หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กลุ่มพันธมิตรในยุโรปที่มีอังกฤษ ฝรั่งเศส เป็นตัวนำก็อ่อนแอลง ในขณะที่สหรัฐผงาดขึ้น ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับอังกฤษและฝรั่งเศสรวมทั้งประเทศทั้งหลายในยุโรป
หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง แม้สัมพันธมิตรจะเป็นฝ่ายชนะแต่ก็ย่อยยับ สิ้นเนื้อประดาตัว แต่ละชาติยับเยินตามๆ กัน กลายเป็นชาติที่อ่อนแอไม่สามารถที่จะเป็นผู้นำของโลกได้อีก ในขณะที่ฝ่ายอักษะซึ่งเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็ต้องถูกบังคับขับไสจนโงหัวไม่ขึ้น
ในสถานการณ์เช่นนั้นสหรัฐได้ผงาดขึ้นเป็นผู้นำโลกอย่างเต็มภาคภูมิ ในฐานะที่เป็นผู้กอบกู้สันติภาพให้กับโลกในฐานะที่เป็นผู้นำแห่งสันติภาพและมนุษยชนให้กับชาวโลกและเป็นผู้นำแห่งความมั่งคั่งของโลก ที่สำคัญคือดอกผลของชัยชนะในสงครามโลกของพันธมิตรนั้น สหรัฐได้เก็บเกี่ยวและได้รับประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะคือการกวาดต้อนเอายอดนักคิดนักวิทยาศาสตร์ของโลกไปเป็นกำลังทางความคิดและภูมิปัญญาของชาติได้อย่างถึงที่สุด
หลังจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐได้พลิกผันตนเองเป็นผู้นำของโลกและเสริมสร้างแสนยานุภาพครอบงำโลกโดยการจัดตั้งฐานทัพทางบกถึง 800 แห่ง และจัดตั้งกองเรือถึง 10 กองเรือ ปกป้องคุ้มครองสองฝั่งทวีปของอเมริกา และวางกำลังในทุกมหาสมุทรของโลก โดยเฉพาะมหาสมุทรแปซิฟิกมหาสมุทรอินเดีย ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไปจนถึงทะเลเหนือ และมหาสมุทรในทวีปอาร์กติกและแอตแลนติก
สหรัฐได้ครอบงำสหประชาชาติอย่างเบ็ดเสร็จ และได้ตั้งองค์กรที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมืออย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการก่อตั้งระบบการเงินของโลกและระบบการค้าของโลก ตลอดจนสิ่งที่เรียกว่า “มาตรฐาน” ที่จะใช้ประดุจเชือกร้อยจมูกวัวควายทั้งหลายให้อยู่ในร่องในรอยและอยู่ใต้บังคับ
ในขณะที่รัสเซียก็พยายามแข็งข้อต่อสู้ เพราะรัสเซียนั้นก็เป็นประเทศมหาอำนาจที่ไม่เคยพ่ายแพ้ใครในประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน จึงก่อเกิดความขัดแย้งเป็นสองค่ายคือค่ายประชาธิปไตยกับค่ายคอมมิวนิสต์ และในที่สุดก็กลายพันธุ์มาเป็นค่ายนาโตที่สหรัฐเป็นผู้นำ กับค่ายองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่มีรัสเซีย จีน เป็นผู้นำในปัจจุบันนี้
เพราะปริมาณของฐานทัพทั้งทางบก ทางเรือ มากมายเช่นนี้ก่อให้เกิดความจำเป็นในการใช้จ่ายงบประมาณในระดับสูงสุดที่ระบบเศรษฐกิจไม่สามารถรองรับได้ ดังนั้นการเข้ายึดครองทรัพยากรต่างๆ ของโลก โดยเฉพาะน้ำมัน จึงเป็นกลยุทธ์หลักเพื่อสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายทางการทหาร จึงเป็นสาเหตุของความขัดแย้งหลักของโลกขึ้นในทุกภูมิภาคที่มีแหล่งน้ำมัน
พัฒนาการเป็นไปตามกฎวิทยาศาสตร์สังคม คือเมื่อมีการกดขี่ก็มีการต่อสู้ ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นทั่วโลกในลักษณะต่างๆ กัน และขยายตัวออกไปจากความขัดแย้งทางด้านแสนยานุภาพ สู่ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การค้า วัฒนธรรม สื่อมวลชน และสารพัดที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่าสงครามพันทางขึ้นอีกชนิดหนึ่งเพื่อเป็นเครื่องมือในการโค่นล้มอำนาจรัฐบางประเทศ โดยไม่ต้องใช้กำลังทหารเข้ารุกรานอย่างเปิดเผย
มาตรการคว่ำบาตร มาตรการแซงก์ชั่น มาตรการลดความเชื่อถือโดยข้อหาว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มาตรการกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรุกราน และกลายเป็นสมรภูมิในการต่อสู้ระหว่างค่ายเพิ่มขึ้น
แต่ในที่สุดการแตกตัวก็เกิดขึ้นเพราะบรรดาประเทศทั้งหลายที่ถูกข่มเหงกดขี่ในรูปแบบต่างๆ นั้นได้หันเหเทไปร่วมมือกัน ทำให้องค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้เติบโตเข้มแข็งในทุกด้าน โดยเฉพาะความโดดเด่นของรัสเซียในเชิงการทหาร และความยิ่งใหญ่ของจีนในด้านการค้า
ดังนั้นจึงมีการเปิดแนวรบใหญ่เพื่อสยบรัสเซียในทางแสนยานุภาพแต่ไม่สำเร็จ เพราะเทคโนโลยีทางการทหารของรัสเซียก้าวล้ำหน้าไปหลายสิบปี จึงมุ่งสยบจีนด้วยพื้นฐานความคิดทางยุทธศาสตร์ว่า ความเติบใหญ่ทางเศรษฐกิจของจีนนั้นไม่เพียงแต่กดข่มสหรัฐในทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ค้ำจุนความเข้มแข็งของรัสเซียด้วย และยังขยายไปถึงกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ที่สำคัญด้วย โดยเฉพาะอิหร่านและเกาหลีเหนือ
สภาพเช่นนั้นประเทศจีนจึงตกเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่จะทำลายให้ยับเยินให้จงได้ ดังนั้นสามแนวรบเพื่อสยบประเทศจีนจึงเกิดขึ้น เปิดฉากด้วยสงครามทางการค้า ตามมาด้วยสงครามชีวภาพในชื่อไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งขณะนี้ก็คือไวรัสโควิดประสานด้วยการเคลื่อนย้ายแสนยานุภาพทางการทหารเข้ามายังแปซิฟิกอย่างขนานใหญ่ โฉมหน้าไปที่ทะเลจีนใต้ในยามที่จีนสาละวนกับการรับมือของการแพร่ระบาด
แต่เป็นที่อัศจรรย์ใจของชาวโลกที่ประเทศจีนภายใต้การนำของประธานสี จิ้น ผิง กลับสามารถรับมือกับสามแนวรบนี้ได้อย่างนุ่มนวล ประหนึ่งใช้วิธีไทเก๊ก ใช้อ่อนสยบแข็ง ใช้ยืดหยุ่นสยบแกร่ง ใช้หยินสยบหยาง แต่แท้จริงก็คือการใช้ปรัชญาแห่งลัทธิมากซ์-เลนิน ความคิด เหมา เจ๋อ ตุง และปรัชญาความคิดของสี จิ้น ผิง ในสถานการณ์ปัจจุบันเอง
ประธานสี จิ้น ผิง ประกาศทำสงครามต่อต้านสงครามยืดเยื้อทางการค้า ประกาศถือเอาความปลอดภัยในชีวิตของชาวจีนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เข้ารับมือกับสงครามการค้าและการแพร่ขยายของไวรัสโควิด
ภายใต้การนำที่ถูกต้องมีประสิทธิภาพของประธานสี จิ้น ผิง ประเทศจีนสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของไวรัสได้อย่างรวดเร็วในชั่วเวลาแค่สองเดือน ในขณะที่สามารถสยบการเคลื่อนไหวทางการทหารในแปซิฟิกให้สลายไปได้โดยไม่ต้องประมือ และในที่สุดก็สามารถสยบสงครามทางการค้าได้อย่างงดงาม
การปรับเปลี่ยนวงโคจรของดาวเทียมดวงหนึ่งของจีนในช่วงที่สหรัฐเคลื่อนกองเรือใหญ่สองกองที่มีอาวุธทันสมัยที่สุด ที่ทหารทุกคนแต่งชุดเครื่องแบบสงครามชีวภาพ ไปอยู่ในจุดที่สามารถควบคุมความเคลื่อนไหวทั้งหมดในแปซิฟิกได้ทำให้ระบบบัญชาการของกองเรือทั้งสองเกิดปัญหาจนต้องล่าถอยหายไป โดยไม่มีการปะทะหรือสู้รบกันในทะเลจีนใต้ หรือทะเลเหลืองแต่ประการใด
การปิดประเทศ ปิดสายการบินเข้า-ออก และการหยุดการผลิตทั่วประเทศในช่วงแรกเริ่มของการแพร่ระบาด ทำให้ supply chain เครื่องอุปโภคบริโภคและอาหารที่สหรัฐรับจากจีนและใช้เป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้ากับจีนต้องหยุดชะงักทั้งหมด
หลังจากจีนสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของไวรัสได้จีนก็พลิกบทบาทเป็นประเทศที่ให้การช่วยเหลือประเทศต่างๆ ที่ไวรัสแพร่ระบาด โดยใช้ความคิดหนึ่งมณฑลช่วยเหลือหนึ่งประเทศ เข้าช่วยเหลือเกื้อกูลชาวโลก เป็นที่ชื่นชมยินดีของประเทศต่างๆ ถึงขนาดสมาชิกในกลุ่มสหภาพยุโรปได้แถลงเป็นทางการว่าสหภาพยุโรปเป็นแค่กระดาษ ไม่มีคุณค่าในความเป็นจริง มีแต่ประเทศจีนที่เป็นที่พึ่งได้ของชาวโลก ซึ่งเป็นการตบหน้าทั้งสหรัฐและกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปอย่างโจ่งแจ้งที่สุด
ในขณะเดียวกัน เมื่อระยะเวลาผ่านไปสองเดือนเศษ ความขาดแคลนในสหรัฐทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคและเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ทำให้สภาคองเกรสได้มีโอกาสรับทราบรายงานที่น่าตกใจว่าเครื่องอุปโภคบริโภคและเครื่องมือทางการแพทย์ถึง 80% ของสหรัฐนั้นต้องนำเข้ามาจากประเทศจีน และถ้าหากจีนยังไม่สามารถส่งของดังกล่าวให้แก่สหรัฐได้ ในเวลาเพียงสองเดือนโรงพยาบาลทั่วประเทศในสหรัฐจะต้องปิดตัวลง
เป็นการปิดตัวในยามที่ไวรัสระบาดทั่วทุกมลรัฐของสหรัฐ และมีชาวอเมริกันอดอยากขาดแคลน และขาดไร้ซึ่งอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์รุนแรงขึ้น
ทำให้สงครามการค้าต้องสิ้นสุดลงโดยไม่ต้องรบรากันอีกต่อไป เพราะในวันนี้ไม่มีใครพูดถึงอัตราภาษีที่จะเรียกเก็บจากจีนอีกแล้ว ขอวิงวอนอย่างเดียวเท่านั้นคือขอให้จีนส่งสินค้าให้ก็พอ
สถานการณ์กำลังบอกแก่ชาวโลกว่า ความเป็นผู้นำของโลกยุคใหม่นั้นไม่ใช่การกดขี่ ข่มเหง ไม่ใช่การเอาเปรียบ ไม่ใช่การรุกราน ไม่ใช่การแซงชั่วคว่ำบาตร ไม่ใช่การใช้มาตรฐานเอาเปรียบชาติอื่นอีกแล้ว แต่ผู้นำโลกยุคใหม่นั้นต้องเป็นผู้นำที่ช่วยเหลือเกื้อกูลประเทศต่างๆ และมวลมนุษย์ทั่วโลกฉันท์พี่น้อง
ซึ่งวันนี้ประธานสีจิ้นผิงก็ได้ผงาดขึ้นในท่ามกลางความเป็นจริงของสถานการณ์ว่านี่คือผู้นำของโลกยุคใหม่ที่แท้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี