ในยุคสงครามเย็น มีสงครามใหญ่ยืดเยื้อขึ้นในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ซึ่งขณะนั้นหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์ได้เข้าเป็นภาคีองค์การความร่วมมือป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียอาคเนย์หรือที่เรียกว่าซีโต้ เพื่อเข้าร่วมกับสหรัฐในการทำสงครามเวียดนาม
ในขณะนั้นเวียดนามยังเป็นเวียดนามเหนือ-ใต้ โดยลาวยังเป็นลาวเหนือ-ใต้ และกัมพูชาอยู่ภายใต้การครอบงำของสหรัฐ ดังนั้น ทั้งลาวและกัมพูชาจึงเป็นพื้นที่สงครามต่อเนื่องจากสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นสงครามระหว่างฝ่ายหนึ่งที่อ้างตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กับอีกฝ่ายหนึ่งที่ถูกเรียกว่าเป็นสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์
ประเทศไทยเป็นภาคีของซีโต้ แต่ตั้งตัวประพฤติตนเป็นพวกร่วมหัวจมท้ายกับสหรัฐ ได้เข้าสู่สงครามเวียดนามเต็มรูปแบบ ได้ส่งกองทหารเข้าไปร่วมรบในเวียดนามตลอดระยะเวลาอันยาวนานของสงคราม และให้สหรัฐใช้ดินแดนของประเทศไทยเป็นฐานทัพ รวมทั้งการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ไปทิ้งระเบิดทั้งในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายนับล้านคน เป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดของโลก
เป็นสงครามระหว่างชาติมหาอำนาจและบริษัทบริวารที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ก้าวหน้าทันสมัยที่สุดของโลกกับประเทศเวียดนามที่ไม่มีทั้งเครื่องบิน ขีปนาวุธหรือจรวดวิถีไกล และไม่มีทหารที่ผ่านการศึกษาจากโรงเรียนเสนาธิการทหารจากประเทศตะวันตกเลย ผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเวียดนามเป็นเพียงครูประชาบาลที่มีนามเลื่องชื่อลือชาต่อมาว่านายพลโวเหงียนเกี๊ยบ ภายใต้บัญชาการของมหาบุรุษซึ่งเป็นยอดคนชาวเวียดนามคือ โฮจิมินห์ ซึ่งไม่เคยผ่านการศึกษาทางการทหาร และมีการศึกษาที่ไม่สูงใดๆ เลย
แต่ในที่สุดสหรัฐและพันธมิตรซึ่งหมายถึงซีโต้ด้วยได้พ่ายแพ้สงครามเวียดนามอย่างย่อยยับ ถึงขนาดแตกทัพชนิดหนีออกจากดินแดนเวียดนามแทบไม่ทัน ทำให้กองทัพเวียดนามสามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมหาศาลได้จากกองทัพสหรัฐและพันธมิตร
จากนั้นแสนยานุภาพของเวียดนามก็สนับสนุนลาวให้ปลดแอกทั้งประเทศ และสนับสนุนให้นายเฮง สัมริน ออกหน้านำกำลังทหารเวียดนามเข้ายึดกัมพูชา ภายใต้ชื่อยุทธการบัวบานได้สำเร็จในชั่วเวลาเพียง 7 วัน เพราะขณะนั้นสหรัฐได้ถอนกำลังหนีกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว
แสนยานุภาพที่นำโดยกองพลรถถังที่ทันสมัยในยุคนั้นของเวียดนาม โดยมีกำลังทหารที่เจนศึกสงครามและกำลังกระปรี้กระเปร่าด้วยชัยชนะ เคลื่อนพลมาประชิดชายแดนไทยตลอดแนวชายแดนภาคอีสานและตะวันออก ยื่นข้อเสนอให้คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ออกหน้าเข้ายึดประเทศไทยทางภาคอีสาน โดยกองทัพเวียดนามจะเคลื่อนพล 300,000 คน เข้าช่วยเหลือ แต่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยปฏิเสธและกลับยื่นคำขาดไม่ให้เวียดนามรุกล้ำแดนไทย มิฉะนั้นก็จะแปรขบวนรบเข้าร่วมกับกองทัพไทยทำสงครามต่อต้านสงครามรุกรานทันที
สถานการณ์คับขันยิ่งนัก ฝ่ายไทยได้ส่งคณะทูตลับ 3 คน ไปหารือความร่วมมือกับเติ้ง เสี่ยว ผิง ผู้นำจีน และในที่สุดด้วยการช่วยเหลือของจีนที่เคลื่อนแสนยานุภาพ 500,000 คน เข้าประชิดเวียดนามทางด้านเหนือ กดดันจนกองทัพ 300,000 คน ของเวียดนามชายแดนไทยต้องถอนขึ้นไปยันศึกจีนและต่อมาก็เกิดเป็นสงครามสั่งสอนขึ้น ประเทศไทยจึงอยู่รอดปลอดภัย
หลังจากสหรัฐถอนออกไปจากเอเชียอาคเนย์หลายสิบปีในที่สุดก็หันกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และล่าสุดก็ได้กำหนดยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก โดยหวังชักชวนประเทศในอาเซียนให้เข้าร่วมเพื่อต่อต้านจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ทั้งจากภาคพื้นมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก และเป็นที่แน่นอนว่าต้องการใช้ดินแดนของประเทศในอาเซียนเป็นฐานทัพในการทำสงครามกับจีน เกาหลีเหนือ และอิหร่านด้วย
ดังนั้นช่วง 3 ปีมานี้จึงปรากฏการเคลื่อนไหวและความร่วมมือมากหลายขึ้นภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าว ในขณะเดียวกัน จีน รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ก็ได้จัดตั้งพันธมิตรกับอีกหลายประเทศเป็นองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เพื่อรับมือกับการรุกรานทุกรูปแบบ
ดังนั้นความคิดใดๆ ที่จะต่อต้านจีนหรือร่วมกับชาติอื่นทำสงครามกับจีนก็ต้องคิดใคร่ครวญให้จงดีในสี่ประการคือ
ประการแรก จะต้องประมาณสถานการณ์ความขัดแย้งให้แม่นยำ เพราะเพียงแค่เปรียบเทียบสมรรถนะของเวียดนามในยุคนั้นกับจีนในยุคนี้ก็จะมีคำตอบได้ชัดเจนว่าควรปฏิบัติอย่างไรและผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร เพราะหากเกิดเหตุเภทภัยขึ้นในครั้งนี้ก็คงไม่โชคดีเหมือนเมื่อครั้งกองทัพเวียดนามมาจ่อที่ชายแดนไทยอีกแล้ว
ประการที่สอง การต่อต้านและเข้าร่วมกับชาติอื่นทำสงครามกับจีนนั้นจะต้องทราบให้ถ่องแท้ว่าแท้จริงแล้วมีผลเท่ากับต่อต้านและทำสงครามกับพันธมิตรของจีนที่โดยตรงก็คือองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ และในระดับแกนก็คือรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ก็จะรู้ผลเบื้องหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยถ้าหากเดินเส้นทางสายนี้
ประการที่สาม สถานการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่เหมือนยุคก่อนสงครามเวียดนามอีกแล้ว แสนยานุภาพทางทหาร ทางเศรษฐกิจ และทางการเมืองระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไปยืนอยู่ข้างกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้แล้ว
ประการที่สี่ ต้องใคร่ครวญให้จงดีด้วยความไม่เพ้อฝันว่าประเทศอาเซียนจะว่าตามประเทศไทยอย่างว่านอนสอนง่ายเหมือนอดีต เพราะบัดนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าสถานการณ์ของประเทศอาเซียนนั้นเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะเมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ แสดงท่าทีชัดเจนต่อเนื่องว่าหันไปจับมือกับจีน หรืออย่างน้อยก็ไม่ร่วมมือกับสหรัฐ ในขณะที่เวียดนาม อินโดนีเซียยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน
จึงคงเหลือไทย สิงคโปร์ และบรูไนเท่านั้นว่าจะเอาอย่างไร และการจะเอาอย่างไรนั้นก็ต้องไม่ให้ซ้ำรอยสงครามเวียดนามอีกครั้ง!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี