สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตนั้น ต้องควบคู่ไปด้วยกันเสมอชีวิตจึงจะมีความสมบูรณ์พูนสุข ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งบกพร่องแล้วมันจะพาเอาอีกอย่างหนึ่งมีปัญหาตามไปด้วยเสมอ เป็นสัจธรรมแห่งชีวิตไม่ว่าคนหรือสัตว์
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะใส่ใจดูแลสุขภาพทางร่างกาย เพราะเห็นง่ายกว่าสุขภาพทางจิต ร่างกายเป็นอะไรขึ้นมาและเป็นที่ตรงไหนก็มักจะเห็นด้วยสายตาว่าร่างกายของตนนั้นเจ็บป่วยตรงไหน ก็รักษาหรือไปหาหมอรักษาตรงนั้น แต่สำหรับจิตใจแล้วไม่ค่อยจะใส่ใจเพราะมองไม่เห็น จึงไม่ค่อยจะระแวดระวังรักษาจิตใจเหมือนรักษาร่างกาย ทำให้จิตใจต้องเจ็บป่วยลงไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว
คนป่วยทางจิตใจนั้นจะเป็นคนที่มีความผิดปกติทางความคิด ทางอารมณ์ และความรู้สึก การแสดงออกจึงไม่ค่อยจะเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
ถ้าเป็นคนที่ไม่มีอำนาจหรือไม่มีตำแหน่งหน้าที่ที่จะให้คุณให้โทษแก่ใครได้ ความเดือดร้อนวุ่นวายของส่วนรวมก็คงไม่เกิด แต่ถ้าคนป่วยทางจิตดังกล่าวเป็นคนที่มีอำนาจ มีตำแหน่งที่จะให้คุณให้โทษกับใครได้แล้ว ความเดือดร้อนวุ่นวายต่างๆก็คงเกิดขึ้นแก่ส่วนรวมได้ง่ายๆ ถึงขนาดสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายแก่คนทั้งประเทศหรือทั้งโลกได้เช่นเดียวกัน อย่างที่เคยเห็นกันมาแล้วเช่น ฮิตเลอร์หรือมุสโสลินี ซึ่งเคยได้รับการวิเคราะห์จากจิตแพทย์มาแล้วว่า เป็นคนที่มีความคิดผิดปกติ มีอารมณ์ผิดปกติ และความรู้สึกที่ผิดปกติไม่เหมือนคนอื่น
คนที่ป่วยทางจิตนั้นบางทีก็ถูกเรียกว่าคนโรคจิต
ป่วยแล้วมักไม่รู้ตัวว่าป่วยจนกว่าจะเกิดความคลุ้มคลั่งหรือมีพฤติกรรมแปลกๆไม่เหมือนคนอื่น จนต้องถูกพาตัวไปรักษาหรือถูกกักขังไว้เพื่อมิให้ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น หรือก่อความเสียหายให้กับตนเองเป็นที่น่าเวทนา
โรงพยาบาลรักษาคนบ้าเกิดขึ้นเพราะเรื่องอย่างนี้
นำเรื่องอย่างนี้มาพูดสู่กันฟังก็เพราะเห็นว่าบ้านเมืองของเราขณะนี้ผู้คนทั้งหลายต่างได้รับความกดดันในเรื่องต่างๆ หลายต่อหลายอย่าง ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันในการทำมาหากินที่บีบคั้นจิตใจ
เพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้น รวมทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆที่ต้องต่อสู้กับปัญหาเหล่านั้น แม้กระทั่งการต่อสู้กับปัญหาความขัดแย้งซึ่งกันและกันในเรื่องต่างๆ ซึ่งแต่ละเรื่องแต่ละอย่างดังกล่าวล้วนแล้วแต่มีผลกระทบถึงจิตใจตามมาอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง
เรื่องทางจิตซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในร่างกาย มองจากภายนอกไม่เห็น นอกจากอาการของพฤติกรรมที่แสดงออกมา อย่างอาการแสดงออกของคนบางคนที่ไม่ฟังใคร ถือตัวเองหรือหมู่คณะของตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและทำตามที่สั่งอย่างเดียวใครไม่เห็นด้วยคนนั้นไม่ใช่พวก เป็นคนที่ต้องกำจัด อาการอย่างนี้เป็นอาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นป่วยทางจิตเป็นคนที่บ้าอำนาจ
คนป่วยทางจิตประเภทนี้มักจะเป็นคนที่ชอบพูดจายกตนข่มผู้อื่นให้เกรงกลัว ไม่ต้องการเห็นหรือได้ยินได้ฟังเรื่องที่ขัดแย้งกับตน หรือเรื่องที่ทำให้ตนเสียหน้า ซึ่งอาการอย่างนี้ถ้าไม่มีการบำบัดรักษาให้ถูกวิธี โอกาสที่จะกำเริบมากขึ้นย่อมจะมีและเสียหายต่อส่วนรวมได้
อยากนำความรู้ที่เกี่ยวกับอาการป่วยทางจิตของคนเรามาเล่าสู่กันฟัง จากหนังสือชื่อ “จิตเภท” ซึ่งเขียนโดย “แพทย์หญิง สุพัตรา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา”ซึ่งเป็นอาจารย์ในสาขาวิชาจิตเวชศาสตร์และที่ปรึกษาของโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยามาเล่าสู่กันฟังซึ่งอาจารย์ท่านนี้ได้เขียนให้ความรู้หลายอย่างเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ
ขอนำเรื่อง “จงขจัดตัว ว.ออกจากชีวิต” ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งในหลายๆ เรื่องจากข้อเขียนดังกล่าวของอาจารย์ มาให้ได้อ่านกันก่อน
เขียนไว้อย่างนี้
“ถ้าคุณรู้จักสังเกตคุณจะแปลกใจว่า คำไทยแท้ที่ออกเสียง “ว” เกือบทั้งสิ้นล้วนแสดงลักษณะทางลบของคุณภาพ บุคลิกภาพ อุปนิสัย ความรู้สึก ฯลฯซึ่งจะหาความดีหรือความงามไม่พบ ซ้ำร้ายยังทำให้สุขภาพจิตของผู้เป็นเจ้าของคำกริยาหรือคำวิเศษนั้นๆ เสื่อมอีกด้วย
ไม่มีใครมีความสุขและสุขภาพทางจิตก็คงต้องเสื่อม ถ้าเขาผู้นั้น จมูกโหว่ ปากแหว่ง เสื้อผ้าขาดวิ่น เป็นหวัด เป็นแผลเหวอะหวะ หวุดหวิดถูกรถชน มีความวิงเวียน ไฟไหม้วอดจนใจหายวาบ แทบหัวใจวาย
นอกจากคำที่ออกเสียง “ว” เหล่านั้นแล้วที่เจ้าของลักษณะดังกล่าว หรือมีอาการดังกล่าวจะมีสุขภาพจิตเสื่อมแล้ว ยังมีคำไทยแท้อีกหลายคำที่ทำให้ใครๆไม่รัก และไม่อยากคบอีกด้วย ดังตัวอย่างเช่น
ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ “คนมือไว”
ไม่อยากคบคนโวยวาย คนโหวกเหวกโว้เว้ คนที่มีอารมณ์วู่วาม คนที่หวั่นไหวง่าย คนชอบคุยโว คนจิตใจว้าวุ่น คนชอบว่อกแว่ก เป็นต้น เพราะคนดังกล่าวนี้เป็นคนน่าเบื่อหน่าย น่ารำคาญ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
คนที่เงียบเกินไปหรือเก็บความรู้สึกเกินไปก็เป็นคนที่ไม่น่าเข้าใกล้เท่าใดนัก เพราะไม่สามารถหยั่งอารมณ์และความรู้สึกของเขาได้ ไม่มีใครชอบคนเย็นชาและลึกลับ เพราะไม่ทราบว่าเขาซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ที่ไหนบ้าง คนที่เปิดเผยน่าคบกว่า
นี่คือส่วนหนึ่งจากเรื่อง “จิตเภท” ที่ “แพทย์หญิงสุพัตรา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา” เขียนไว้ ยังมีเรื่องอื่นๆที่น่ารู้อีกหลายเรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในตอนต่อไปแต่ก่อนจบในตอนนี้ อยากกล่าวเสริมเพียงว่า คนที่ชอบโม้โน่นโวนี่ ขาดความถ่อมตัว คนอื่นเก่งไม่เท่า อะไรๆก็ต้องตนเท่านั้น ต้องอยู่ต่อไปอีก 5 ปีบ้านเมืองจึงจะดีนั้น ลองให้ใครไปหาหนังสือ “จิตเภท”มาอ่านบ้าง
(อ่านต่อวันอังคาร)
น.ต.ประสงค์ สุ่น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี