องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สกสค. ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 961 รายจากทั้งหมด 1,035 ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เนื่องจากองค์การค้าของ สกสค. ประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลามากกว่า 15 ปี และเป็นหนี้สะสมกว่า 6,700 ล้านบาท นำมาซึ่งความตกใจและรับไม่ได้ของพนักงานหลายคนที่ถูกเลิกจ้าง
องค์การค้า สกสค. ทำหน้าที่บริหารเสริมอำนวยการจัดระบบการศึกษาของชาติ ที่ได้รับสิทธิผูกขาดในด้านการพิมพ์ หนังสือเรียน เอกสารทางการศึกษา ผลิตอุปกรณ์การศึกษา มาตลอดกว่า 70 ปี
ต่อมา ในปี 2542 มีการเปิดเสรีให้ภาคเอกชนเข้ามาแข่งขันได้ กลายเป็นจุดสิ้นสุดการผูกขาดทางการค้าขององค์การค้าฯ ไป เพราะสถานศึกษาแต่ละแห่งสามารถเลือกใช้หนังสือเรียนจากสำนักพิมพ์เอกชนได้ ทำให้ภาระงานขององค์การค้าฯ ไม่ได้มีมากเหมือนในอดีต รวมทั้งไม่สามารถปรับตัวแข่งขันกับผู้ประกอบการเอกชนได้ผลประกอบการจึงเริ่มขาดทุน และมีภาระหนี้สินพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้ต้องประกาศปรับลดบุคลากรให้เหมาะสมกับจำนวนงาน และลดค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนพนักงานที่ตกเดือนละ ประมาณ 40 ล้านบาท และจะเข้าสู่วางแผนฟื้นฟูธุรกิจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
องค์การค้าฯ จึงเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานธุรกิจซึ่งรัฐเป็นเจ้าของ หรือกิจการของรัฐที่ต้องประสบชะตากรรม เอาตัวแทบไม่รอดจากการเปิดการค้าที่ให้ผู้ประกอบการเอกชนเข้ามาแข่งขันได้อย่างเสรี เช่นเดียวกับการบินไทย สายการบินแห่งชาติ ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการ “ฟื้นฟูตามคำสั่งของศาลล้มละลาย” เพื่อทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ วางแผนงานด้านการเงิน การกู้การรักษาสภาพคล่อง และการจ่ายหนี้ หลังจากที่การบินไทยมีปัญหาด้านการบริหารจัดการและแบกภาระขาดทุนสะสม 2.8 หมื่นล้านบาทมากว่า 10 ปี หลังรัฐบาลมีนโยบายการเปิดน่านฟ้าเสรีในปี 2545
ขณะที่ กิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือขสมก. ผู้ผูกขาดธุรกิจรถโดยสารประจำทาง ก็กำลังวัดดวงว่าจะ “รุ่ง” หรือ “ร่วง” หลัง คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เตรียมเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการให้มีคุณภาพมากขึ้น ลดปัญหาหนี้สิน และการขาดทุนสะสมกว่า 127,786 ล้านบาท โดยคาดว่า ขสมก. จะกลับมามีกำไรได้ในปี 2572 ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันของขนส่งประเภทอื่นที่เพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนในการประหยัดเวลาการเดินทางและมีความสะดวกสบายมากขึ้น เช่น รถไฟฟ้า รถยนต์ส่วนบุคคลที่มีราคาถูกลง
ตัวอย่างจากสามองค์กรนี้ชี้ให้เห็นว่าการพยายามรักษาองค์กรไว้ด้วยการให้อำนาจ “ธุรกิจผูกขาด” จึงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้บริโภคมีสิทธิเลือก ลูกค้าคือผู้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ราคาถูกที่สุด ไม่ใช่การถูกบังคับเลือกอย่างในอดีตที่ผ่านมา
กิจการหรือหน่วยงานธุรกิจของรัฐจึงจำเป็นต้องมีการ “ผ่าตัด” ครั้งใหญ่ หน่วยงานเหล่านี้เคยชินกับการได้รับสิทธิพิเศษในฐานะองค์กรของรัฐ ได้สิทธิผูกขาดในการดำเนินธุรกิจ เมื่อต้องมาแข่งขันอย่างเสรีกับภาคเอกชนในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะขนาดองค์กรที่ใหญ่อุ้ยอ้าย ไม่เข้าใจลูกค้า และปรับตัวในสนามรบที่มีการแข่งขันสูงไม่ได้ จึงเกิดอาการ“ไปไม่เป็น” กันทุกราย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี