เมืองไทยมีเรื่องพิสดารให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ เรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังเป็นที่ฮือฮาอยู่ในขณะนี้คือ มูลค่าหุ้นของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมราคาหุ้นการบินไทยเพิ่มได้อย่างมากมาย โดยบางวันราคาหุ้นการบินไทยสามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้ จนหลายคนต้องขยี้ตา แล้วถามตัวเองว่ามันเป็นไปได้อย่างไร เพราะราคาหุ้นตัวนี้กระเด้งขึ้นไปติดเพดาน (ceiling)ได้ตั้งแต่เริ่มเปิดตลาดซื้อขายหุ้นในบ้านเรา ตัวอย่างเช่นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 หุ้นการบินไทยมีราคาเพิ่มขึ้นสูงถึง 4.22 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 14.67 เปอร์เซ็นต์
อ้างอิงข้อมูลจาก HoonSmart.com ระบุว่า หุ้นการบินไทยซิลลิ่งขาด ตั้งแต่ชั่วโมงแรก 4.22 บาท พุ่ง 14.67% เป็นซิลลิ่งที่ 2 ติดต่อกันจากปลายสัปดาห์ก่อน เก็งกำไรข่าวสะพัด“เจ้าสัวเจริญ” ถูกดึงเข้ามาช่วยอุ้ม เผยธุรกิจซ่อมเครื่องบินมีผู้สนใจหลายราย เตือนเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง (https://www.hoonsmart.com/archives/108492)
เหตุผลที่ผู้เขียนต้องอ้างอิงข่าวจาก HoonSmart.com เพราะว่าเห็นว่านักลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเราให้ความเชื่อถือข่าวจากเว็บไซต์นี้มากพอประมาณ แต่ถึงกระนั้นผู้เขียนก็ยังสังเกตเห็นว่า ข่าวนี้ก็ยังมีข้อความว่าข่าวดังกล่าวยังไม่มีการยืนยันใดๆ ซึ่งก็คงจะต้องเขียนเช่นนี้ไปก่อน ตราบเท่าที่ยังไม่เสียงยืนยันชัดเจนจาก “เสี่ยเจริญ”
ว่าแต่ว่าเมื่อข่าวอ้างถึง “เสี่ยเจริญ” คุณคิดถึงเสี่ยเจริญคนไหนบ้าง เพราะในเมืองไทยมีเสี่ยชื่อเจริญหลายคน แต่คุณก็ต้องรู้เหมือนกับคนอื่นๆ ว่า มีอยู่ “เจริญ” เดียวเท่านั้นที่มีสถานะเป็นอภิของอภิมหาเศรษฐีไทย ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องรอดูความชัดเจนในอนาคตว่า “เสี่ยเจริญ” ที่ข่าวอ้างถึงนั้นจะเข้าไปอุ้มการบินไทยจริงหรือไม่
แต่ข้อเท็จจริงที่คุณ ผม และคนอื่นๆ ที่สนใจเรื่องราวของการบินไทยย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจคือ ในยามนี้การบินไทยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มาก ถึงมากที่สุด มากเสียจนหลายคนเป็นห่วงว่าการบินไทยจะไปรอดหรือไม่ หลายคนตั้งคำถามตัวโตๆ ว่าการบินไทยจะประคับประคองตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงสิ้นปีนี้ได้หรือไม่
แต่หลายคนกลับไม่มีคำถามใดๆ ไปถึงอดีตผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยว่าจะอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่ เพราะคนส่วนใหญ่รู้ตรงกันว่า ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงมาก เพราะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการบินไทยมาโดยตลอด ดังนั้นแม้การบินไทยอาจจะไปไม่รอด แต่รับรองได้ว่า ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยสามารถเอาชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน
ส่วนคำถามที่ว่ามีผู้บริหารการบินไทยระดับสูงรายใดบ้าง ที่ทำให้การบินไทยต้องเสื่อมทรุดจนมีสภาพย่ำแย่เหมือนคนป่วยที่ใกล้ตาย ก่อนที่การบินไทยจะต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 จนทำให้ต้องยุติการบินไปโดยปริยาย คำตอบในเรื่องนี้คนการบินไทยต้องรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ทว่าจะกล้าพูดตรงๆ หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญทางจริยธรรมของผู้พูด และประกอบกับข้อเท็จจริงที่รับรู้ได้จากผลการบริหารงานของผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย
เราต้องยอมรับความจริงว่าก่อนที่การบินไทยจะประสบกับวิกฤติโควิด-19 นั้น การบินไทยย่ำแย่มาก ขอย้ำว่าย่ำแย่มาก หรือจะมีผู้บริหารการบินไทยคนไหนปฏิเสธเรื่องนี้ ก็ขอให้ชี้แจงมา
ผู้เขียนพยายามจะไม่นำความเห็นที่ได้มาจากข้อเท็จจริงจากการพูดคุยกับคนของการบินไทยมากมาย ทั้งคนการบินไทยยุคปัจจุบัน และคนการบินไทย ระดับผู้บริหารระดับสูงในยุคก่อน มาบอกเล่าในที่นี่ เพราะผู้บริหารการบินไทยจำนวนหนึ่งเคยระบุว่า ผู้เขียนมีอคติต่อการบินไทย ซึ่งผู้เขียนก็ยืนยันมาตลอดว่า ไม่เคยมีอคติกับการบินไทย แต่มีคำถามที่ต้องการให้ผู้บริหารการบินไทยตอบให้กระจ่างชัด แต่ผู้บริหารการบินไทยก็ไม่ยินดีตอบคำถามของผู้เขียน
ดังนั้น ผู้เขียนจึงตัดประเด็นข้างต้นทิ้งไป โดยขอนำเอาข้อเท็จจริงจากสื่อมวลชนอื่นๆ มาเป็นเครื่องประกอบในการตั้งคำถามกับผู้บริหารการบินไทย ทั้งผู้บริหารในอดีตเมื่อ 4-6 ปีมาแล้ว รวมถึงผู้บริหารการบินไทยยุคปัจจุบันด้วย คำถามที่ว่านี่คือ ใครทำให้การบินไทยตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ แล้วจะมีผู้บริหารรายใดกล้าหาญแสดงความรับผิดชอบที่บริหารงานล้มเหลวบ้างหรือไม่
อ้างอิงจาก https://www.m2fnews.com/news/money/43674 ที่ระบุว่า การบินไทยถึงจุดวิกฤติส่อเจ๊ง ขาดทุนสะสม โดยโลว์คอสต์แย่งรายได้เส้นทางหลัก เครื่องบินไม่พอ สั่งเร่งลดรายจ่ายเพื่อความอยู่รอด เผยเหลือเวลาไม่มากแล้ว
“การบินไทยจะเจ๊ง” มีโอกาสที่จะไปถึงจุดนั้นแน่ๆ หากในวันนี้ยังไม่ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากพนักงานทุกคน แน่นอนว่ากระแสข่าวเชิงลบในลักษณะนี้ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นลูกค้าและยอดขายตั๋วเครื่องบินของบริษัท สำหรับปัญหาที่มีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของบริษัทเรื่องหลัก คือ การโดนคู่แข่งแย่งรายได้ไปในเส้นทางบินสายหลัก ที่การบินไทยเคยเป็นเจ้าตลาด อาทิ เส้นทางสายเหนือ ซึ่งเคยเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด ขณะนี้ถูกสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) แย่งไปแล้ว ขณะที่เส้นทางยุโรป ก็เจอปัญหาค่าเงินบาทแข็งและปัญหาเรื่องเบร็กซิท
คำกล่าวที่ว่า “การบินไทยจะเจ๊ง” มีโอกาสที่จะไปถึงจุดนั้นแน่ๆ หากในวันนี้ยังไม่ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากพนักงานทุกคน แน่นอนว่ากระแสข่าวเชิงลบในลักษณะนี้ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นลูกค้าและยอดขายตั๋วเครื่องบินของบริษัท สำหรับปัญหาที่มีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของบริษัทเรื่องหลัก คือ การโดนคู่แข่งแย่งรายได้ไปในเส้นทางบินสายหลัก ที่การบินไทยเคยเป็นเจ้าตลาด อาทิ เส้นทางสายเหนือ ซึ่งเคยเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด ขณะนี้ถูกสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์)แย่งไปแล้ว ขณะที่เส้นทางยุโรป ก็เจอปัญหาค่าเงินบาทแข็งและปัญหาเรื่องเบร็กซิทเวลาไม่มากแล้ว…
… การแข่งขันในปีนี้รุนแรงมากขึ้นจนทำให้ตัวเลขรายได้และกำไรติดลบ ฝ่ายบริหารได้ประชุมกันทุก 2 สัปดาห์ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะการบินไทยอยู่ในวิกฤติจริงๆ แต่ตนขอยืนยันว่าจะไม่ยอมแพ้ แม้สถานการณ์จะน่ากลัว ปีหน้าต้องเดิมพันสู้กันเต็มที่ แต่ถ้าพนักงานยังไม่ตื่น และไม่ทำอะไรจริงจัง ก็หมดเวลาที่จะสู้กันแล้ว ทุกคนจะตายหมดถ้าเรือล่ม นายสุเมธ (ดำรงชัยธรรม) กล่าว
นี่คือคำพูดของอดีต DD คนล่าสุดกล่าวกับ M2F ย้ำว่านี้คือสิ่งที่สุเมธบอกกับสื่อมวลชน ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าการบินไทยย่ำแย่มาตั้งแต่ปีกลายแล้ว เพราะข่าวนี้ตีพิมพ์เมื่อ 22 ตุลาคม 2562
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า กระทรวงคมนาคม ระบุว่า การบินไทยประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักในรอบปี 2562 พบว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มียอดขาดทุนสะสมไปแล้ว 6,438 ล้านบาท คาดการณ์ว่าตลอดปีนี้จะขาดทุนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขาดทุนสะสมในช่วง5 ปีที่ผ่านมา (2558-2562) รวม 36,000 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขทุนเหลืออยู่ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท
ขณะที่ ยอดขาดทุนสะสมรวมทั้งสิ้นสูงถึง 280,000 ล้านบาท หากลงทุนซื้อเครื่องบินอีก 100,000 ล้านบาท ก็คงจะมีหนี้สินต่อทุน (D/E) พุ่งไปมากกว่า 12 เท่า ส่งผลให้สถานะทางการเงินของการบินไทยอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างอึดอัดจึงมีแผนที่จะเสนอขอเงินกู้จากรัฐบาลอีก 50,000 ล้านบาทเพื่อแบ่งเป็น ทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไป วงเงิน 32,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องวงเงิน 24,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในอนาคตจำเป็นต้องมีแนวทางการเพิ่มทุนหรือจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อทำการจัดซื้อเครื่องบินใหม่อีก 38 ลำ วงเงิน 156,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม พบว่าปัญหาค่าใช้จ่ายหลักที่การบินไทยยังประสบอยู่ในตอนนี้คือค่าจ้างบุคลากร ปัจจุบันการบินไทยมีพนักงานมากกว่า 20,000 คน ซึ่งถือเป็นสายการบินที่มีพนักงานเกือบจะมากที่สุดในโลก แต่กลับพบว่าในสภาวะขาดทุนสะสมติดต่อกันหลายปีแต่บริษัทยังต้องจ่ายค่าจ้างบุคลากรเท่าเดิม
นี่คือปัญหาของการบินไทย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาเพราะผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย ต้องย้ำว่าเป็นปัญหาที่เกิดมาจากการบริหารงานของผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย (ในที่นี้มิได้หมายความเฉพาะแค่ตัวของสุเมธ ดำรงชัยธรรม เพียงลำพัง เพราะการบินไทยมีผู้บริหารระดับสูงเป็นองค์คณะ จึงต้องรับผิดชอบ
ร่วมกันทั้งองค์คณะ แต่ในฐานะที่สุเมธ เป็นหัวเรือใหญ่ของการบินไทย จึงต้องถูกกล่าวถึงมากที่สุด)
กลับไปที่ประเด็นที่ตั้งไว้ว่า การบินไทยใกล้ดับ แต่เหตุไฉนหุ้นการบินไทยจึงติด ceiling เรื่องประหลาดมหัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว เกิดขึ้นท่ามกลางความงุนงงสงสัยของคนที่ไม่สามารถรู้เรื่องราววงในของการบินไทยและกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดหุ้นไทยได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยสนใจมากกว่านั้นคือ มีคนบางกลุ่มพยายามทำให้การบินไทยพังพินาศ เพราะต้องการนำการบินไทยออกขายทอดตลาด ใช่หรือไม่ ผู้เขียนไม่ได้พยายามปกป้องการบินไทย เพราะถือว่าเมื่อไม่สามารถเอาตัวรอดทางธุรกิจได้ ก็ต้องจบเกมธุรกิจ แต่คำถามของผู้เขียนคือ มีใครบางกลุ่ม บางคนพยายามทำให้การบินไทยพินาศ เพราะต้องการนำการบินไทยออกขายทอดตลาด ใช่หรือไม่ เรื่องความพินาศของการบินไทยอาจไม่เกี่ยวข้องกับราคาหุ้นการบินไทยที่เพิ่มจนติดเพดาน แต่คำถามคือ ราคาหุ้นการบินไทยเพิ่มได้อย่างไร ในเมื่อกิจการของการบินไทยใกล้จะถึงกาลอวสาน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี