“อันสตรี ไม่มีศีล ก็สิ้นสวย
บุรุษด้วย ไม่มีศีล ก็สิ้นศรี
ภิกษุสามเณรเล่า ไม่มีศีล ก็สิ้นดี
ข้าราชการและผู้บริหาร ศีลไม่มี ก็เลวทราม”
จากหนังสือสวดมนต์ วัดธาตุทอง
ยกกลอนบทนี้มากล่าวนำในวันนี้ ก็เพื่อจะบอกให้รู้ว่า คนเรานั้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือเป็นชาย เป็นพระสงฆ์สามเณรนุ่งห่มเหลือง หรือเป็นข้าราชการทุกหมู่เหล่ารวมถึงผู้บริหารงานทุกระดับ ความงดงามสะสวยไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าแพรพรรณอันวิจิตร หรือการมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต มีอำนาจสูงส่งแต่อย่างไร หากแต่อยู่ที่ตัวของผู้นั้นเองว่าเป็นคนมีศีลธรรมอันดี
ในการประพฤติปฏิบัติตนถูกต้องตามทำนองคลองธรรม มีจิตใจที่ได้รับการอบรมบ่มเพาะในเรื่องคุณธรรมอย่างไรหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแสงสว่างที่สามารถส่องให้เห็นความควร ไม่ควร ในการปฏิบัติตนว่าจะต้องทำอย่างไร
ถ้าไม่มีคุณธรรมศีลธรรมก็สิ้นสวยสิ้นศรีสิ้นดีและเลวทรามนั่นเอง ต่อให้สวมใส่เสื้อผ้าสวยงามราคาแพง นุ่งห่มผ้าเหลือง หรือมีตำแหน่งสูงใหญ่แค่ไหนก็ตาม
บ้านเมืองยังคงย่ำแย่อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องอย่างนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกครอบงำด้วยเรื่องเลวร้ายที่เกิดจากการกระทำของคน โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ ต่างๆ ในการปฏิบัติงานให้กับบ้านเมืองและผู้คนทั้งหลาย โดยไม่ยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก แต่คอยคิดแต่จะหาผลประโยชน์ให้กับตนหรือพรรคพวกตลอดเวลา อย่างที่ทำกันมาและคาราคาซังถึงทุกวันนี้จาก “ระบอบทักษิณ” จนบ้านเมืองแทบย่อยยับต่อเนื่องมาถึงขณะนี้ แต่ก็ยังแก้ไขให้เข้ารูปเข้ารอยอะไรไม่ได้ เพราะทำไปทำมาแล้วเหมือนกำลังจะซ้ำรอยเดิมอีก คือเพลิดเพลินกับอำนาจที่มีในมือจนหลงทิศหลงทางที่จะมุ่งตรงไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
เสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องจนขาดความร่วมมือ
ทำให้ผู้มีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองตกอยู่ในสภาพของการเป็นผู้ขัดแย้งกับผู้เคยเป็นมิตรมาโดยตลอด นำไปสู่ความไม่ร่วมมือ ความหวาดระแวงซึ่งจะมีผลตามมาในเรื่องความแตกแยกให้เกิดมากขึ้นตามลำดับ
ลองหันไปดูเหตุการณ์ในอดีตที่เกี่ยวกับเรื่องอย่างนี้บ้างว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากปัญหาด้านความขัดแย้งเชิงความคิด
และผลประโยชน์ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจและสังคม ในห้วงเวลาที่ผ่านมาระหว่างประชาชนกับผู้มีอำนาจ ซึ่งได้ก่อให้เกิดความแตกแยกและการเผชิญหน้าในระดับประชาชนและสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องทั้งทางด้านความคิดและด้านการปฏิบัติ ที่นำไปสู่เหตุการณ์เผชิญหน้าระหว่างประชาชนกลุ่มต่างๆ ถึงขั้นเกิดจลาจล นองเลือด ประกอบกับปัญหาวิกฤติด้านเศรษฐกิจทั้งจากปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอกก็มีความรุนแรงขึ้นจนยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
มีการออกมาต่อสู้กับผู้มีอำนาจอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไร เป็นเหตุการณ์ที่เป็นบทเรียนอย่างดีในการบริหารบ้านเมืองขณะนี้
เฉพาะอย่างยิ่งในอดีตที่ผ่านมานั้น แม้จะมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น แต่ก็มิได้ก่อให้เกิดความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ หรือเมื่อมีวิกฤติทางเศรษฐกิจ แต่ก็มิได้ก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยกทางการเมืองและทางสังคมอย่างรุนแรงเช่นในปัจจุบัน ซึ่งกำลังเกิดภาวะวิกฤติพร้อมๆ กัน และสัมพันธ์กันทั้งสองด้านเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในบ้านเมืองขณะนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การขาดการยอมรับเชื่อถือจากนานาอารยประเทศ และอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงปลอดภัยของประชาชนคนไทย ทั้งทางด้านกายภาพและด้านจิตใจ อันเป็นเหตุแห่งความหายนะวุ่นวายตามมาในที่สุด
การจะยับยั้งความรุนแรงและแก้ปัญหาดังกล่าวให้บรรเทาเบาบางลง ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทุกภาคส่วนของบ้านเมือง โดยเฉพาะข้าราชการทุกหมู่เหล่าและผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการบ้านเมืองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานด้วยความจริงใจต่อส่วนรวม และต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชน
อย่าข่มขู่ผู้คนด้วยอำนาจตะพึดตะพือ
ต้องรู้จักว่าบ่อเกิดแห่งความโง่ที่คอยปิดกั้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของมนุษย์เรานั้น มีด้วยกัน 5 ประการ คือ ความประมาท ความดื้อ ความยโส ความหยิ่ง และ ความอวดดี
ประมาท คือความโง่ที่จะพาสู่ความฉิบหาย
ดื้อ คือความโง่ที่ไม่รับความจริงที่ดีกว่า
ยโส คือความโง่ที่หลงทาง
หยิ่ง คือความโง่ที่หลงฝัน
อวดดี คือความโง่ที่หลงโลก
ความโง่ 5 ประการดังกล่าวข้างต้น เป็นอันตรายสำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวไม่เท่ากัน ใครมีน้อยก็อันตรายน้อยหน่อย ใครมีมากก็มีอันตรายมากหน่อย แต่ถ้าใครมีครบทุกข้อก็จองวัดได้เลยว่าจะสวดสักกี่วัน
ผู้มีอำนาจทั้งหลายที่ใช้อำนาจไม่เป็นนั้น ต้องรู้จักขับไล่ความโง่ทั้ง 5 ประการดังกล่าว ให้หลุดไปจากตัวเองบ้าง เพราะตราบใดที่ยังเก็บไว้เป็นคุณสมบัติประจำตัว ตราบนั้นนอกจากจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของตนเองแล้ว ประเทศชาติบ้านเมืองจะพลอยรับเคราะห์ไปด้วยในที่สุดจากคุณสมบัติที่ว่านี้
น.ต.ประสงค์ สุ่น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี