การพันตูระหว่าง “คนไทย” กับ “โควิด-19” บนเวทีมวยนั้นต้องถือว่า “นักมวยไทย” แต่ละคนต้องสวมหัวใจ “นายขนมต้ม” เข้าห้ำหั่นกับ “โควิด-19” อย่างไม่เกรงศักดิ์ศรี

หลังจาก “ราวีมาแล้วสี่ยก” บัดนี้ได้ขึ้น “ยกที่ห้า” ปรากฏว่า “พี่เลี้ยงคนเก่ง” และ “ครูมวยคนดัง” ได้แนะนำให้นักชกไทย “ผ่อนคลายการตะลุยบุก”ได้แล้ว เพราะต้อง “ออมแรง” ไว้ราวีบนผืนผ้าใบถึง 12 ยก

“ใน 7 ยกที่เหลือนี้” นักชกไทยจะ “ผ่อนแรง” อย่างไร ก็ขอให้ “การ์ดอย่าตก” เพราะถ้า “การ์ดตก” จะถูก “นักชกหมัดมหาประลัย โควิด-19” ทิ่มหมัดเข้า “ปลายคาง” จนมีสิทธิ์ “ก้นเตี้ย” หรือ “นอนให้กรรมการนับสั้นนับยาว” อีหรอบเดียวกับ “นักชกปลาดิบ” และ “นักชกลอดช่อง” ที่เคยการ์ดตกมาแล้ว

นอกจาก “การ์ดห้ามตก” แล้ว การค้าความเจ็บปวดบนเวทีครั้งนี้ นักชกไทยจะชนะโควิด-19 ได้ จะต้องมีน้ำอดน้ำทนทำคะแนนนำให้ได้ทุกยก

ดูเหมือน “คนดูข้างสนาม” ออกจะเป็นห่วงนักชกไทยอยู่ไม่น้อย เพราะแม้แม่ไม้มวยไทยจะ “สุดเจ๋ง” แต่ร่างกายและพละกำลังของนักชกนั้น “น่าเป็นห่วง”

ที่ต้องห่วง เพราะก่อนขึ้นเวที นักชกไทยขาดการ “บำรุงร่างกายด้วยอาหารที่เหมาะสม” แถม “สภาพจิตใจ” ก่อนขึ้นเวที นักชกทุกคนต่าง “กังวลกับปัญหาครอบครัว” ที่ “เข้าโหมด เป๋าอู๋ตังม้อ” เพราะทุกคนในบ้านตกงานและกิจการทำมาหากินถูก “โควิด-19” ยึดไปเข้าโรงตึ๊งแล้ว

ดังนั้น แม้นักมวยทุกคนจะเชื่อพี่เลี้ยงคนดังและอาจารย์มวยคนเก่ง แต่ถ้าร่างกายและจิตใจมีปัญหา “อาจเกิดโรควูบกลางเวทีได้”

“แม้การ์ดจะไม่ตก” แต่ถ้า “เกิดโรควูบกลางเวที” นักชกไทยก็อาจเปิดช่องว่างให้ “โควิด-19” ส่งหมัดมหาภัยเสยเข้าปลายคางได้

ยังไงๆ ช่วง “พักยก” ก็ขอให้พี่เลี้ยงคนดังอาจารย์มวยคนเก่ง กรุณาให้น้ำให้ท่าแก่นักชกไทยได้กระชุ่มกระชวยด้วยครับ

นักชกไทยจะได้ “ไม่แพ้” ตามที่ท่านกะปิตันเคยประกาศลั่น “ประเทศไทยต้องชนะ”

กมลศักดิ์  ตั้งธรรมนิยม