ผมศึกษา Diversity หรือความหลากหลายมานานโดยเริ่มต้นจากต้องเข้าใจประเทศมีความหลากหลาย (Diversity) เข้าถึง พัฒนาทางแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ถ้าเราน้อมนำหลักปรัชญาของพระองค์ท่านมาประยุกต์ใช้ ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้น
คนบางกลุ่มไม่หวังดีต่อประเทศ อาจจะใช้โอกาสความหลากหลายทางอุดมการณ์การเมืองสร้างปัญหาและความขัดแย้ง
ความหลากหลายมีประโยชน์ถ้าผนึกกำลังกันของหลายๆ ฝ่าย สร้างพลังมากมาย อาจเรียกว่า Synergyคือ 1+1 = 3 หรือเรียกว่า Harmony คือ ความสามัคคี
ถ้าฉกฉวยโอกาสจากความหลากหลายทางอุดมการณ์การเมืองนำไปใช้ในทางที่ผิด จะนำไปสู่ความขัดแย้ง (Conflict) และในอดีต ก็เกิดมาแล้ว บ้านเมืองเสียหายอย่างมากเช่น เสื้อเหลือง เสื้อแดง
ในช่วงที่คุณทักษิณมีอำนาจโกรธที่ถูกยึดทรัพย์ และถูกทหารปฏิวัติ ก็มีการสร้างวาทกรรมซึ่งคงมาจากคำแนะนำอดีตผู้นำนักศึกษาที่เข้าป่าไปสร้างความเกลียดชังสร้างความแตกแยกให้ประชาชนออกมาเป็น 2 ฝ่าย
-ไพร่
-อำมาตย์
ใช้วาทกรรมได้ผลเพราะมีการปลุกระดมคนยากจนที่อาจจะถูกชักนำโดยวิทยุชุมชนเป็นหลักในภาคอีสานและภาคเหนือในหมู่คนใช้ ความเป็นคนยากจนว่า ไม่มีศักดิ์ศรี ว่าเป็นไพร่ถูกกดขี่ ฉะนั้นจึงต้องกำจัดอำมาตย์ออกไป
ในขณะที่เรียกคนมีอำนาจเรียกเป็นชนชั้นนำของประเทศว่า อำมาตย์ เอาเปรียบคนจนซึ่งหมายถึง ข้าราชการ ทหารและนักการเมืองซีกรัฐบาลเป็นหลัก
การปลุกระดมผู้ยากไร้ให้คิดว่า ชนชั้นอำมาตย์เอาเปรียบชนชั้นล่าง จึงเป็นที่มาของความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เพราะเน้นความหลากหลาย (Diversity) ทางชนชั้น สร้างความขัดแย้งเพื่อให้ตนเองได้มีโอกาสกลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้ง ในปี 2554 เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงในปี 2552-2553
จึงเป็นที่มาของคนเสื้อแดง และมีนักปลุกระดมจำนวนมากที่ระบอบทักษิณจ้างมาสร้างกระแสโดยมีนักการเมืองชักใยอยู่เบื้องหลัง
หมู่บ้านจำนวนมาก มีการปักธงที่ไม่ใช่ธงชาติ เป็นหมู่บ้านเสื้อแดงที่ไม่ขึ้นกับรัฐอีกต่อไป เมื่อมีการประท้วง ก็ใส่เสื้อสีแดงเพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อนผมบางคนที่ธรรมศาสตร์ ก็คล้อยตามเคยบอกผมว่า อีกหน่อย จะแดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งผมค้านเขาเพราะไม่เชื่อ ผมเรียกวิธีนี้ว่า Propaganda (การโฆษณาชวนเชื่อ)
ปัจจุบัน ก็เป็นที่ทราบกันว่า ประเทศไทยไม่มีชนชั้นแต่ถูกสร้างขึ้นมาจากความหลากหลายและกำลังจะสร้างขึ้นอีกครั้ง คือ ความขัดแย้งระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า การใช้ความขัดแย้งระหว่างไพร่กับอำมาตย์ได้ผลเพราะชนะเลือกตั้งปี 2554 รัฐบาลจากไพร่มีนโยบายผิดพลาดมากมาย เช่น จำนำข้าว ขาดทุนไป 7 แสนล้านบาท
มาถึงยุคการปลุกระดมนักเรียน นักศึกษาไม่โจมตีระบอบประชาธิปไตยที่โกงบ้านเมือง แต่เน้นโจมตีระบอบเผด็จการทหารทั้งๆ ที่ปัจจุบันได้มีการเลือกตั้งแล้ว
ปัจจุบัน ก็มีพรรคการเมืองบางพรรคที่เน้นเด็กรุ่นใหม่ เช่น พรรคที่ถูกยุบไปแล้วก็มาจากผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์มอมเมาเด็กรุ่นใหม่ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาจนถึงระดับมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับระบอบการปกครองแบบใหม่และโจมตีทหารว่า สืบทอดอำนาจ เพราะผู้นำเหล่านี้ต้องการอำนาจทางการเมืองแบบใหม่ อาจจะต้องการล้มล้างสถาบันที่คนไทยหวงแหน รักและเทิดทูนอีกต่อไปก็ได้
ผู้นำกลุ่มนี้ตั้งใจจะสร้างประเทศไทยตามแนวทางของเขา แต่เนื่องจากมีคดีทางการเมืองมากมายที่เป็นผลมาจากการกระทำของตนเอง จึงต้องอยู่เบื้องหลังเพื่อชักนำดำเนินนโยบายเปลี่ยนแปลงการเมืองในแนวทางของเขาโดยใช้คนรุ่นใหม่ต่อสู้กับคนรุ่นเก่า
ช่วง 2 ปีก่อนเลือกตั้งปี 2562 มีการลงทุนใช้สื่อสังคมออนไลน์ยิงไปยังเยาวชนตั้งแต่เด็กนักเรียนทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายจนถึงนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยต่อเนื่องมาโดยตลอด สร้างให้เกิดความเกลียดชังคนรุ่นเก่า โจมตีระบบการสืบทอดอำนาจและอาจจะโยงไปถึงการหมิ่นสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยทำให้เยาวชนแยกแยะไม่ออกว่า อะไรถูกหรือผิดเพราะไม่ได้ศึกษารากเหง้าของประเทศของตน ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ พ่อแม่และครูไม่มีเวลาสอนมารยาททางสังคม ขาดความเคารพผู้ใหญ่ และมีพฤติกรรมก้าวร้าว
ในที่สุด ก็เป็นการใช้ความหลากหลาย (Diversity)ทางอายุ ระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า เป็นความแตกแยกทางความคิดซึ่งอันตราย ถึงเวลาที่สังคมไทยจะต้องผนึกกำลังร่วมกัน
ผมเคยเป็นเด็กที่เคยผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลา มาแล้วในช่วงเวลานั้น อุดมการณ์ของนักศึกษาและอาจารย์เป็นอุดมการณ์ที่บริสุทธิ์ ไม่มีสื่อสังคมออนไลน์เพราะรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร อยู่มานานหมดความชอบธรรม
ในยุค 14 ตุลา นักศึกษามหาวิทยาลัยยังมีไม่มาก นักเรียนและมหาวิทยาลัยยังมีคุณภาพ คิดและวิเคราะห์สถานการณ์จากความเป็นจริงด้วยตนเอง ไม่มีใครมาปลุกระดมเพราะไม่มีสื่อสังคมออนไลน์มอมเมาความคิดตลอดเวลาเช่นปัจจุบัน 14 ตุลา จึงเป็นความสำเร็จที่ประชาชนใช้ขับไล่รัฐบาลถนอมออกไป
แต่ปัจจุบัน ผมต้องยอมรับว่า คนรุ่นเก่าที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เขาเหล่านี้มีสติปัญญาเพราะได้ผ่านการศึกษาที่มีคุณภาพ มีงานทำ มีประสบการณ์กว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่ควรมองผู้ใหญ่ว่า ไร้ประสิทธิภาพ เพราะไม่เป็นความจริงอาจจะดีกว่าเยาวชนรุ่นปัจจุบันเพราะผู้ใหญ่ยุคปัจจุบันมีการศึกษาดี ผ่านการทำงาน ผ่านวิกฤติมาหลายครั้งทั้งการเมืองและเศรษฐกิจไม่มีสื่อสังคมออนไลน์มามีอิทธิพลในยุคนั้น ผิดกับเด็กรุ่นปัจจุบันตกเป็นเหยื่อของพรรคการเมืองและผู้นำทางการเมืองปลุกระดมทางออนไลน์ ขาดความคิดและไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ ขาดความรู้ว่า บรรพบุรุษสร้างชาติไว้อย่างไร
ถ้าพลังนักเรียน นักศึกษาปัจจุบันเป็นพลังที่บริสุทธิ์ผมภูมิใจและสนับสนุนการประท้วงเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญต่อไป ผมสนับสนุนเพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจุดอ่อนที่จะต้องปรับปรุงหลายเรื่อง
แต่ถ้ามีผู้อยู่เบื้องหลังบงการ รู้ว่า มีคดีอยู่แล้ว อาจจะไม่กล้าแสดงตน ผมถือว่า ไม่ถูกต้อง ผมขอค้านเต็มที่
การแสดงออกผ่านป้ายที่บางอย่างไม่สมควรโดยเฉพาะการจาบจ้วงสถาบันยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง ต้องเลิกเด็ดขาด
สุดท้าย จะปลดแอก ก็ต้องทำให้สมเหตุสมผล ผมคิดว่า การมีข้ออ้าง 3 ข้อ
-ยุบสภา
-อย่าคุกคามนักเรียนหรือประชาชน
-แก้รัฐธรรมนูญ
ควรแก้รัฐธรรมนูญก่อนดีกว่าไหม และเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลชุดนี้ต้องยอมรับว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ปกติ ควรแก้ไขได้แล้วซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวม
(1) ที่มาของวุฒิสภา ควรแก้อย่างยิ่ง เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ส่วนสมาชิกวุฒิสภาจะมาอย่างไร ควรจะมีสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากภาคประชาชนด้วย
ผมยังไม่อยากเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด อีกส่วนหนึ่งอาจจะมาจากอาชีพต่างๆ ก็น่าจะเหมาะสม
(2) อย่าให้วุฒิสมาชิกเลือกนายกรัฐมนตรี
ถ้าขบวนการนักเรียน นักศึกษามีความจริงใจและกระตุ้นให้มีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสังคมและมีระยะเวลาที่ชัดเจน ผมสนับสนุนเต็มที่
ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมก็จะฟังจากข้อเสนอของนักศึกษาว่า จะแก้ด้านใดบ้าง
แต่ต้องมีระยะเวลาเป็นไปได้ที่ชัดเจนว่า 6 เดือนหรือ 1 ปี และไม่ใช่แก้ทุกมาตรา
ถ้าทำได้ ผมเห็นด้วยว่า การกระทำของนักเรียนนักศึกษาที่บริสุทธิ์มีคุณค่า ต่อสังคมอย่างยิ่ง ระหว่างนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ควรไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยและโรงเรียนจับเข่าคุยกันอย่างเปิดใจ จะช่วยลดบรรยากาศความตึงเครียดลงได้มาก
จีระ หงส์ลดารมภ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี