บรรยากาศช่วงนี้คงไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับปัญหา COVID 19 ที่ยังไม่มีท่าทีจะหยุดยั้งความรุนแรงระดับโลก กระจายไปกว่า 150 ประเทศ และกำลังไปยังทวีปที่น่ากลัว เช่น แอฟริกา หากเป็นอย่างนี้เกิน 3 เดือน ถ้าไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น
ตัวผมเองก็ต้องเรียนรู้ ปรับตัวแบ่งปัน ผ่านช่องทาง เช่น FB วิทยุ 96.5 MHz ทีวี TGN ผ่านบทความแนวหน้า ผมจะใช้ช่องทางเหล่านี้ อาจจะช่วยได้บ้างที่สำคัญคือให้ความจริงและมีวินัยของตัวเอง ไม่จำเป็นก็ไม่ออกข้างนอก อยู่บ้าน แต่ทำงานกับทีมออนไลน์
สิ่งแรก ข้อดีของวิกฤติครั้งนี้ต่อประเทศไทย หวังว่าคนไทยจะได้ปรับตัวเรียนรู้ มีวินัย อย่าใช้ชีวิตแบบเดิมๆ อย่างประมาทและโลภต่อไปไม่ได้แล้วและหาโอกาสแบบไม่ซื่อตรงต่อวิกฤติ
เพราะถ้าเรามี Pain (ความเจ็บปวด) อยู่กับความเจ็บปวดได้วันหนึ่งเราก็จะมี gain หรือความสำเร็จได้
ที่อยากจะเน้นคือ การแก้ปัญหาของ COVID-19 จะต้องร่วมมือกันในระดับโลกเพราะถ้าโลกไม่ร่วมมือกันก็ไม่มีทางแก้ไขได้
มีปรากฏการณ์ที่เห็นใน 4 ปีที่ผ่านมาโลกของทรัมป์ เน้น American First ถ้าไม่มี COVID-19 คนในอเมริกาส่วนหนึ่งคงพอใจในวิธีการแบบทรัมป์ แต่บัดนี้คงไม่ใช่แล้ว โลกต้องร่วมมือกันเพราะถ้าไม่ร่วมกันก็แก้ปัญหาไม่ได้
ยกตัวอย่าง เช่น ปัญหาของอิตาลี ถ้า EU หรืออเมริกาก่อน 4 ปีที่แล้ว มีการระดมช่วยวิกฤตการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้อิตาลีรับอยู่ประเทศเดียวอย่างในปัจจุบัน เพราะปัญหาโรคระบาดในอิตาลีเร็วมาก การแพทย์รับไม่ไหว ขาดเครื่องมือแพทย์ โดยเฉพาะห้อง ICU เครื่องช่วยหายใจและขาดบุคลากรทางการแพทย์
ถ้าเป็นยุคโอบามา และ EU ช่วยอิตาลีตั้งแต่แรกคงจะดีกว่านี้ไม่ลุกลามไปประเทศอื่นๆ ยังดีพอจีนดีขึ้นก็ช่วยอิตาลีได้บ้างในเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์
สี จิ้น ผิง มีความเชื่อว่าจีนต้องทดแทนสหรัฐในการเป็นผู้นำในโลกาภิวัตน์
ยุคโอบามา ส่ง CDC : Centers for Disease Control หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา ไปช่วยคองโกทำให้ไวรัสอีโบลาหยุดกระจายไปยังทวีปอื่นๆ เพราะถ้าไวรัสอีโบล่า กระจายไปทวีปอื่นๆ ได้จะสร้างปัญหามากเพราะเป็นโรคระบาดที่อัตราคนตายถึง 50%
ในยุคทรัมป์สนใจแต่ประเทศตัวเอง ไม่มีความเข้าใจว่าโลกต้องเชื่อมโยงกันและยังคิดว่า COVID-19 ไม่สำคัญ เดี๋ยวก็หายไปเอง ซึ่งบัดนี้ COVID-19 ขยายอย่างในอเมริกา ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 13,677 และเสียชีวิต 200 คน
ผมผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง วิกฤติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยคือเรื่อง เศรษฐกิจยุคต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างสูง เพราะความโลภ แบงก์ไทยไปกู้ต่างประเทศมาในดอกเบี้ยราคาต่ำ กว่าดอกเบี้ยในประเทศ บริษัทในไทยก็กู้ ต้นทุนดอกเบี้ยถูกมาก แต่ไม่รอบคอบกับความเสี่ยง พอค่าเงินบาทถูกโจมตีเพราะดุลย์บัญชีเดินสะพัดไทยขาดดุลย์มาก เงินทุนนอกไหลเข้ามา ทำให้เศรษฐกิจ ประเทศไทยถูกโจมตีและป้องกันค่าเงินไม่ไหว จึงต้องลอยตัว อัตราการแลกเปลี่ยนจาก 25 บาท เป็น 50 บาทกว่าต่อดอลลาร์ธุรกิจที่กู้มาก็เจ็บทุกๆ รายเพราะจ่ายเงินคืนไม่ได้ในอัตรา 50 บาทต่อดอลลาร์
แต่วิกฤติครั้งนั้นประเทศไทยแก้ได้ เพราะคุณชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี กล้ากู้จาก IMF เพื่อเอาพยุงการเงินของไทยและลดค่าใช้จ่ายในประเทศ ใช้นโยบายประหยัดงบประมาณ ช่วยให้สภาพคล่องดีขึ้น การส่งออกกระเตื้องขึ้น ในที่สุดระบบเศรษฐกิจไทยก็ฟื้นได้ แต่ธุรกิจดีๆล้มไปมาก บริษัทเงินทุนปิดไปกว่า 60 แห่ง และธนาคารก็ล้มไปหลายแห่ง
แต่เพราะรัฐบาลคุณชวนมีความสามารถในการประหยัดงบประมาณรัฐบาล แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเป็นทักษิณก็คุยว่าจ่ายคืนให้ IMF สำเร็จในรัฐบาลคุณทักษิณ ความจริงรัฐบาลคุณชวนได้จ่ายคืน IMF ไปจำนวนมากแล้ว คาดว่าเหลือไม่ถึง 20-30% แต่คุณทักษิณก็บอกกับประชาชนว่า ปลดหนี้จาก IMF แล้ว
ชมเชยคุณทักษิณที่มารับปัญหาต่อจากคุณชวนทำได้ดี คือปรับการประนอมหนี้และปรับโครงสร้างหนี้โดยระหว่างแบงก์กับธุรกิจ ซึ่งช่วยได้ระดับหนึ่ง เฉพาะธุรกิจใหญ่ๆ แต่ธุรกิจเล็กๆทำได้ยาก ทำให้คนไทยที่ทำธุรกิจ ระดับกลางและระดับล่างล้มหายไปมาก เหลือแต่ธุรกิจใหญ่เป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำมาในปัจจุบัน
วิกฤติอีกอย่างที่ผมผ่านมาคือวิกฤติการเมือง ช่วงปี 2552-53 เสื้อเหลือง เสื้อแดง ซึ่งไปสู่การต่อสู้ มีการเผา มีการใช้คนชุดดำ มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ในที่สุดก็ผ่านมาได้ ในที่สุดประเทศไทยก็ผ่านวิกฤติเสื้อเหลือง เสื้อแดงมาได้ โดยมีการเสียเลือดเสียชีวิตมาก
วิกฤติอีกครั้งคือวิกฤติในอเมริกา ที่เรียกว่า Hamburger Crisis ซึ่งกระทบเศรษฐกิจอเมริกาและมากระทบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ยุคนั้นรัฐบาลไทยภายใต้การนำของคุณอภิสิทธิ์ก็แก้วิกฤติผ่านมาได้
มาตรการทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะใช้ในช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
1.กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
2.เพิ่มการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ
3.ช่วยเหลือและส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน
4.บรรเทาภาวะหดตัวภาคส่งออกและท่องเที่ยว
คราวนี้ COVID-19 ทุกๆ คนในประเทศไทยต้องช่วยกันแก้เพราะเป็นโรคระบาดที่ผมใช้คำว่า โลกาภิวัตน์ทางลบเรื่องสุขภาพ เกิดขึ้นเพราะโลกเชื่อมโยงกันมา แต่วิธีการแก้ต้องให้โลกช่วยเหลือกันไม่มีใครคิดว่าภายใน 2 เดือน คนในโลกจะประสบความทุกข์แบบทุกวันนี้ กระจายไปกว่า 150 ประเทศ เริ่มที่อู่ฮั่นและกระจายไปเอเชียที่เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย (ส่วนน้อย) แต่พอกระจายไปอิตาลีก็ไปยุโรป ไปสหรัฐอเมริกา ลุกลามอย่างน่ากลัว ยังไม่มีท่าทีจะหยุด สหรัฐวันเดียวเพิ่ม 1,000 คน ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 13,677 และเสียชีวิต 200 คน
ผู้นำอย่างทรัมป์ ช่วงแรกก็ประมาท คิดว่าไม่สำคัญ พอจำนวนผู้ป่วยในสหรัฐสูงขึ้นมาก บัดนี้เริ่มเห็นปัญหาแต่อาจจะสายเกินไป เพราะขาดภาวะผู้นำที่จะช่วยโรคระบาดให้หยุดลงได้ และไม่สนใจเรื่องการแพทย์ มุ่งแต่เรื่องคะแนนเสียง
ผมจึงขอให้คนไทยทุกคนอย่าประมาท รักษาตัวเองอย่าให้เป็นพาหะหรือกระทบกับพาหะ กระจายไปหลายๆ กลุ่ม ซึ่งบัดนี้นายกฯประยุทธ์ก็ต้องมีวิธีการทำงานเด็ดขาดแสดงความเป็นผู้นำอย่าให้เกิดการหาประโยชน์จากโรค COVID-19 เช่น เรื่องหน้ากากอนามัย และการให้สื่อสารชัดๆ อย่าให้คนไทยสับสน
แต่ผมคิดว่า คนไทยวันนี้มีผลกระทบอย่างมาก เพราะกลัวด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจ ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มพุ่งขึ้นอย่างน่ากลัวตัวเลขผู้ติดเชื้อจาก 212 คน เป็น 247 คน เสียชีวิต 1 คน
เพราะความกลัวจากการที่ COVID กระจายไปทั่วโลกทำให้คนไทยต้องปรับตัวคือเน้นคำว่า Social Distancing คือห่างกันทางสังคม ซึ่งเป็นวิธีขัดแย้งกับคนไทย เพราะคนไทยชอบอยู่ด้วยกันชอบสังสรรค์ ชอบไปทางเหล้าด้วยกัน ชอบดูมวยด้วยกัน ถ้าจะแก้วิกฤติก็ต้องปรับตัวให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
การเชื่อมโยงกับโลกภายนอกก็จะมีอุปสรรคมากขึ้น การท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ มีการควบคุมมากขึ้น ปัญหาเศรษฐกิจก็จะตามมาอย่างรุนแรง แต่จะรุนแรงแค่ไหน สุขภาพต้องมาก่อน
ถ้าคนไทยปรับตัว คิดถึงเรา (We) ไม่ใช่ฉัน (ตัวเอง) เช่น กลุ่มคนหนุ่มสาวที่ชอบเที่ยวกินเหล้าหรือชอบไปสนามมวย คนไทยทุกคน ทุกกลุ่มก็ต้องช่วยกัน เฝ้าดูคนไทยที่น่าสงสัย รอเฉพาะภาครัฐคงไม่พอ สังคมไทยต้องช่วยกันดูแล มีวินัย ข้อดีคือคนไทยมักต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอดในสถานการณ์ที่คับขัน ครั้งนี้พิสูจน์อีกครั้งว่าจะรอดร่วมกันหรือไม่
รัฐบาลก็ต้องโปร่งใสทำงานร่วมมือกันโดยเอาทุกฝ่ายมาร่วมกันรวมทั้งฝ่ายค้าน เน้นพลังสามัคคีร่วมกันในยุควิกฤติที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่าเน้นเล่นการเมือง ผมคิดว่าในที่สุด ถ้าคนไทยปรับตัวได้และคิดถึงประเทศ หาความรู้ ฟังสิ่งที่ถูกต้องไม่ฟังข่าวปลอม วิกฤติประเทศไทยก็จะผ่านไป
เศรษฐกิจในช่วงวิกฤติและหลังจากวิกฤติคงหนัก แต่ถ้า COVID-19 หยุดกระจาย รัฐบาลก็คงจะช่วยเยียวยาและกลับมาได้แต่ถ้ายังมีโรคระบาดไปเรื่อย เยียวยาก็ไม่ได้ผล อะไรจะเกิดขึ้น?
“กรุงศรีอยุธยา ไม่สิ้นคนดี” ผมขอให้กำลังใจครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
ขอแสดงความยินดีกับหนังสือพิมพ์แนวหน้า ก้าวสู่ปีที่ 41 แล้ว ขอให้อยู่คู่คนไทยตลอดไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี