ในที่สุดการปั่นกระแสโควิด-19 ระบาดในประเทศไทยจนทำให้ผู้คนอาจเป็นโรคประสาทกินกันทั้งแผ่นดินและธุรกิจพินาศวายวอด จนกระทั่งต้องสูญเสียเงิน
งบประมาณหลายล้านๆ บาทและมีความเสียหายหลายล้านๆ บาท ก็อาจจะถึงกาลสิ้นสุดลง
เพราะในที่สุดพวกหมอโควิด-19 3-4 คน ที่ประสานขานรับกันเป็นลูกระนาดในการสร้างความตกใจกลัว ก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ไม่อาจจะดื้อรั้นดึงดันได้อีกต่อไป
นั่นคือการเข้าถึงความจริงของประชาชนที่ขยายวงกว้างออกไปทั่วประเทศว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นแหล่งแพร่ระบาดของโควิด-19 มาร่วมสองเดือนแล้ว ไม่มีการติดเชื้อจากภายในประเทศเลย จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นเป็นผู้ป่วยที่อิมพอร์ตเข้ามาจากต่างประเทศทั้งสิ้น และตั้งข้อสงสัยว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมคนกลุ่มนี้จึงไม่ยอมหยุดเพื่อคืนความเป็นปกติให้กับบ้านเมือง ยังคงเดินหน้าปั่นกระแสระบาดรอบสอง รอบสามที่ร้ายแรงอย่างหยุดยั้ง
ทั้งประชาชนทั่วประเทศก็ทนไม่ไหวกับความเดือดร้อนและการพังพินาศของกิจการต่างๆ และผู้คนเริ่มอดอยากไม่มีกิน จึงส่งเสียงเรียกร้องเจี๊ยวจ๊าวกันทั้งบ้าน
ทั้งเมือง กระทั่งตั้งข้อกล่าวหาว่าการยืดเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปนั้นเพราะกลัวม็อบจึงเป็นเหตุให้ต้องยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับม็อบนั้น
ในขณะเดียวกันรัฐบาลเองก็ทราบความจริงชัดเจนมากขึ้น และประชาชนทั่วประเทศก็ทราบความจริงชัดเจนมากขึ้นโดยสรุปก็คือได้ทราบความจริงชัดในประการดังต่อไปนี้
ประการแรก ประเทศไทยไม่ใช่แหล่งแพร่ระบาดของโควิด-19 มานานแล้ว ที่เคยรับเชื้อมาจากต่างประเทศก็ควบคุมการแพร่ระบาดและรักษาให้หายหมดแล้ว โดยมีผู้ป่วยสูงสุดแค่ระดับ 3,000 คน และผู้เสียชีวิตแค่ระดับ 58 คน ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพขั้นสูงของประเทศไทย
ประการที่สอง ได้ทราบความจริงชัดเจนว่าประเทศไทยมียารักษาโควิด-19ให้หายได้อย่างชะงัด ตามประกาศการใช้ยาของกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ 30 มีนาคม 2563คือสามารถรักษาให้หายได้ในระยะเวลาแค่ 4 วันและเคยมีหลักฐานชัดเจนว่าผลการใช้ยาตามประกาศนี้สามารถรักษาผู้ป่วยในประเทศให้หายหมดได้ในเวลาประมาณ 20 วัน
และประเทศไทยก็มีแบบแผนการรักษาโดยใช้พลาสมาของผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพสูงและเคยใช้รักษาผู้ป่วยหายได้แค่เวลา 24 ชั่วโมงดังคำแถลงของแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี และคณะแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ แต่ถึงวันนี้แม้สภากาชาดไทยออกหน้าผลักดันการใช้พลาสมา คนที่มีอำนาจหน้าที่กลับไม่ใส่ใจไยดี
ประการที่สาม คนไทยทราบดีว่าคนไทยมีภูมิต้านทานสูงสุด สภาพอากาศของประเทศไทยไม่เอื้อต่อการแพร่ระบาดเพราะภูมิอากาศไม่หนาวและชื้น โควิด-19 จึงแพร่ระบาดไม่ได้ บางคนทำท่าจะติดเชื้อมาจากต่างประเทศแต่พอมาถึงแผ่นดินไทยโรคก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
ประการที่สี่ ชาวไทยจำนวนมากก็มีความเชื่อมั่นที่สมเด็จพระสังฆราชทรงรับอาราธนาตั้งการพิธีสวดรัตนปริตร ตามแบบที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนมนต์พิธีนี้ที่เมืองไพศาลี ดังนั้นแม้มีปรากฏการณ์บางอย่างที่ส่อว่ามีคนบางกลุ่มต้องการนำเชื้อมาเผยแพร่แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะแผ่นดินประเทศไทยศักดิ์สิทธิ์
ประการที่ห้า ชาวไทยทราบดีแล้วว่าถ้าขืนปล่อยให้กระแสที่เสกเป่าขึ้นโดยคณะหมอโควิด-19 และยังตกใจกลัวจนเกินการ และไม่สอดคล้องกับความจริงต่อไป บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟแน่ เพราะผู้คนอดอยากยากจนทั้งแผ่นดิน คงจะลุกฮือขึ้นสักวันหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ก็กระเพื่อมอยู่ทั่วประเทศ
ด้วยความจริงห้าประการที่ชัดเจนแล้วนี้จึงส่งผลให้จำเป็นต้องยอมรับการเปิดประเทศซึ่งย่อมเป็นการเปิดประเทศด้วยความสุขุมรอบคอบ คืออนุญาตให้ชาวต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยได้เฉพาะประเทศที่ทำความตกลงกันเฉพาะเพื่อให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด โดยต้องมีการรับรองจากต้นทางว่าเป็นผู้ปราศจากเชื้อ
และเมื่อเข้ามาประเทศไทยแล้วต้องเข้ากระบวนการกักตรวจโรค ซึ่งประเทศไทยมีบทเรียนและประสบการณ์มาก เป็นเหตุให้โรงแรมจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการสามารถเปิดกิจการ ทำให้ผู้คนกลับเข้าทำงาน และทำให้กระบวนการทางธุรกิจของโรงแรมที่เข้าร่วมนั้นขับเคลื่อนไปได้
และเมื่อผ่านกระบวนการกักตรวจแล้วก็เป็นไปได้ว่าทางราชการจะอนุญาตวีซ่าระยะยาว 3 เดือน เพื่อให้ชาวต่างประเทศเหล่านั้นท่องเที่ยวพักผ่อนหรือพำนักในประเทศไทยเพื่อความปลอดภัยของตน
และขณะนี้ประเทศต่างๆ ที่จะมีผู้เดินทางออกนอกประเทศก็ต้องทำประกันความเสียหายเป็นจำนวนเงินถึง 100,000 เหรียญสหรัฐ และประมาณการใช้จ่ายในการเข้ามาพำนักในประเทศไทยอย่างน้อยคนละ 3 ล้านบาท
ถ้าหากทางราชการได้ตั้งเป้าหมายดังกล่าว ประเทศไทยก็จะมีสถานะที่สำคัญขึ้นในโลก คือจะกลายเป็น Medical Hub ที่คนทั้งหลายทั่วโลกมีความเชื่อมั่นและปรารถนาที่จะมาพำนักในประเทศไทยในยามที่โควิด-19ระบาดอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก
Medical Hub เกิดขึ้นเมื่อใดมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะมีชาวต่างประเทศเข้ามาพำนักในประเทศไทยเป็นจำนวนถึง 1 ล้านคนนำเงินมาใช้จ่ายคนละ 3 ล้านบาท ก็จะเป็นรายได้เข้าประเทศถึง 3 ล้านล้านบาท ที่สำคัญคือการใช้จ่ายเงินดังกล่าวจะเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และจะทำให้ภาคบริการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในต่างจังหวัดฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่คือการขับเคลื่อนเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญอย่างยิ่ง และแน่นอนว่าย่อมส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้แผ่นดินเพิ่มขึ้น สามารถนำไปชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปในระยะเวลา 8 เดือน ของงบประมาณปี 2563 ถึง 200,000 ล้านบาทได้อย่างเหลือเฟือ
ที่สำคัญคือจะทำให้ประชากรของประเทศกว่า 10 ล้านคน กลับสู่การทำงานและการประกอบการตามปกติ ไม่ต้องเป็นภาระแก่รัฐในการกู้เงินมาแจกอีกต่อไป
และถ้าได้บริหารจัดการอย่างมีแผน เช่น กำหนดให้ชาวต่างประเทศที่ผ่านระบบการกักตรวจเป็นที่ปลอดภัยแน่นอนแล้วได้เดินทางไปพักผ่อนในต่างจังหวัด ตั้งเป้าจังหวัดละ 10,000 คน ก็จะช่วยฟื้นภาคบริการท่องเที่ยวของทุกจังหวัดได้ในทันที
และจะมีเงินหมุนเวียนขึ้นในจังหวัดนั้นถึง 3,000 ล้านบาท ในชั่วระยะเวลาเพียง 3 เดือน การปริวรรตของเงิน 3,000 ล้านบาทในแต่ละจังหวัด 8-10 รอบ ก็จะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายในของประเทศอย่างคึกคักอย่างแน่นอน
วิธีการเช่นนี้กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วในประเทศไทย ดังนั้น เพื่อความมั่นใจก็ควรจะได้ชำเลืองดูว่าประเทศอื่นเขาก็ทำกันเช่นนี้ ตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เขาก็ดำเนินการเช่นเดียวกันนี้ ไม่มีใครปล่อยให้คนแบบหมอโควิด-19 มาบ่อนทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศเหมือนในบ้านเรา
สำหรับจีนนั้นมีการทำการเรื่องนี้อย่างเป็นระบบอย่างยิ่ง โดยกำหนดเป้าหมายที่คณะผู้ลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลกที่ต่างผวาในความปลอดภัยในบ้านเมืองของตนและเชื่อมั่นว่าประเทศจีนสามารถเยียวยารักษาควบคุมโรคนี้อย่างได้ผลอยู่แล้ว จึงพากันแห่ไปเมืองจีน
ทางจีนได้จัดเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำไปรับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาตรวจสุขภาพและพำนักชั่วคราว เป็นเหตุให้สนามบิน เครื่องบิน บุคลากรทางการบิน ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
บรรดาโรงแรมทั้งหลายที่รัฐบาลจีนจัดเพื่อการกักตรวจ แทนที่จะว่างปิดกิจการอยู่ก็เปิดการให้บริการอย่างคึกคัก การบริการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมฟื้นตัวขึ้นโดยทั่วไป รวมทั้งบรรดาโรงพยาบาลที่ให้บริการทางการแพทย์ก็ได้กลับเข้าทำงานอย่างคึกคักแทนที่จะว่างงานและสร้างรายได้สูงให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง
ครั้นชาวต่างประเทศเหล่านั้นไปพำนักในหัวเมืองต่างๆ ก็จับจองโรงแรมระดับ 5-7 ดาว และใช้จ่ายอย่างสนุกสนานทำให้การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจของท้องถิ่นฟื้นตัวคึกคักขึ้น
นี่คือกิจอันควรทำและต้องเร่งทำ จึงจำต้องผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวรุดหน้าไปได้
ซึ่งจะโกหกยกเมฆว่าโควิด-19 ยังระบาดอยู่ในโลก ประเทศไทยจะต้องระบาดต่อไปด้วย เป็นเหตุผลที่สำหรับหลอกคนโง่ เพราะความจริงก็เป็นดังที่ได้แสดงมาข้างต้นนี้เอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี