยตามว่าถ้า พ.ร.บ. งบประมาณฯต้องหยุดชะงักบ้านเมืองจะเสียหาย เพราะขาดเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ
3)พรรคการเมืองขนาดกลางที่ร่วมรัฐบาลพรรคเดียวกันนี้ ได้ใช้เงินและผลประโยชน์ชักจูงและซื้อ สส. พรรคอื่นที่ถูกยุบพรรคหรือ สส. ที่พรรคอื่นขับออกจากพรรค ให้เข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองนี้ ขนาดมีเทปเสียงชักชวนที่ปรากฏทั้ง 3 เทป
เทปแรก ชักจูงให้ สส. อนาคตใหม่มาเข้าร่วม 9 - 10 คน ยินดีจ่ายตอบแทนคนละ 23 ล้าน
เทปที่ 2 สส. ผู้ย้ายพรรคยอมรับว่าย้ายไปเพราะได้เงิน
เทปที่ 3 เป็นการชักชวนจาก สส. ที่เคยย้ายเข้าพรรคนี้ไปแล้วให้ย้ายเข้าไปโดยแย้มให้ไปเจรจาผลประโยชน์
โดยไม่สนใจว่าจะมีกฎหมายห้ามไว้ตาม พ.ร.ป. พรรคการเมืองมาตรา 30 อาจจะเพราะย่ามใจว่าเมื่อได้อำนาจนั้นแล้ว กกต. หรือ ป.ป.ช. ก็เป็นของพวกเรามีปัญหาก็คงจะหาทางออกได้
พรรคการเมืองพรรคนี้พยายามอธิบายให้สังคมได้เข้าใจว่า พรรคนี้มีจิตใจประเสริฐ ให้พักพิงแก่ สส. ที่ถูกขับออกจากพรรคหรือถูกยุบพรรค เพื่อจะได้มาช่วยกันทำงานโดยไม่รังเกียจพฤติกรรม อุดมการณ์และที่มาของ สส. เหล่านี้ขอให้เข้ามาเป็นฐานเสียงในสภาเป็นใช้ได้
ตามปกติ ตลาดนัดวัว ควายและสุนัข ผู้ซื้อยังต้องสืบประวัติ ดูสายพันธุ์ ดูพฤติกรรม ก่อนจะตกลงเลือกตัวที่จะซื้อแต่นี่พบว่าส่วนหนึ่งมีการจองตัวก่อนยุบพรรคและขอให้ชักชวน สส. คนอื่นๆ ตามเข้ามาขายตัวด้วยอีกส่วนหนึ่ง
การไม่จัดการเอาผิดกับ สส. ที่ทุจริตในการลงคะแนน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก และการซื้อหรือให้ประโยชน์อื่นใดเพื่อชักจูง สส. ให้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค เป็นเรื่องเลวร้ายขาดคุณธรรมจริยธรรมและผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่เคยได้ยินคำพูดที่แสดงจิตสำนึกของการรับผิดชอบ หรือสำนึกในความชั่วร้ายของพรรคการเมืองนี้แต่อย่างใด
4)พรรคเก่า (พรรคประชาธิปัตย์) ที่เคยประกาศยึดมั่นอุดมการณ์ไม่สนับสนุนเผด็จการหรือการสืบทอดอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ แต่ครั้งนี้ก็ยังเข้าร่วมรัฐบาลโดยมีเงื่อนไขว่า ต้องไม่มีการทุจริต ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และต้องนำนโยบายประกันรายได้ไปใช้
จึงน่าสนใจว่าพรรคการเมืองเก่าที่ผู้คนยกให้เป็นสถาบันทางการเมืองจะยอมละทิ้งอุดมการณ์ในครั้งนี้เพียงครั้งเดียว หรือจะเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ตลอดไป
คำอธิบายที่ยกขึ้นปลอบใจตัวเองและประชาชน ก็คือจะได้ทำงานเพื่อประชาชน จะได้ให้รัฐบาลสามารถจัดตั้งได้ในขณะนั้น และถ้าผิดเงื่อนไขก็จะถอนตัวไม่ขอร่วมรัฐบาล
แต่เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีเรื่องไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง โดยเฉพาะรัฐมนตรีบางคนที่มีคุณสมบัติประวัติที่ไม่เหมาะสม พัวพันยาเสพติดข้ามชาติ สังคมมองว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าการทุจริตเงิน-ทอง เสียอีก พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคนี้ก็ยังมีมติของบรรดา สส. ให้ไว้วางใจและบีบกดดันให้ สส. ทุกคนต้องไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป
มารยาทในการร่วมรัฐบาลกับการเกรงว่าจะมีการยุบสภา จึงถูกหยิบยกเป็นข้ออ้างที่น่าจะไร้น้ำหนัก แต่ประโยชน์ส่วนตนที่ซ่อนอยู่คือการได้อยู่ในตำแหน่งเสนาบดีและตำแหน่ง สส. น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญมากกว่า
นอกจากประธานสภาที่มาจากพรรคการเมืองนี้ ที่ยังคงแข่งขันเอาจริงในหน้าที่แล้ว สมาชิกพรรคก็จะดูเหงาหงอย ไม่มีบทบาทไม่ได้แสดงฝีมือเหมือนในอดีต ยิ่งไปกว่านั้นยังมี สส. บางคนเป็นขุนพลอยพยักองครักษ์พิทักษ์รัฐบาลทหารไปด้วย
ล้มฝ่ายค้านพรรคหนึ่ง อีกพรรคล้มตัวเอง
แม้ฝ่ายค้านจะไม่ได้เป็นฝ่ายบริหารราชการแผ่นดิน แต่การเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารและร่วมตรากฎหมายบังคับให้ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญ
1) พรรคการเมืองเกิดใหม่ (พรรคอนาคตใหม่)ตายไปจากทะเบียนการเมืองไทย ด้วยอายุการงานเพียงไม่ถึง 2 ขวบปี จะเป็นเพราะเติบโต พรวดพราด รวดเร็ว ก้าวกระโดดและก้าวร้าว สร้างความตระหนกวิตกกังวลใจกับอำนาจเก่า
ประเด็นกฎหมายที่อำนาจเก่าสร้างขึ้น จึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเครื่องมือประหารไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณสมบัติของหัวหน้าพรรค การดำเนินการหาทุนของพรรค เป็นปมสู่การประหาร ด้วยพลานุภาพ และอภินิหารของกฎหมายและองค์กรที่สร้างขึ้น
2) พรรคฝ่ายค้านขนาดใหญ่ (พรรคเพื่อไทย)ที่เป็นแกนนำฝ่ายค้าน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเล่นบทไม่สมจริงเหมือนนักมวยที่คุยโว เสียงดัง ตีกิน ถึงเวลาชกก็ชกถูกบ้างผิดบ้าง ใช้ลีลา ฟุตเวิร์กจนหมดเวลา
สุดท้าย เป้าใหญ่ที่อ้างว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่เหลือเวลาที่จะได้อภิปราย ถ้าจะอ้างว่าพรรคการเมืองใหญ่พรรคนี้ ไม่สามารถควบคุมจัดสรรเวลาการอภิปรายได้ก็แสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพไร้ฝีมือ และที่ตอบไม่ได้ก็คือทำไมเก็บเป้าใหญ่คนสำคัญไว้เป็นคนสุดท้าย แล้วเตะถ่วงเวลาจนหมดเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ข่าวคราว เรื่องการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อไม่ให้มีการอภิปรายเป้าใหญ่ที่เกิดก่อนหน้านั้น จึงมีน้ำหนักมากขึ้น และทำให้พรรคนี้ขาดความน่าเชื่อถืออีกต่อไป
3) พรรคฝ่ายค้านขนาดเล็ก ซึ่งมี สส.ไม่กี่คน แต่ก็ไม่สามารถควบคุมกันเองได้ บ้างก็แตกไปร่วมโหวตให้รัฐบาล ทั้งๆ ที่ มีชื่ออยู่ฝ่ายค้าน บางพรรคก็ยุบพรรคตัวเอง เพื่อให้ สส. ไปรวมกับพรรคใหญ่ แม้จะรู้ว่ากฎหมายห้ามไม่ให้ควบรวมพรรคการเมืองหลังจากการเลือกตั้งแล้วก็ตาม แต่ก็อาศัยช่องว่างช่องโหว่ของกฎหมายทำจนได้
การเมืองภาคตัวแทนในนามของพรรคการเมืองที่ทำงานในสภาจึงเละเทะ ทำงานแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อประโยชน์ของตนเองอย่างเห็นแก่ตัวไปวันๆ
วุฒิสภาก็หวังไม่ได้
วุฒิสภาถูกออกแบบโดยรัฐธรรมนูญให้มีอำนาจมากสามารถเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งหมายความว่าสมาชิกวุฒิสภามีส่วนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล แต่สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน ก็มาจากการแต่งตั้งของ คสช. จึงคาดหวังไม่ได้ที่จะให้วุฒิสภาตรวจสอบถ่วงดุลในอำนาจหน้าที่ไม่ได้
และที่ผ่านมาเกือบปี ก็พบว่าไม่มีใครสนใจที่จะฝากความหวังกับวุฒิสภา
ความเลวของ 2 ระบอบผสมเป็นการเมืองไทย
ข้อดีของการเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยกลไกรัฐสภา ก็คือการมีส่วนร่วมของตัวแทนประชาชนเพื่อให้มีการตรวจสอบถ่วงดุล ผู้บริหารประเทศจะได้ความคิดที่หลากหลายเพื่อพัฒนานำพาสังคมไทย ภายใต้ต้นทุนของประชาชนที่มากมายที่ต้องจ่ายภาษีเพื่อให้มีการเลือกตั้ง และมีค่าใช้จ่ายในการทำงานของรัฐสภาอย่างมหาศาล
ข้อดีของเผด็จการ คือ รวดเร็ว บ้านเมืองดูสงบ ไม่มีความขัดแย้ง เพราะถูกกดไว้ภายใต้การปกครองของผู้มีอำนาจ แต่ข้อเสียก็คือเป็นการยากที่จะได้เผด็จการโดยธรรม ผลประโยชน์และอำนาจมักจะกระจุกตัวอยู่กับผู้มีอำนาจ ธุรกิจบางกลุ่มและคนบางประเภท
ขณะนี้ ประเทศไทยของเรากำลังผสมผสานความเลวของ 2 ระบบเข้าด้วยกัน คือ มีเผด็จการที่สืบทอดอำนาจในระบบรัฐสภาจากการเลือกตั้ง จึงนำความเลวของ 2 ระบบ มาผสมผสานกัน
คือ ได้อำนาจและผลประโยชน์กระจุกตัวกับคนบางกลุ่ม แต่มีรัฐสภาและการเลือกตั้งที่เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี