“บุคคลแนวหน้า ใน นสพ.แนวหน้า (WWW.naewna.com) สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” นำเสนอข้อเท็จจริงทุกวรรค ทุกบรรทัดทุกตัวอักษร ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ยังตอกย้ำเรียกร้องให้รัฐบาลทำทุกเรื่องให้กระจ่าง นำข้อเท็จจริงที่สังคมเคลือบแคลงสงสัยและอยากรู้ออกมาเผยแพร่ให้จงได้ ไม่ว่าจะเรื่องการจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันอังคารที่ 11 ส.ค. 2563 โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ซึ่งมีการปราศรัยและยื่นข้อเรียกร้องเกินขอบเขตผิดกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 6 โดยแกนนำที่ชื่อ “เพนกวิน - พริษฐ์ ชีวารักษ์” หากแต่สิ่งที่เยาวชนกลุ่มนี้ดำเนินการนั้น จักกล่าวอ้างเพียงว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์คงไม่ได้ เพราะกรณีดังกล่าวอาจนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมไทยอีกครั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นอย่างไร...
nn รัฐบาลทหารแก่ จะงุ่มง่าม กระบิดกระบวนไม่ได้ ต้องทำความจริงให้กระจ่าง “อีแอบ”กลุ่มไหนลักษณะไหนให้การสนับสนุนกำลังทุนและ“อีแอบ”กลุ่มไหนที่เสี้ยมยัดเยียดข้อมูลผิดๆเหล่านี้ให้เยาวชนที่มีไม้ขวางที่คอและใช้เชือกไปร้อยในช่องจมูกเพื่อให้จูงให้กระชากลากไปในทิศทางที่ต้องการ “ไม้หน้าสาม” เชื่อโดยสุจริตใจว่าต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังร่วมจัดฉากตาม “ทฤษฎีสมคบคิด” แน่นอนหวั่นเกรงเหลือเกินว่าจะเกิด “วรรณกรรมซีไรต์” อย่าง “ขุนทองเจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง” ภาคสอง เพราะหลังจากมีเสียงติติงจากอาจารย์บางท่าน ก็มีคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ลงรายชื่อทำหนังสือสนับสนุนการจัดกิจกรรมด้วยว่า มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันทางวิชาการซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการแสวงหาทางออกเพื่อความก้าวหน้าของสังคมไทย ควรที่จะประกาศเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสในการแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะประเด็นอันเป็นประโยชน์สาธารณะ ทั้งกิจกรรมนั้น เป็นไปตามมาตรา 34 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560 อีกต่างหาก และยังใช้วิจารณญาณสร้างบรรทัดฐานใหม่ด้วยว่าไม่ปรากฏข้อความใดที่ถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น จาบจ้วงหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูง ดังนั้นรัฐบาลต้องทำความจริงให้กระจ่างว่ากิจกรรม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เป็นกิจกรรมที่นักเรียน นิสิตนักศึกษาจัดขึ้นเองหรือได้รับแรงหนุนการส่งเสริมสนับสนุนจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพื่อให้สังคม,พ่อ-แม่และผู้ปกครองได้เข้าใจและตระหนักถึงตรรกะในการเคลื่อนไหวจัดกิจกรรม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน”ครั้งนี้...
nn กรณี “เนตร นาคสุข”รองอัยการสูงสุด รักษาราชการแทนอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้อง “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยาทายาทมหาเศรษฐี “เรดบลู” ที่ขับรถชนรถจยย.ของ “ดาบตำรวจวิเชียรกลั่นประเสริฐ” หัวหน้าหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ จนเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ก็เช่นกัน เป็นอีกประเด็นที่ “ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”ในฐานะผู้บริหารประเทศสูงสุด ต้องทำความจริงให้กระจ่าง ต้องบอกสังคมที่เคลือบแคลงสงสัยพฤติกรรมอัยการเยี่ยงนี้ว่า ใช้ “ตรรกะ”อย่างไรในการพิจารณาคดี นี่ไม่ใช่คดีแรกที่พิจารณาย้อนแย้งความรู้สึกของประชาชน เท่าที่จำได้คือ 1.สั่งไม่ฟ้องคดีค้ามนุษย์ “อาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท”2.มีความเห็นทางคดีชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงคดีฟอกเงินแบงก์กรุงไทยที่มี “โอ๊ค – พานทองแท้ ชินวัตร”บุตรชาย “นายทักษิณ ชินวัตร”เป็นจำเลย ฯลฯ...nn พูดถึงเรื่องทางการเมืองที่อาจจะกลายเป็นระเบิดเวลาทุบทำลายเศรษฐกิจไทยให้วินาศสันตะโรแล้ว ประเด็นทางเศรษฐกิจอีกเรื่องที่บ่อนทำลายกัดเซาะการแข่งขันการค้าการส่งออกของไทย โดยที่ผู้รับผิดชอบยัง “งุ่มง่าม - มะงุมมะงาหรา – กระบิดกระบวน”จนประเทศคู่แข่งทะยานข้ามศีรษะไปแล้ว อย่าง “ค่าบาท” ที่แข็งโด่เด่กว่าเพื่อนบ้านไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
nn อัตราแลกเปลี่ยนเงินดองของเวียดนามคู่แข่งทางการค้าของไทยนั้น ปรากฏว่า 1 ดองขณะนี้เท่ากับ 14 สตางค์ บุคลากรในแบงก์ชาติตั้งแต่ระดับล่างจนถึงผู้ว่าการแบงก์ชาติ ช่วยทำหน้าที่ให้สมราคาเงินภาษีที่จ่ายเป็นผลประโยชน์ของท่านทั้งหลายหน่อยเถิด แหกตาดูความเป็นจริง ไม่ใช่หลับหูหลับตาเชื่อสถาบันการเงินต่างประเทศอย่าง “ไอเอ็มเอฟ-IMF” เสียทุกเรื่อง สู้อุตส่าห์เป็นนักเรียนทุนไทยไปจบถึงฮาร์วาร์ดแต่นั่งมโนเอาว่าเงินบาทอ่อน ไม่แปลกใจที่ผู้มีอำนาจมีหน้าที่ทำการค้าสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยถึงไม่สามารถทำการค้เอาชนะ “เวียดนาม และ อินเดีย”ได้เลย ตราบใดที่ยัง “อวดฉลาด” ใช้สมองส่วนไหนคิดเดินตามต่างชาติ ฟังไว้ต้องทำให้ค่าบาทลดลงอย่างน้อย 10% หรือ 35 บาทเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทหารแก่ก็อย่าหวังว่าจะสามารถส่งออกสินค้าไปแข่งขันในตลาดได้โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร เมื่อส่งออกไปไม่ได้ ราคาในประเทศก็จะตกต่ำ “ระดับสมอง”ผู้บริหารไทยก็คงทำได้แค่รับจำนำ-ประกันรายได้ แบ่งปันกัน “ทุจริตคอร์รัปชั่น”เรื่อยไป หยุดพล่าม “เศรษฐกิจ มั่นคงมั่งคั่ง ยั่งยืน” ได้เลย “จิ้งจกร้องทักคนโบราณยังผวา” นี่คนไทยเสนอแนะ อย่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเลยสะอึกแล้วหยุดคิดพิจารณาสักนิดทิฐิปล่อยวางไม่มีใครประจานว่าโง่!!หรอก...
nn ไม่เพียงสินค้าเกษตรจะรับผลกระทบเท่านั้น สินค้าอุตสาหกรรมที่พอทำกำไรกันได้ราว 2-3 เปอร์เซ็นต์ เจอจริตผู้บริหารและทีมแบงก์ชาติเยี่ยงนี้เลยประสบภาวะ “ขาดทุน” กันหมด ส่งผลให้ “โรงงานอุตสาหกรรม” ต้องปิดตัว ทำให้เกิดปัญหา “ผู้ใช้แรงงานตกงาน”เป็นลูกโซ่เป็นแสนคน บางอุตสาหกรรมก็ย้ายฐานการลงทุนไปสร้างไปตั้งโรงงานในประเทศที่ผู้บริหารมีหยักสมองมากกว่าอย่างเวียดนามและอินเดียกันหมด ...
nn ถามพอเป็นวิทยาทานเถอะ!! บุคลากรในแบงก์ชาติมีความคิดอ่านหรือพอจะทราบหรือไม่ว่านี่คือนโยบายทางการเมืองของ “จักรวรรดินิยมอเมริกา” ที่ต้องการให้ญวน กับอินเดีย เจริญเติบโตเพื่อไปยันกับจีนโดยไม่สนใจพันธมิตรเทียมอย่างไทย เลิก “ดักดาน”ได้แล้ว...
nn “อนาถใจ-สังเวช-นักเรียนทุนรัฐบาลไทย” ซึ่งเคยไปเป็นลูกน้องของ IMF หรือ ลิ่วล้อ อเมริกาก็หลงทาง ฟังและทำตามมันทุกฝีก้าว ดีใจหลงใหลจนลืมว่าประเทศของตัวเองคือประเทศไทย จะเสียหายอย่างหนักขนาดไหน ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นผู้ดูแลนโยบายการเงินของประเทศต้องอ่านเกมและเข้าใจสภาพปัญหา ต้องมองหาหนทางมาตรการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ อย่างค่าเงินบาท รู้ทั้งรู้ว่า “จักรวรรดินิยมอเมริกา” เล่นแร่แปรธาตุพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมามากมาย ไม่ต่างจาก“อียูที่พิมพ์ธนบัตรเพิ่มมากว่า 400,000 ล้านยูโร” ส่งผลให้ค่าเงินสกุลอื่นๆ แข็งค่าทันที “แบงก์ชาติผู้ดูแลนโยบายการเงินของประเทศ” ต้องหาหนทางต่อกรในเรื่องนี้อย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่เอ้อระเหยลอยลมปล่อยให้ธุรกิจส่งออกของไทยประสบหายนะเยี่ยงนี้ เปรียบเสมือนคนระดับจอมพล,ผู้บัญชาการ ทหารบก ผู้นำกองทัพนำไพร่พลออกรบในสงคราม ทว่า ทุรยศต่อชาติเฉกเช่นพฤติกรรม “พระยาพลเทพ” จนทำให้ “กรุงศรีอยุธยา”แตกพ่ายแพ้พม่ารามัญเมื่อพุทธศักราช 2310 พฤติกรรมเยี่ยงนี้ “โทษประหารชีวิต” เท่านั้น
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี