 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
							สื่อหลายสำนัก กำลังพยายาม “สร้างประเด็น” ว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งเป็น “กบฏ”
ที่สำคัญ พยายามลากโยงไปให้คนรู้สึกว่า “มันไปจับมือกับพรรคฝ่ายค้าน” และเหมือนๆ จะย้ำอย่างยิ่งว่าเป็น “พรรคก้าวไกล” ซึ่งเดิมก็คือ “พรรคอนาคตใหม่”
มนุษย์ประเภทการเมืองต้องแยกขั้วแยกข้างกันให้รู้เรื่อง ไม่เกลือกกลั้ว ไม่เกี่ยวข้อง ก็ขนลุกซู่ ด่าทอ สาปแช่งหาว่าไม่มีจุดยืนบ้างละ เสื่อมบ้างล่ะ โดยไม่ได้ถกเถียงกันในประเด็นว่า สส.ประชาธิปัตย์กลุ่มนี้ ไปร่วมลงชื่อกับพรรคฝ่ายค้านด้วย “เรื่องอะไร” เพื่อ “นำไปสู่อะไร”
เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ อ่านข่าวนี้กันก่อนครับ แนวหน้าออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมกันนำรายชื่อสส.99 คน มายื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา เพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 272 ว่าด้วยการยกเลิกการให้สว.ร่วมลงมติในที่ประชุมรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี
นายชวน กล่าวว่า ตามขั้นตอนจะต้องมีการตรวจสอบองค์ประกอบของญัตติเพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมาย หากไม่มีปัญหาจะสามารถบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาได้ใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้ได้มีการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านไปก่อนหน้านี้ โดยจะมีการพิจารณาในระหว่างวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ ทั้งนี้คิดว่าหากไม่มีปัญหาใดๆจะสามารถพิจารณาได้พร้อมกัน
ด้านนายพิธา กล่าวว่า สส.ที่ร่วมลงชื่อ มีจำนวน 99 คน มาจาก 13 พรรคการเมืองโดยไม่มีสส.พรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ ร่วมลงชื่อ แต่มีสส.พรรคประชาธิปัตย์ร่วมลงชื่อด้วย เชื่อว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะได้รับการพิจารณาในวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ นอกจากนี้มั่นใจว่าจะไม่มีสว.คนใดขัดขวาง เนื่องจากทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า การแก้ไขมาตรานี้จะเป็นทางออกให้กับประเทศ
ขณะที่นายสาทิตย์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากความเห็นพ้องร่วมกัน ที่จะให้มีการแก้ไขในเรื่องการให้สว.เลือกนายกฯเพียงประเด็นเดียว ซึ่งการดำเนินการของสส.พรรคประชาธิปัตย์เป็นเอกสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แม้ว่าสส.พรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ได้ร่วมลงชื่อในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลไปก่อนหน้านี้ โดยการแก้ไขมาตรานี้จะเป็นการยกเลิกการสืบทอดอำนาจ อย่างไรก็ตามพวกเราจะเข้าไปชี้แจงต่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป และคิดว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าใจการดำเนินการในครั้งนี้ เนื่องจากหัวหน้าพรรคเคยแสดงความคิดเห็นสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 272
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวว่า หากมีการยกเลิกมาตรา 272 จะทำให้กระบวนการได้มาซึ่งนายกฯเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแบบเดิมคือ ให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสนอชื่อและเลือกนายกฯจากบัญชีรายชื่อผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯของพรรคการเมืองที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง และหากสภาผู้แทนราษฎรเลือกไม่ได้ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้สภาฯเลือกนายกฯคนนอกต่อไป
เมื่อเข้าไปสังเกตเฟซบุ๊คของ สส.บางท่านของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเป็นแนวร่วมอย่างชัดเจนกับ “สาทิตย์” พบว่า นักการเมืองหญิงสองคน แสดงความคิดเห็นว่า
“เคารพการตัดสินใจของทุกท่านในพรรคที่เซ็นฉบับนี้
แต่ (ชื่อ) ไม่เซ็นเพราะเหตุผลที่ร่างนี้ไปร่วมกับพรรคที่มีความคิดที่เราไม่ปลื้มอย่างแรง...
#ปวดหัวตึ๊บเลย”
อีกคนกล่าวว่า...
#(ชื่อ)ไม่เซ็นร่วมกับพรรค (เครื่องหมายหัวใจสีส้ม)
#ไม่เห็นด้วย_สว_เลือกนายกรัฐมนตรีก็ตั้ง_สสร_เดินหน้าทบทวน
#เคารพในการตัดสินใจของเพื่อนๆทุกๆท่าน
#พรรคเดียวกันคิดต่างกันได้
#ความสวยงามของประชาธิปไตย
ขณะที่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อ ได้โพสต์เฟซบุ๊คไว้ล่วงหน้าว่า
“สถานะเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน แต่ จุดยืนไม่เคยเปลี่ยน “ขอแค่ประชาธิปไตยปกติ”
...ย้อนไปเมื่อวันลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 (7 สิงหาคม 2559) ผมในฐานะประชาชน คิดไม่ตกกับการรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เนื่องจากบางมาตราก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักของ “นิติรัฐ - นิติธรรม” แต่ก็มีในบางส่วนบางตอนไม่เข้าหลักการนี้ คำถามของผมคือ รัฐธรรมนูญดีพอไหม + สว.ควรมีอํานาจในการเลือกนายกไหม ? ผมจึง VOTE NO ทั้งสองคำถามในการประชามติครั้งนี้
...วันนี้ 4 ปี ผ่านไป วันนี้ ทำให้ผมต้องหวนกลับมาพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งในสถานะของ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” ที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 ผมก็ยังยืนหยัดจุดยืนเดิมดังที่ผมได้แถลงข่าวร่วมกับเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วน “ว่าร่างรัฐธรรมนูญเพียงฉบับเดียวไม่พอต่อการแก้ไขสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน แต่ต้องแก้ไขมาตรา 272 เพิ่มเติม เพื่อลดอำนาจของ สว. ในการโหวตนายกรัฐมนตรี และยับยั้งการสืบทอดอำนาจ” คำตอบของผม รัฐธรรมนูญดีไม่พอ + สว.ไม่ควรมีอํานาจในการเลือกนายกอย่างแน่นอน.
...สถานการณ์ในวันนั้นยุค คสช. ประชาธิปัตย์ถูกระงับบทบาททางการเมือง ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถมีส่วนร่วมในการออกแบบและแสดงความเห็นต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ แต่ในวันนี้เราเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งในวันนี้ปัญหาของประเทศไทยมิใช่มีเพียงแค่ปัญหาของรัฐธรรมนูญแต่วันนี้ยังมีอีกสิ่งที่สำคัญคือปัญหา “ปากท้องของประชาชน” ที่รัฐบาลต้องรีบแก้ไข ผมคิดว่าเราควรถอยกันคนละก้าวเพื่อให้ประเทศเราเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงต่อไป
...สถานะเปลี่ยน - วันนั้นในฐานะประชาชน 1 ใน 70 ล้าน ส่วนวันนี้ในฐานะผู้แทน
...สถานการณ์เปลี่ยน - วันนั้นที่ประชาธิปัตย์ถูกระงับบทบาททางการเมืองยุค คสช. ส่วนวันนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
...คําตอบวันประชามติเป็นยังไง วันนี้ก็เหมือนเดิม
...บางคนเรียกกบฏ บางคนเรียกจุดยืน
...“ผมแค่อยากได้ประชาธิปไตยปกติ”
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า... ไม่ใช่กบฏหรอก
• ผมฟังข่าวมีสส.พรรคประชาธิปัตย์หลายท่าน(ไม่ทราบจำนวนเท่าไหร่) ลงชื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 (มาตรา 272 เป็นเรื่องการให้อำนาจสว.250 คน ที่มาจากการแต่งตั้งเลือกนายกรัฐมนตรีได้)
• ผู้ลงชื่อแก้ไขตัดมาตรา 272 แถลงทำนองว่า ท่านคือ กบฏของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคฯมีมติให้ตั้ง ส.ส.ร.มาแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนส.ส.ร. จะแก้อย่างไรก็แล้วแต่ส.ส.ร. ก็เท่ากับมอบอำนาจที่ประชาชนให้มา ไปให้คนอื่นใช้อำนาจนั้นแทนอีกทอดหนึ่ง ก็ดูแปลกๆ อยู่
• ผมว่า ท่านที่ขอแก้ ม.272 ไม่ใช่กบฏหรอก เพราะตอนหาเสียงเลือกตั้ง พรรคก็ประกาศไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และตอนนั้นพรรคก็ให้เหตุผลว่า มาตรา 272นี่แหละทำให้“ประชาธิปไตยวิปริต” เพราะเป็นการสืบทอดอำนาจผ่านทางสว.ส่วนจะสืบทอดอำนาจให้ใครก็แล้วแต่จะคิดกันไป น่ายินดีที่สว.หลายท่านก็ยินยอมที่จะตัดอำนาจของตนเอง นับว่าน่ายินดี ต้องขอบคุณท่านสว.เหล่านั้น
• การที่ท่านลงชื่อตัดมาตรา 272 จึงเป็นการ ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาชน หากใครถือว่ากบฏต่อพรรค แต่จงรักภักดีต่อคำมั่นสัญญาที่มีต่อประชาชน ผมว่าการเลือกซื่อตรงต่อประชาชนน่าจะมีเหตุผลกว่า ส่วนจะแก้ได้หรือไม่ได้ ก็สามารถบอกประชาชนได้ว่า ท่านได้พยายามทำตามจุดยืนที่ประกาศไว้แล้ว
ผมเองเห็นด้วยกับคุณนิพิฏฐ์ และคิดว่า สส.ที่ร่วมลงชื่อนี้ “ก้าวข้ามเงื่อนไข” บ้าๆ บอๆ เรื่องใครอยู่พรรคไหน ไปที่ “หัวใจของเรื่อง” คือ การทำรัฐธรรมนูญให้กลับมาสู่สภาพประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นให้เร็วที่สุด และเป็นจุดที่ “หัวหน้าพรรค” คนปัจจุบัน เคยพูดบนเวที “ปฏิญญาทุ่งสง” ช่วงปราศรัยหาเสียงว่า มาตรานี้แหละที่ทำให้เกิดภาวะ “ประชาธิปไตยวิปริต”
อย่างน้อย บัดนี้ก็มี “ลูกพรรค” ที่พร้อมลงชื่อแก้ไขให้มัน “หายวิปริต” ให้เร็วที่สุดแล้ว โดยไม่ “หมายน้ำบ่อหน้า” ไม่จำนนต่อคำว่า “พรรคร่วมรัฐบาล” เพื่อให้บ้านเมืองนั้น เป็น “ประชาธิปไตยสุจริต”เร็วเท่าที่จะทำได้ทันที
ปรบมือให้ สส. “กบฏ” เหล่านี้ครับ!!!

 (คลิป) แนวหน้าTAlk : แร่แรร์เอิร์ธคืออะไร? ทำไมสหรัฐสนใจ!!
										(คลิป) แนวหน้าTAlk : แร่แรร์เอิร์ธคืออะไร? ทำไมสหรัฐสนใจ!!
									 รมว.กลาโหม เยี่ยมทหารกล้า ย้ำ ไม่ทอดทิ้ง ดูแลผู้เสียสละและครอบครัวอย่างดีที่สุด
										รมว.กลาโหม เยี่ยมทหารกล้า ย้ำ ไม่ทอดทิ้ง ดูแลผู้เสียสละและครอบครัวอย่างดีที่สุด
									 'ญาญ่า'ทำถึงเกิน! แปลงโฉมชวนหลอนเป็น'ปลากล้องโทรทรรศน์' ลุคนี้ทำเอาฮือฮาสนั่นโซเชียล
										'ญาญ่า'ทำถึงเกิน! แปลงโฉมชวนหลอนเป็น'ปลากล้องโทรทรรศน์' ลุคนี้ทำเอาฮือฮาสนั่นโซเชียล
									 คนละครึ่งพลัส 3 วัน ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 5.4 พันล้าน ร้านค้าร่วมลงทะเบียนทะลุ 7.8 แสนราย
										คนละครึ่งพลัส 3 วัน ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 5.4 พันล้าน ร้านค้าร่วมลงทะเบียนทะลุ 7.8 แสนราย
									 ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ชี้การถอดยศเจ้าชายแอนดรูว์ กษัตริย์ชาร์ลส์หวังสะสางราชวงศ์อังกฤษ
										ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ชี้การถอดยศเจ้าชายแอนดรูว์ กษัตริย์ชาร์ลส์หวังสะสางราชวงศ์อังกฤษ
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี