7 สิงหาคมของทุกปี ถือเป็นวันที่นักกฎหมายในบ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะจบจากค่ายไหนทวีปไหนจะน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระราชโอรสองค์ที่ 15ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(พระปิยมหาราช) รัชกาลที่ 5 ผู้ทรงวางรากฐานด้านกฎหมายในประเทศไทยหลังสำเร็จการศึกษาวิชากฎหมายมาจากประเทศอังกฤษ จนได้รับพระสมัญญานามว่า “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” โดยพระองค์สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2463
จาก“สนธิสัญญาเบาว์ริง ซึ่งเป็นสัญญาการค้ากับประเทศอังกฤษ ทั้งยังมีข้อตกลงที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีในกรณีคนในบังคับของอังกฤษกระทำความผิดในประเทศไทยไม่ต้องขึ้นศาลไทย แต่ให้ขึ้นศาลกงสุลของประเทศอังกฤษแทนทำให้ประเทศไทยเสียอำนาจอธิปไตยทางศาลอย่างรุนแรง
สนธิสัญญาเบาว์ริงนี้เองได้กลายเป็นแม่แบบของการที่ชาติเจริญแล้วกว่า 14 ประเทศ ได้เข้ามาทำสัญญาในลักษณะเดียวกันอย่างรวดเร็ว รัชกาลที่ 5ทรงยอมรับว่ากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทยล้าหลังและป่าเถื่อนไม่เหมือนกับนานาอารยประเทศ จึงทรงมีพระราชวินิจฉัยให้ปรับปรุงกฎหมายเสียใหม่ จึงทรงส่งพระราชโอรสไปร่ำเรียนยังต่างประเทศเพื่อให้รู้ถึงขนบธรรมเนียมของประเทศต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาประเทศไทย
ทั้งด้านวิธีพิจารณาคดี ทรงเลือกของอังกฤษรวมถึงระบบศาลเดี่ยวของอังกฤษเป็นแบบอย่างด้วย ทำให้ประเทศไทยใช้ระบบวิธีพิจารณาแบบกล่าวหา คู่กับระบบกฎหมายแบบซีวิลลอว์ ซึ่งมีลักษณะผิดฝาผิดตัว นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ต่อมาแก้ปัญหาโดยวิธีเลือกใช้ระบบกฎหมายแบบฝรั่งเศส ทำให้ไม่มีปัญหาในด้านกฎหมายและศาลกับประเทศไทยอีกต่อไป นับแต่นั้นมา สิทธิสภาพนอกอาณาเขตของประเทศต่างๆ จึงสิ้นสุดไป ต่างประเทศพากันยอมรับกฎหมายและการวินิจฉัยคดีของศาลไทยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
ทว่าวันนี้กระบวนการยุติธรรมไทยได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยจากคดีขับรถยนต์ชนคนตาย ให้กลายเป็นเรื่องที่ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมถึง 6 คณะ สื่อต่างประเทศนำเสนอข้อมูลข่าวสารคดีนี้อย่างครึกโครม ทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยขาดการยอมรับและความน่าเชื่อถือ
ประเด็นคือถึงเวลาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทยหรือยัง กระบวนการที่ ตำรวจ-อัยการวิสาสะตัดตุลาการศาลออกจากระบบ
ทหารแก่ปล่อยเยี่ยงนี้กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้เสียก่อน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี