ในท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศไทยประสบกับเหตุการณ์ระบาดมากว่าสามเดือนแล้ว โดยในขณะที่ข่าวเรื่องนี้ปรากฏต่อชาวโลกนั้น ประเทศจีนมียอดผู้ป่วยสูงสุดและประเทศไทยมีผู้ป่วยลำดับที่สอง
พอย่างเข้าเดือนที่สามประเทศจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้สำเร็จ ในขณะที่สหรัฐและประเทศในเครือสหภาพยุโรปมีผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดเป็นลำดับที่หนึ่งและลำดับต้นๆ ของโลก มีคนป่วย ตายอย่างอเนจอนาถเป็นจำนวนมาก จนล้ำหน้าประเทศจีนไปมากมาย ในขณะที่ประเทศจีนได้แปรสภาพเป็นประเทศที่ให้การช่วยเหลือสหรัฐและหลายประเทศ
ในสถานการณ์สามเดือนเศษที่ผ่านมาปรากฏว่าได้มีการปลุกกระแสให้เกิดการตื่นตระหนกตกใจจนเกินการณ์เกินจริง ประหนึ่งประเทศไทยจะวายวอดเพราะไวรัส เพราะมีการสร้างภาพให้จินตนาการว่าจะมีคนไทยป่วยด้วยไวรัสถึง 350,000 คน ภายในวันที่ 15 เมษายน 2563 และจะมีคนตายหลายหมื่นคน
เกิดกระแสโต้ขึ้นเป็นสองกระแส คือกระแสที่ต้องการปลุกให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจจนเกินการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดความระส่ำระสายขึ้นในบ้านเมือง และจะสร้างความพินาศวายวอดให้กับประเทศไทยและคนไทยจนสุดคณานับ โดยมีการเผยให้เห็นเส้นทางอนาคตว่าจะก้าวไปสู่การจำนำประเทศกับ IMF โดยผ่านขั้นตอนล็อกดาวน์ชัตดาวน์ สเต็ปดาวน์ และจำนำประเทศไทย
กับอีกกระแสหนึ่งที่พยายามนำข้อมูลสถิติและความเป็นจริง ตลอดจนลักษณะพิเศษของประเทศไทยมาตอบโต้อย่างดุเดือดว่าต้องไม่ตื่นตระหนกตกใจจนเกินการณ์ ประเทศไทยและคนไทยจะไม่ตกไปในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนั้นโดยเด็ดขาด เพราะประเทศไทยมีลักษณะพิเศษสี่ประการที่ไม่เหมือนชาติอื่น
ประการแรก ประเทศไทยตั้งอยู่ในพื้นที่เส้นศูนย์สูตร อากาศร้อนชื้น ไม่เอื้ออำนวยต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในที่แจ้งทั้งหลายไวรัสไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ จึงเหลือเฉพาะคนพาไปและการติดเชื้อในห้องปรับอากาศเท่านั้น
ประการที่สอง คนไทยมีภูมิต้านทานโรคหวัดและโรคไวรัสทุกชนิดมากกว่าใครในโลก เพราะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เกิด ต่อให้เป็นไข้หวัดใหญ่ก็ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ผิดกับพวกฝรั่งต้องนอนโรงพยาบาล 3-7 วัน และตายปีละนับแสนคน
ประการที่สาม ประเทศไทยมีสมุนไพรมากมายหลายชนิด ที่สามารถรักษาและทำลายอาการทั้งหลายที่ทำให้โรคมีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นที่ยอมรับว่า 80% ของผู้รับเชื้อสามารถต้านทานโรคได้ อีก 17% ถึงรับเชื้อและมีอาการบ้าง แต่ก็สามารถรักษาหายเองได้ คงมีเพียง 3% ที่ป่วยและในจำนวนผู้ป่วยนั้นก็เสียชีวิตเพียง 4.5% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีโรคประจำตัว
ประการที่สี่ แผ่นดินประเทศไทยศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง อานุภาพของสิ่งที่มองไม่เห็นและอธิษฐานฤทธิ์ของคณะสงฆ์ไทยที่นำโดยสมเด็จพระสังฆราชมีอานุภาพที่จะต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นและแพร่ระบาดได้
ด้วยเหตุนี้สามเดือนเศษผ่านพ้นไป คนไทยจึงป่วยด้วยไวรัสยังไม่ถึง 2,000 คน หายเกือบ 800 คน ยังต้องรักษาอยู่แค่ประมาณ 1,200 คนตายเพียง 15 คน ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่โน้มให้เห็นเด่นชัดว่ากำลังเข้าสู่ระยะการควบคุมโรคได้
แต่ประเทศไทยโชคร้ายที่มีพวกโกงบ้านกินเมือง อาศัยโรคห่าหากินในแทบทุกกรณีที่เกี่ยวข้อง จึงซ้ำเติมความลำบากยากเข็ญและความทุกข์ยากให้เกิดขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน และที่น่าเจ็บใจก็คือพวกขี้เรื้อนขี้โกงเหล่านี้ยังลอยนวล ยังไม่เห็นมีใครต้องรับผิดสักคนเดียว แต่ชาวบ้านตาดำๆ ที่ซื้อราคาแพง ขายราคาสูงต้องติดคุกกันไปหลายคนน่าเวทนาและอเนจอนาถยิ่งนัก
เป็นปรากฏการณ์ไร้ธรรมอำไพที่จะเกิดความบรรลัยขึ้น เพราะเหตุความจัญไรทั้งหลายที่พวก
ขี้เรื้อนได้ก่อกรรมทำเข็ญให้กับบ้านเมืองและราษฎร
ในท่ามกลางสถานการณ์การระบาดนั้นแทบทุกหน่วยงานได้ออกมาตรการเพื่อให้การช่วยเหลือแก่คนทั้งหลายจนกระทั่งกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้โรคระบาดมากขึ้น เช่น การนัดมารับแจกหน้ากากอนามัยบ้าง การนัดไปลงทะเบียนรับเงิน
ช่วยเหลือบ้าง และมาตรการโหลยโท่ยขี้เรื้อนเส็งเคร็งอีกมายมายที่ทำให้ผู้คนไปรวมตัวกัน ทั้งๆ ที่ขัดต่อคำสั่งในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เพราะแย่งกันหาเสียงหาคะแนน และอาจมีแอบแฝงเศษเลยเรื่องผลประโยชน์อยู่ด้วยก็ได้ดังนั้นจึงต่างคนต่างหน่วยต่างแก่งแย่งกันออกมาตรการในการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน จนนับมาตรการไม่ถ้วน กระทั่งผู้รับความช่วยเหลือก็งุนงงสงสัย
บรรยากาศประหนึ่งไม่ต่างกับการชิงเปรต คือเห็นประชาชนเป็นเปรตที่ต้องมาขอแบ่งส่วนบุญ มาตรการเหล่านั้นจะให้ผลประโยชน์จริงเพียงใดยังไม่เคยปรากฏ แต่ก็เกิดความโกลาหลสับสนขึ้นในบ้านเมือง กระทั่งนายกรัฐมนตรีต้องออกปากเอง
การให้ความช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเป็นความจำเป็นที่จะต้องกระทำ แต่ต้องมีมาตรการที่รอบคอบ รัดกุมตรงเป้าเข้าจุด และมีผลจริง ไม่ใช่มาตรการแบบชิงเปรต มิฉะนั้นก็ไม่ต่างอันใดกับการตั้งวงชิงเปรตนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี